ไสยศาสตร์เรื่องลึบลับ

 

 

 

 

 

ไสยศาสตร์เรื่องลึบลับ

 

คำว่า ไสย หมายถึง ลัทธิอันเนื่องด้วยเวทย์มนต์ คาถา และวิทยาคม ไสยนั้นแบ่งออกเป็น 2 พวก





ไสยขาว อันหมายถึงวิชชาอันลึกลับใช้เวทย์มนต์ไปในทางที่ดี เช่นการทำเครื่องราง ของขลังและวัตถุมงคลต่างๆ เพื่อป้องกันภัยอันตราย หรือเพื่อเป็นเมตตามหานิยม เมตตามหาเสน่ห์และอิทธิวิธี

ไสยดำ หมาย ถึงวิชชาที่กระทำคนให้เป็นไปต่างๆนาๆเช่น ปล่อยคุณไสย ปล่อยตะปูเข้าท้องคนอื่น ปล่อยหนังควายเข้าท้อง บิดลำใส้ ปล่อยผีไปทำร้ายผู้อื่นให้มีอันเป็นไปต่างๆนาๆ นำบาตรวัดร้างไปฝังเพื่อทำให้บ้านแตกสาแหรกขาด เป็นต้น

คำว่า ไสย นี้แปลความหมายอีกอย่างก็หมายถึงสิ่งที่ลึกลับที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเนื้อได้นอกจากเมื่อมันได้ออกมาเป็นผลลับแล้วเท่านั้น ส่วนคำว่า ศาสตร์ หมายถึง ตำรา วิชา วิทยา คำสั่ง ข้อบังคับบัญชา ศาสนา รวมเข้ากับไสย เป็นไสยศาสตร์ อันหมายถึง ตำราทางไสยยาศาสตร์ลึกลับเกี่ยวกับอิทธิฤทธิ์ปาฎิหาร เวทย์มนต์ คาถา อำนาจจิต เป็น ต้น ไสยเวทย์ ไสยศาสตร์ หมายถึงตำราทางไสย วิชาทางไสย ไสยศาสตร์ เป็นวิชาว่าด้วยลัทธิเวทย์มนต์คาถาและวิยาคมเป็นศาสตร์ๆหนึ่งที่แยกย่อยมา จากศาสตร์ 18 ประการของอินเดียโบราณไสยศาสตร์แทรกอยู่ในความเชื่อของคนไทยมาตราบนานเท่า นานกว่า7,000ปีและแทรกอยู่กับความเป็นอยู่ของคนไทยตั้งแต่เกิดจนกระทั่งตาย เช่นการเสกทำน้ำมนต์ให้คลอดง่าย โกนผมไฟ ทำขวัญ สร้างบ้านใหม่ ขึ้นบ้านใหม่ ทำขวัญ สวดบ้าน ตราสังข์ ทำโลงศพ เอาศพลงจากเรือน ทำประตูป่า ทำบันไดผี นำศพขึ้น เผา การเสกน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ และประเพณีไทยหลายๆอย่างล้วนแต่แทรกด้วยไสยศาสตร์ทั้งสิ้น ไม่ว่าวิทยาศาสตร์จะเจริญไปถึงไหนเพียงใดวิทยาการอินฟอเมชั่นเท คโนโลยี่จะก้าวหน้าไปเพียงใดขนาดไหน แต่ความเชื่อทางไสยศาสตร์ไม่มีวันที่จะหมดไปจากมนุษย์ชาติได้เหตุผลเพราะว่า เป็นศาสตร์ๆหนึ่งที่ดำรงอยู่ในโลกมนุษย์มานาน มากแล้วและมิใช่เพียงแต่เมืองไทยเท่านั้นที่มีความเชื่อในด้านไสยศาสตร์ หลายๆประเทศที่เจริญและพัฒนาแล้วก็ยังมีความเชื่อในด้านไสยศาสตร์ของประเทศนั้นนั้นอยู่

ส่วนพิธีกรรมไสยกรรมนั้นอาจไม่เหมือนกัน ในเมืองไทยในแต่ละภาคนั้นการประกอบพิธีกรรมต่างๆในแต่ละภาคนั้นก็ไม่เหมือนกัน สรุป แล้วไสยศาสตร์และไสยเวทย์มิใช่สิ่งที่ เลวร้ายขึ้นอยู่กับผู้ที่นำไปใช้เช่นการสกยันต์หากสักแล้วไม่ไปเป็นโจร ผู้ร้ายไม่ไปปลิ้นชิงรบราฆ่าฟันเบียดเบียนเขาและตั้งตนอยู่ในศีลธรรมของนั้น ก็จะคงทนถาวรไม่เสื่อม และยิ่งเข้มขลังยิ่งนัก และเป็นไสยศาสตร์ที่ประดับบารมีชายชาตรีมาแต่โบราณกาล...


