บท วิเคราะห์] "สัญญาณ Wi-Fi จากโน้ตบุ๊คทำให้อสุจิอ่อนกำลัง"
เป็นที่ทราบกันดีว่าความร้อนมีผลทำให้เชื้ออสุจิอ่อนแอลง นี่จึงเป็นสาเหตุที่ลูกอัณฑะต้องห้อยอยู่นอกร่างกาย งานวิจัยเมื่อปีที่แล้วได้แสดงให้เห็นว่าการวางโน้ตบุ๊คไว้บนตักเพิ่ม อุณหภูมิบริเวณลูกอัณฑะได้มากกว่า 2 องศาเซลเซียส ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้เชื้ออสุจิมีคุณภาพลดลง
ใคร ยังไม่ได้อ่านงานวิจัยของปีที่แล้วแนะนำให้อ่านที่บทความ
นั่งไขว่ห้าง ลดความเสี่ยงเป็นหมัน
จนเมื่อเร็วๆ นี้ มีการเผยแพร่ผลงานวิจัยใหม่ว่า การได้รับสัญญาณ Wi-Fi ในระยะใกล้ ทำให้เชื้ออสุจิอ่อนแรงลงได้เช่นกัน และอาจลดความสามารถในการสืบพันธุ์ของอสุจิ
สื่อต่างๆ ได้นำเสนอเรื่องนี้อย่างกว้างขวาง ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกให้กับหนุ่มๆ ไม่น้อย
งานวิจัยนี้ทำโดย Nascentis Centre for Reproductive Medicine ในอาร์เจนตินา และ Eastern Virginia Medical School ของสหรัฐอเมริกา โดยเก็บตัวอย่างเชื้ออสุจิจากชายสุขภาพดี 29 คน อายุระหว่าง 26-45 ปี
ตัวอย่างน้ำอสุจิจะถูกแยกใส่จานทดลอง แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งตั้งไว้ใต้ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คที่เชื่อมต่อ Wi-Fi ส่วนอีกกลุ่มตั้งไว้อีกห้องที่ไม่มี คอมพิวเตอร์ ทั้ง 2 กลุ่ม อยู่ในห้องที่ควบคุมไว้เท่ากันที่ 25 องศาเซลเซียส
หลังจากผ่านไป 4 ชั่วโมง นักวิจัยนำอสุจิมาตรวจสอบ พบว่า 25% ของอสุจิกลุ่มที่อยู่ใต้โน๊ตบุ๊ค แหวกว่ายได้ไม่กระฉับกระเฉงดังเดิม และ 9% มีร่องรอยของ DNA ถูกทำลาย
เปรียบเทียบกับอสุจิกลุ่มที่ไม่ได้รับสัญญา Wi-Fi มีเพียง 14% เท่านั้นที่ความสามารถในการแหวกว่ายลดลง และ 3% ที่ DNA ถูกทำลาย
ส่วนอัตราการตายของเชื้ออสุจิทั้งกลุ่มนั้น ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ผู้วิจัยจึงสรุปว่าสัญญาณ Wi-Fi น่าจะเป็นตัวการที่ทำให้อสุจิคุณภาพลดลง
งานวิจัยนี้ตีพิมพ์ในวารสาร Fertility and Sterility เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามงานวิจัยนี้มีนักวิทยาศาสตร์หลายท่านไม่เห็นด้วย คำถามคือ แล้วเราจะเชื่อใครดี?
เนื่องจากข่าวที่นำเสนอเรื่องนี้ส่วนใหญ่ตัดรายละเอียดในกระบวนการทดลองไป เพื่อให้ง่ายการนำเสนอ ดังนั้นหากจะวิเคราะห์เรื่องนี้ให้ละเอียดยิ่งขึ้น จึงต้องตามไปอ่านงานวิจัยต้นฉบับที่ตีพิมพ์ในวารสาร
เท่าที่อ่านงานต้นฉบับ วิธีการทดลองในงานวิจัยนี้ยังมีจุดที่น่าข้องใจอยู่ตรงที่ อาจมีปัจจัยอื่นๆ นอกจากสัญญาณ Wi-Fi ที่ส่งผลต่อเชื้ออสุจิในกลุ่มที่วางใต้โน้ตบุ๊ค
การทดลองเป็นการเปรียบเทียบระหว่าง อสุจิที่วางใต้โน้ตบุ๊คที่เปิด Wi-Fi กับ อสุจิที่วางไว้ในห้องซึ่งไม่มีเครื่องใช้อิเล็กโทรนิค เป็นชุดควบคุม ซึ่งพอจะสรุปออกเป็นแผนภาพดังนี้
ผู้วิจัยควบคุมปัจจัยต่างๆ เช่น วางจานใส่น้ำอสุจิห่างจากโน๊ตบุ๊คประมาณ 3 ซม. เพื่อให้สอดคล้องกับระยะห่างตอนวางโน้ตบุ๊คไว้บนตัก
เปิด Wi-Fi ให้ปล่อยสัญญาณเต็มที่ตลอดโดยสั่งให้คอมพิวเตอร์ส่งไฟล์ขนาดใหญ่สู่อินเตอร์ เน็ตตลอดการทดลอง และได้ควบคุมอุณหภูมิในห้องทั้ง 2 กลุ่มให้เท่ากัน
แต่นั่นเป็นการควบคุมอุณหภูมิห้องให้เท่ากัน แล้วอุณหภูมิที่แผ่จากโน้ตบุ๊คล่ะ?
