วันที่ 14 ธ.ค. เอเอฟพีรายงานว่า เกิดเหตุสะเทือนขวัญชาวยุโรปจากการคลั่งสังหารหมู่อีกครั้ง ในเมืองลีเอจ ประเทศเบลเยียม เมื่อคนร้ายหนุ่ม ทราบชื่อภายหลังว่า นายนอร์ดีน อัมรานี วัย 33 ปี ใช้ระเบิดและอาวุธปืนไล่กราดยิงสังหารผู้คนที่ออกมาจับจ่ายซื้อสินค้าอยู่ในย่านตลาด บริเวณ จัตุรัสแพลตซองลอมเบอร์ เมืองลีเอจ เป็นเหตุให้มีบาดเจ็บ 125 ราย เสียชีวิต 4 ราย ในจำนวนนี้เป็นเหยื่อในที่เกิดเหตุ 3 ราย ได้แก่ เด็กอายุ 17 เดือน วัยรุ่นอายุ 15 ปี และ 17 ปี จากนั้นคนร้ายวิ่งหนีไปและยิงตัวตาย ต่อมาตำรวจพบศพหญิงอีกรายในโรงรถของบ้านคนร้าย

นายเอลิโอ ดิ รูโป นายกรัฐมนตรีเบลเยียม กล่าวว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ใช่เหตุก่อการร้าย แต่เป็นคดีอาชญากรรม นอกจากนั้น ตำรวจตรวจสอบประวัติของนายอัมรานี ซึ่งเสียชีวิตหลังลงมือก่อเหตุด้วยการยิงศีรษะตนเอง พบว่ามีประวัติต้องคดีอาชญากรรมทางเพศ คดียาเสพติด คดีอาวุธปืน และมีประวัติป่วยทางจิต เพิ่งพ้นโทษออกจากเรือนจำเมื่อไม่นานมานี้ และในวันเดียวกันนี้นายอัมรานีมีนัดต้องไปให้การกับตำรวจฐานต้องสงสัยว่าล่วงละเมิดทางเพศ แต่ก็ไม่ได้ไปให้การ กระทั่งมาก่อเหตุสะเทือนขวัญดังกล่าว สำหรับอาวุธที่นายอัมรานีใช้สังหารหมู่ชาวเบลเยียมเท่าที่ยึดได้ในจุดเกิดเหตุ ประกอบด้วย ปืนไรเฟิลอัตโนมัติ ซึ่งยิงกระสุนได้ 700 นัดต่อนาที ปืนพก และระเบิด 3 ลูก

จากการสืบสวนขยายผล ตำรวจพบศพหญิง วัย 45 ปี เป็นพนักงานทำความสะอาดที่บ้านของนายอัมรานี โดยคนร้ายเรียกหญิงคนนี้เข้ามาที่บ้านของตนเมื่อช่วงเช้าวันอังคารที่ 12 ธ.ค. ก่อนลงมือสังหารเหยื่อเสียชีวิต จากนั้นนายอัมรานีจึงเดินทางไปก่อเหตุที่จัตุรัสแพลตซองลอมเบอร์

เหตุการณ์ช็อกชาวยุโรปดังกล่าวเกิดขึ้นหลังเหตุการที่นายอันเดอร์ส เบรวิก ชาวนอร์เวย์ วางระเบิดสำนักงานรัฐบาลในกรุงออสโล มีผู้เสียชีวิต 8 ราย จากนั้นเดินทางไปเกาะอูโทยา ยิงกราดวัยรุ่นที่เข้าค่ายบนเกาะเสียชีวิตถึง 69 ราย