หุ่นพยนต์ (รูปแบบจะขึ้นอยู่ที่สำนักไหนทำขึ้นมา) เป็นหุ่นพยนต์ ที่หมอผีมักจะเลี้ยงเอาไว้ใช้งานเนื่องในโอกาสต่างๆ โดยจะเปรียบเสมือนเงาตามตัวเราไปช่วยกระซิบบอกเหตุ ให้โชคลาภ ระวังภัย ใช้เล่นงานคู่อริปล่อยในวันพระ กลายเป็นของติดปากที่เรียกว่า "ลมเพลมพัด" ในปัจจุบัน หุ่นพยนต์มีให้บูชากันเป็นเครื่องรางของขลังที่นิยมในหมู่ศรัทธา หุ่นพยนต์มีอิทธฤทธิ์คุ้มครองผู้ที่พกพา ขับไล่ไสยมืด เสนียดจัญไร สิ่งอัปมงคลทั้งหลาย กันภัยมากมาย ทั้งยังไล่สิ่งที่จะมาก่อกวนเราได้ เช่น ผีเร่ร่อนต่างๆ ตามสถานที่ทั่วไป ฯลฯ

มวลสารที่สร้างพร้อมอาคม...ในการสร้าง "หุ่นพยนต์อาถรรพ์"

ใช้ใบดอกนำด้ายสายสิญจ์ที่มัดตราสังข์จาก
"ศพผีตายโหง 7 ป่าช้า" (ตายวันเสาร์ เผาวันอังคาร)
จากนั้นจึงซัดด้วย "ผงว่านวิเศษ" ต่างๆ
และ "ใบไม้ที่สำคัญๆ" อีก 7 ชนิด อันได้แก่
1.ใบตาล
2.ใบลาน
3.ใบขนุน
4.ใบคูณ
5.ใบพยุง
6.ใบรัก
7.ใบจันทร์ เป็นต้น..




กุมารทอง..

ซึ่งจะแบ่งเปนสายขาว และสายดำ โดยสายดำจะเน้นไปทางการทำร้ายคู่อริ และสายขาวจะบูชาเพื่อบอกโชคลาภ เป็นพรายกระซิบ ระดับของกุมารทองก้อมีหลายระดับ จากเก่งน้อยสุด จนถึงขั้นสามารถสู้กับวัว-ควายธนูทองแดงได้เลย


หุ่นปั้นทางไสยศาสตร์

รู้จักในนาม "ฝังรูปฝังรอย" ซึ่งจะใช้ทางด้านเมตตา ชู้สาว มัดใจ และเลิกรา หุ่นที่ปั้นจะทำมาจากของอาถรรพ์ทั้งปวง เป็นคุณไสยที่ค่อนข้างแก้ยากนัก เนื่องจากหุ่นนี้เป็นตัวแทนของผู้ที่ถูกกระทำ หากหุ่นเนเช่นไร คนๆ นั้นก้อจะมีอันเป็นไป ตามที่หุ่นนั้นๆ หุ่นนี้เมื่อทำการปลุกเสก ก็จะนิยมไปฝังในป่าช้าเพื่อเพิ่มความขลังอย่างสุดขีด เพื่อหากครายอยากจะแก้คุณไสย
ก็ต้องหาหุ่นให้เจอแล้วทำการถอน ซึ่งปกติจะถอนยาก เค้าจะไม่นิยมทำกัน เค้ามักจะสร้างหุ่นขึ้นมาใหม่ เพื่อทำการแก้คุณไสยตัวเดิม และหุ่นตัวใหม่ต้องสร้างให้มีความ**censor**นกว่าด้วย ไม่งั้นจะกลบคุณไสยเดิมไม่ลง เอาเป็นว่าพลังจิตต้องแข็งกว่า การฝังรูปฝังรอย หากปั้นหุ่นให้กอดกันจะเป็นการทำเสน่ห์ แต่หากอยากให้คนคู่นั้นเลิกกันก็ปั้นให้หุ่นหันหลังให้กันแล้วคู่นั้นจะไม่มองหน้ากันเลิกชั่วชีวิต


เสกตะปูผี เข็ม เข้าตัว

เป็นวิชาเดรัจฉานที่นิยมทำเช่นกัน อย่างเช่น เสกงู หนังงู หนังช้าง หนังควาย กระดูกผี ตะปูขึ้นสนิม เข็มหนาม เหรียญปากผี เส้นผมผี เป็นต้น ของพวกนี้เพื่อเข้าตัวแล้ว ก้อช่ายว่าจะเอาออกกันง่ายๆ x-ray อาจมองไม่เหนสาเหตุใดๆ เลย หากไม่เอาออกตามเวลาที่เหมาะสม ก็ถึงขั้นตายได้

เรื่องราวต่างๆเหนือคำอธิบายควรใช้วิจรณญาณในการอ่าน

 

Credit: http://www.mythland.org/v3/thread-3680-1-1.html
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...