งานวิจัยนี้ทดสอบกับโน้ตบุ๊ค Toshiba Satellite M305D-S4829 ถ้าพลิกด้านล่างดู จะเห็นว่ามีช่องระบายอากาศแถวๆ บริเวณที่วางจานใส่สุจิพอดี (เทียบกับภาพ C ด้านบน) จานที่ใส่อสุจิวางห่างแค่ 3 ซม ความร้อนที่ระบายจากโน้ตบุ๊คย่อมมีผลต่อเชื้อแน่ๆ
นอกจากนี้ จริงๆ แล้วควรเปรียบเทียบกับอสุจิที่วางใต้โน้ตบุ๊คแต่ไม่เปิด Wi-Fi ด้วย เพื่อที่จะแยกผลกระทบจาก ความร้อนที่แผ่จากโน้ตบุ๊คต่ออสุจิ
ในการทดลองนี้ไม่มีตัวเปรียบเทียบนี้ จึงไม่อาจแยกได้ อย่างชัดเจนว่าที่ทำให้อสุจิอ่อนแรงลงเป็นเพราะสัญญาณ Wi-Fi หรือ ความร้อนที่แผ่ออกจากโน้ตบุ๊คมากันแน่
งานวิจัยก่อนหน้านี้ก็เคยแสดงให้เห็นว่า การวางของรูปร่างคล้ายกับโน้ตบุ๊คไว้บนตักเฉยๆ ก็ทำให้อุณหภูมิอัณฑะสูงขึ้นมากพอที่จะทำอันตรายต่อเชื้ออสุจิแล้ว
อีกประการหนึ่ง งานวิจัยนี้เป็นการทดลองแบบ in vitro คือ ทดลองภายนนอกร่างกาย โดยนำอสุจิมาใส่สารละลายในจานทดลอง แล้วเอาไปวางไว้ใต้โน้ตบุ๊คโดยตรง ซึ่งเป็นสภาวะที่แตกต่างจากการทดลองกับอสุจิที่อยู่ในร่างกายค่อนข้างมาก
เซลล์อสุจิมีความอ่อนไหวต่อสภาพแวดล้อมมากกว่าเซลล์ร่างกายทั่วไปอยู่แล้ว เพราะสาย DNA ในขดอัดรวมกันอยู่ในพื้นที่แคบๆ ที่ส่วนหัวของเซลล์อสุจิ จึงมีโอกาสถูกทำลายได้ง่าย แต่ในร่างกาย เซลล์อสุจิมีเนื้อเยื่อและของเหลวในถุงอัณฑะ คอยปกป้องอยู่ และร่างกายยังมีกระบวนการบำรุงรักษาอสุจิระดับหนึ่งด้วย
ฉะนั้นถึงแม้ สัญญาณ Wi-Fi จะมีผลต่ออสุจิจริง แต่สัญญาณจากโน้ตบุ๊คบนตักก็จะถูกเนื้อเยื่อและของเหลวดูดซับหมดก่อนอยู่ดี
ดังนั้นผลสรุปของงานวิจัยนี้จึงบอกได้มากที่สุดเพียงว่า "สัญญาณ Wi-Fi อาจมีผลต่อเซลล์อสุจิ (เปลือยๆ) ที่อยู่นอกร่างกาย" ส่วน การใช้ Wi-Fi ในชีวิตประจำวันส่งผลเสียต่อเชื้ออสุจิในอัณฑะหรือไม่ยังต้องศึกษาต่อไป
อีกทั้งยังต้องควบคุมปัจจัยเรื่องความร้อนที่แผ่จากโน้ต บุ๊คให้แน่นอนด้วย ทางที่ดีควรใช้อุปกรณ์ที่ส่งสัญญาณ Wi-Fi ได้ แต่ไม่แผ่ความร้อนมากเท่าโน้ตบุ๊คจะเหมาะสมกว่า
การมีงานวิจัยรองรับไม่ใช่สูตรสำเร็จที่จะบอกว่าข้อมูลนั้นเป็นความจริง เพราะถึงแม้จะเป็นงานวิจัยที่ดำเนินการอย่างถูกต้อง (ไม่ใช่งานวิจัยที่นั่งเทียนเขียนขึ้น) แต่ผู้ดำเนินการวิจัยก็เป็นคนธรรมดาที่มีเลือดเนื้อ มีความเชื่อส่วนตัว มีอคติอยู่
สิ่งเหล่านี้อาจทำให้เกิดความลำเอียง และความไม่รัดกุมในการออกแบบการทดลอง หรืออาจมีการเลือกนำเสนอข้อมูลที่สนใจและละส่วนที่ไม่ต้องการเพื่อผล ประโยชน์บางอย่าง
บทความนี้อาจเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงการวิเคราะห์เพื่อประเมินความน่า เชื่อถือของข้อมูล โดยชี้ให้เห็นเพียงบางประเด็นที่มีหลักฐานสนับสนุนไม่หนาแน่นพอ ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้บอกว่างานวิจัยข้างต้นนั้นไม่ถูกต้อง
จนกว่าจะมีข้อมูลเพิ่มเติมที่ตอบข้อข้องใจทั้งหลายได้อย่างหมดจด ประเด็นต่างๆ ที่ตั้งคำถามไว้นั้นก็ยังคงมีสถานะเป็น "ไม่รู้" คือ ยังไม่อาจบอกได้ว่า "จริง" หรือ "เท็จ" ฉะนั้นอย่างเพิ่งรีบตื่นตระหนกจนเกินไป
อ้างอิง
ข่าว
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1322641587&grpid=&catid=09&subcatid=0904
http://www.bbc.co.uk/news/health-15943816
งานวิจัยต้นฉบับ
http://www.fertstert.org/article/S0015-0282%2811%2902678-1
บทความเก่า
http://www.vcharkarn.com/varticle/41942