ระยะนี้ในพื้นที่เมืองนนทบุรีเกิดคดีแท็กซี่ขืนใจผู้โดยสารบ่อยครั้ง
ค่ำวันที่ 11 ธ.ค. ที่ผ่านมา เกิดเหตุโชเฟอร์แท็กซี่หื่นลวงน.ส.นัท (นามสมมติ) สาวชาวพม่า ที่โบกแท็กซี่โตโยต้า รุ่นอัลติส สีชมพู ทะเบียน ทษ 335 กทม. ให้มาส่งแถวสะพานพระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี
โดยที่ "นัท" ไม่รู้เลยว่าคนขับแท็กซี่คันนั้นคือซาตานในคราบโชเฟอร์ ที่ก่อคดีข่มขืนมาแล้วมากมาย ทันทีที่ "นัท" ขึ้นรถคนขับก็ขับพาเลี้ยวเข้าไปยังลานดินหลังห้างเซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ ใช้มีดจี้ลงมือข่มขืนกระทำชำเรา
แต่ทว่าห้วงนั้นมีตำรวจสายตรวจขับจยย.ผ่านมาพบพอดี จึงไล่จับกุมรถคนร้ายทำให้คนขับทิ้งเหยื่อสาวลงจากรถแล้วขับหลบหนีไป เจ้าหน้าที่เลยตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงไล่หลังถูกยางแตก ก่อนที่คนร้ายจะประคองรถหลบหนีไป
ตำรวจตามแกะรอยแท็กซี่โตโยต้าอัลติส ทะเบียน ทษ 335 กทม.ทันใด
คดีนี้เป็นคดีใหญ่และเป็นภัยสังคม พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. ลงมาสั่งการไล่ล่าคนร้ายด้วยตนเอง เรียกประชุมทีมนายตำรวจใหญ่ อาทิ พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น พล.ต.ท.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รรท.ผบช.ภาค1 พ.ต.อ.อภิชาต เรือนทิพย์ รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี รรท.ผบก.ภ.จว.นนทบุรี วางแผนตามล่า ใช้กำลังตำรวจทั้งในบช.ภ. 1 และนครบาล ประสานงานล่าตัวมาดำเนินคดีให้ได้
การตามล่าแท็กซี่หื่นจึงเริ่มขึ้น!?!
เจ้าหน้าที่ใช้เวลาไม่นานเช็กจากทะเบียนรถ ก็รู้ว่าคนขับ คือ นายนพพล หรือ "ไอ้ทิด" วงกฎทอง อายุ 53 ปี มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 89/585 หมู่ 3 ต.บางศรีเมือง อ.เมือง จ.นนทบุรี จึงตามไปรวบตัวไว้ได้ในอีก 2 วันถัดมา จนมุมในซอยกันตนา ย่านบางใหญ่ พร้อมของกลางรถแท็กซี่โตโยต้า อัลติส สีชมพู ทะเบียน ทษ 335 กทม. และอาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุ รวมทั้งกระเป๋าถือและสะพายแบบสตรี 24 ใบ และทรัพย์สินอื่นๆ อีกกว่า 30 รายการ
โดยนายนพพล ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เล่าว่า ตั้งแต่เดือนส.ค.-ธ.ค. ก่อเหตุมาแล้ว 9 ครั้ง ข่มขืนผู้โดยสารมาแล้ว 3 ราย โดยจะลงมือก่อเหตุช่วงเวลาสี่ทุ่มถึงตีสอง เพราะเป็นช่วงดึกสงัด ขับรถแท็กซี่ออกตระเวนหาเหยื่อสาวขับพาไปที่เปลี่ยวและมืดก่อนใช้อาวุธมีดจี้ แล้วปีนข้ามเบาะหลังลงมือข่มขืนชิงทรัพย์
"เมื่อก่อนผมเคยเป็นแชมเปี้ยนมวยไทย 7 สี ใช้ชื่อพยัคฆ์น้อย เจนณรงค์ แต่ตอนหลังแก่ตัวจึงหันมาขับแท็กซี่และหาเหยื่อข่มขืนไปด้วย โดยจะเลือกรับผู้โดยสารสาวหน้าตาดีที่ขึ้นรถมาตามลำพัง ใช้มีดจี้ข่มขืนและจะเปลี่ยนรถทุกครั้ง" นายนพพล ให้การ
ที่สำคัญ ตำรวจยังขยายผลพบว่า หมอนี่เคยติดคุกคดีชิงทรัพย์และข่มขืนผู้โดยสารมาแล้ว 2 คดี เมื่อปี 40 เพิ่งพ้นโทษมาเมื่อปี 49 แล้วกลับมาก่อเหตุอีกหลายครั้ง
แจ้งข้อหาชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมีและใช้อาวุธมีดในการก่อเหตุโดยใช้ยานพาหนะ และข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย
ยัดตัวเข้าห้องขัง!!?
หลังถูกจับกุมมีเหยื่อสาวหลายรายเดินทางมาชี้ตัวและให้ปากคำ
น.ส.นัท เล่าว่า วันเกิดเหตุเรียกรถแท็กซี่คันดังกล่าวให้มาส่งที่แยกพระนั่งเกล้า แต่ระหว่างทางคนขับขับมาจอดลานดินด้านหลังห้าง ใช้มีดจี้บังคับข่มขืนจนเสร็จความใคร่ ตนได้คุกเข่าวิงวอน แต่กลับถูกข่มขู่ว่าจะฆ่าให้ตายถ้าไม่ยอม สุดท้ายต้องยอมให้ข่มขืนโดยไม่มีทางหลีกเลี่ยง ของมีค่าไม่ได้เสียดาย แต่ทุกวันนี้ยังไม่สามารถรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ เนื่องจากเกรงว่าจะติดโรคร้ายจากผู้ต้องหา ต้องไปหาหมอตรวจเพื่อความแน่ใจ
ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุร้ายแบบนี้!!?
ขณะที่น.ส.ตอง (นามสมมติ) นักศึกษาสถาบันแห่งหนึ่ง ให้การว่า วันเกิดเหตุเรียกแท็กซี่นายนพพลจากถ.เลี่ยงเมือง ย่านซอยสามัคคี ให้ไปส่งริมคลองประปา แต่คนร้ายขับพามาใต้ทางด่วนงามวงศ์วาน ก่อนชักมีดออกมาจี้เพื่อจะข่มขืน ตนทำเป็นใจดีสู้เสือออกอุบายว่าให้ไปที่ห้องของตนดีกว่า แท็กซี่เชื่อใจเดินลงมาจากรถเพื่อจะขับไปห้องพักตน จึงฉวยโอกาสเปิดประตูหนีลงจากรถก่อนจะเรียกขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน คนขับแท็กซี่ตกใจขับรถหลบหนีไป
จำหน้านายนพพลได้อย่างแม่นยำ
นอกจากนี้ ยังมีเหยื่อสาวอีกหลายรายทยอยมาดูตัวคนร้ายรายนี้ บางรายถึงกับถอดรองเท้าเตรียมตบหน้าด้วยความแค้น แต่เจ้าหน้าที่เข้าห้ามปรามเสียก่อน
กฎหมายจะไม่ละเว้นคนทำผิดแน่นอน!!?