กระดกเบียร์ เชียร์ติ๊ดชึ่ง เคี้ยวหมาย่าง หนีหนาวในฮานอย

 


  สาวๆ ด๊านซ์เซอร์กำลังวาดลวดลายบนเวทีขณะเจ้าหน้าที่ รภป. ดูแลความเรียบร้อยในเทศกาลเบียร์แห่งหนึ่ง ที่จัดขึ้นในกลางกรุงฮานอยวันที่ 4 ธ.ค.2554 นี่คือช่วงเดือนที่มีสีสันยิ่งในเมืองหลวงเวียดนามที่ภูมิอากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ และไม่ว่าจะรักหรือจะชอบ ไม่ว่าคุณเป็นใครก็ตาม ต้องถือว่าเป็นช่วงเดือนอันเหมาะเจาะยิ่ง ที่จะได้ลิ้มลอง "หมาย่าง" เมนูโปรดประจำฤดูให้เป็นครั้งหนึ่งในชีวิต เวียดนามมีประชากรเกือบ 90 ล้านคน แต่มีคนไม่มากที่ชื่นชอบเมนูนี้ ส่วนใหญ่อยู่ทางตอนเหนือโดยเชื่อกันว่า เนื้อสุนัขให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย. -- AFP PHOTO/Hoang Dinh Nam.


  เมื่อมรสุมผ่านไป ทะเลก็ราบเรียบ และลมหนาวก็โบกโบยมาให้เย็นเยือก นี่คือ ช่วงเดือนที่มีชีวิตชีวายิ่งในหลายท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางภาคเหนือเวียดนาม และก็เป็นช่วงเวลาอันเหมาะสมสำหรับการเสิร์ฟเมนูสุนัขยอดนิยม คือ “หมาย่าง” กับเบียร์แช่เย็นจนเป็นวุ้น

 


  เวียดนามมีประชากรเกือบ 90 ล้านคน มีผู้คนจำนวนหนึ่งซึ่งไม่ใช่ประชากรส่วนใหญ่ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนที่อาศัยอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ ที่มีอากาศหนาวเย็น ยังคงนิยมรับประทานเนื้อสุนัข โดยเชื่อว่า สร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกายภายใต้สภาพอากาศเช่นนี้


  เมนูยอดนิยมมักจะเป็นเนื้อสุนัขย่าง หรืออบทั้งตัว อบด้วยฟาง หรืออบด้วยฟืน จนหนังกรอบเป็นสีน้ำตาลอ่อน และเนื่้อข้างในสุกพอดี เสิร์ฟร้อนๆ กับน้ำจิ้ม หรือ เครื่องปรุงรส รับประทานทันทีกับข้าวสวย หรือ เสิร์ฟเป็นก๋วยเตี๋ยวชามใหญ่สูตรเวียดนามที่เรียกกันทั่วไปว่า “เฝอ”

 


  ประชาชนในบางท้องถิ่นทางตอนเหนือของประเทศ รับประทานเนื้อสุนัขกันทั้งปี จนกลายเป็นอาหารประจำวัน แต่สำหรับนักท่องเที่ยวอาจจะหาดู หรือทดลองชิมได้ในบางย่านของกรุงฮานอย รวมทั้งมีวางขายริมทางหรือในตลาดสด ในเขตอำเภอทางตอนเหนือของเมืองหลวง กับย่านรอบนอก


  ภาพสุนัขย่างอาจทำให้ผู้ที่รักและผูกพันกับ “เพื่อนแท้ของมนุษย์” รู้สึกสะเทือนอารมณ์ หรือ ทำให้กลุ่มพิทักษ์สิทธิสัตว์พากันโกรธแค้น แต่สำหรับคนอีกหลายล้านในภูมิภาคนี้ของโลก มองเนื้อสุนัขเป็นเนื้อสัตว์อีกชนิดหนึ่งที่รับประทานได้ ไม่ต่างกับเนื้อสุกร เนื้อโคเนื้อ เนื้ออะไรต่อมิอะไรที่มีวางขายในท้องตลาด

 


  ไม่เฉพาะแต่ในเวียดนามเท่านั้น ชาวจีนอีกนับล้านคนทางภาคใต้ของประเทศ กับชาวเกาหลีอีกเรือนล้านก็ยังคงรับประทานเนื้อสุนัขเป็นปกติ สืบต่อกันมาจนเป็นวัฒนธรรมในครัวเรือน


  ในสายตาของชาวตะวันออกกลุ่มนี้ การรับประทานเนื้อสุนัขไม่ได้บ่งชี้อะไรมากไปกว่าการเป็นวัฒนธรรม และเป็นความคุ้นเคยที่ปฏิบัติกันมายาวนาน ขณะที่ ชาวเวียดนาม ชาวจีน กับชาวเกาหลี อีกนับล้านๆ ก็ยังเป็นคนรักสุนัขและเลี้ยงสุนัขเป็นเพื่อน ไม่ต่างกับผู้คนในประเทศต่างๆ ทั่วโลก

 


  แน่นอนเช่นกันว่า คนเวียดนามรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยเริ่มลุกขึ้นมาต่อต้าน และแสดงตนเป็นกบฏต่อ “วัฒนธรรมครัวเรือน” นี้


  เพราะฉะนั้น ไปเที่ยวฮานอยช่วงนี้อาจจะเป็นโอกาสสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิต ที่จะได้ร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลกับเจ้าของบ้าน จิบเบียร์เย็นเฉียบ และชิมรสชาติของเนื้อสุนัขย่างที่ปรุงโดยฝีมือกุ๊กมือหนึ่ง

 

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ขอบคุณที่มาของภาพและบทความ.....


http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9540000155813
Credit: http://atcloud.com/stories/102226
8 ธ.ค. 54 เวลา 09:57 16,090 38 230
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...