ประวัติศาสนาคริสต์
พระเยซูประสูติเมื่อปีพ.ศ.543 (เริ่มคริสต์ศักราชที่ 1) เป็นช่วงที่อาณาจักรโรมันเจริญถึงขีดสุดภายใต้การนำของพระเจ้าซีซาร์ พระเยซู ประสูติที่เมืองเบธเลเฮม แคว้นยูดาย มารดาชื่อ มาเรีย บิดาชื่อ โจเซฟ เป็นคนเชื้อสายยิว อาศัยอยู่ที่เมืองนาซาเรธ ในสมัยนั้นมีคำทำนายว่า "กษัตริย์แห่งชนชาติยิวได้บังเกิดขึ้นแล้ว" กษัตริย์เฮร็อค ผู้ครองแคว้นยูดายทรงทราบจึงรับสั่งให้ประหารชีวิตเด็กชายที่เกิดในเมืองเบธเลเฮม ในเวลาใกล้เคียงกันนั้น โจเซฟได้พาภรรยาและบุตรหลบหนี จนกระทั่งกษัตริย์เฮร็อคเสียชีวิตลง พระเยซูก็ เติบโตขึ้นและด้วยความสนใจใฝ่หาความรู้ทางศาสนา เมื่ออายุ 30 ปี ได้พบกับนักบุญจอห์น ผู้เผยแพร่ศาสนายิวและได้รับศีลจุ่ม (แบพติสต์ ) จากจอห์นที่แม่น้ำจอร์แดน นับแต่นั้นมาพระเยซูก็ได้ชื่อว่า พระเยซูคริสต์ (Jesus Christ)
พระเยซูคริสต์ เริ่มประกาศคำสอนโดยรับเอาความเชื่อศาสนายิวเป็น หลักปฏิบัติและเป็นคำสอนที่สำคัญอันหนึ่งเรียกว่า "เทศนาบนภูเขา" (Sermon on Mount) พระเยซูส่งสาวกออกไปเผยแพร่คำสอนอันถือเป็นพระวจนะของพระเจ้าจนได้รับความนิยมจากชาวยิว และเชื่อว่าพระเยซูเป็นเมสสิอาห์ ของยิว ต่อมานักบวชชาวยิวกลุ่มหนึ่งไม่ยอมรับพระเยซูถือว่ามาปฏิวัติศาสนาและเป็นผู้สร้างคำสอนใหม่ให้ศาสนา จึงพยายามหาทางกำจัดโดยกล่าวหาพระเยซูว่าพยายามซ่องสุมผู้คน เพื่อ กบฎชาวโรมันอันเป็นที่มาของการถูกทหารโรมันจับตรึงไม้กางเขนจนถึงแก่ชีวิต เมื่ออายุ 33 ปี โดยประกาศคำสอนได้เพียง 3 ปี เท่านั้น พวกสาวกที่เลื่อมใสพระเยซูก็ตั้งเป็นศาสนาใหม่ขึ้น เรียกว่า " ศาสนาคริสต์ "
แนวคิดเรื่องนรกสวรรค์
ในศาสนานี้ถือว่ามนุษย์ตายแล้ววิญญาณยังไม่ไปไหน ยังคงวนเวียนอยู่ที่ศพคอยวันพิพากษาและจะกลับเข้าสู่ร่างศพฟื้นออกจากหลุมฝังศพ เมื่อเทพบริวารของพระเจ้าเป่าแตรแล้วพากันไปฟังคำพิพากษาจากพระเจ้า ถ้าใครมีบาป ก็จะตกนรกชั่วนิรันดร์ ถ้าใครมีความดีมาก ก็ได้ขึ้นสวรรค์ไปอยู่กับพระเจ้า ถ้าใครมีความดีความชั่วก้ำกึ่งกัน ก็จะถูกส่งไปที่ไฟชำระ เมื่อหมดบาปแล้วจึงไปสู่สวรรค์ ดังนั้น ศพจึงต้องฝังเพื่อให้มีร่างสำหรับวิญญาณได้กลับคืนสู่ร่าง บาปนั้นเมื่อเป็นมนุษย์สามารถล้างได้โดยการ สารภาพบาปแกบาทหลวง หรืออ้อนวอนพระเจ้า พระเยซู พระแม่มาเรีย แล้วบาปนั้นจะหมด
แนวคิดเรื่องจุดหมายปลายทาง
1.จุดหมายปลายทาง สวรรค์ (อยู่กับพระเจ้า)
2.วิธีปฏิบัติ ทำตามบัญญัติของพระเจ้าซึ่งพระเยซูย่อลงมาเหลือ 2 ข้อบ้าง 5 ข้อบ้าง 6 ข้อบ้าง และเติมอีกข้อหนึ่งคือให้
ทานแก่คนอนาถา
3.ชีวิตในโลกนี้ มีเพียงครั้งเดียว แต่มีอยู่ตอนหนึ่งในคัมภีร์ใหม่ (มัดธาย 11 : 14 – 15 และ 17: 12) กล่าวถึงเอลิยา
ศาสดาพยากรณ์ ผู้สิ้นชีวิตไปตั้งแต่สมัย 854 ปี ก่อน ค.ศ. ว่ามาเกิดเป็น จอห์นผู้ล้างบาป อันแสดงว่าพระเยซูรับรองเรื่อง
ความเวียนว่ายตายเกิด แต่ในที่อื่นกล่าวเป็นทำนองเกิดชาติเดียวโดยมาก (หลักฐานเรื่องนี้จาก New Testament)
วิธีปฏิบัติในศาสนา
- การทำความเคารพบูชา
คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือไตรเอกานุภาพ มี 3 คือ
1.พระเจ้า หรือพระบิดา (God)
2.พระบุตร (son)
3.พระจิต (Holy spirit)
ในการทำความเคารพบูชานั้น ได้แก่ทำเครื่องหมายกางเขน วิธีทำคือ
1.ยกมือขวาแตะหน้าผาก กล่าวว่า ขอเดชะพระบิดา
2.ลดมือขวาลงมาแตะหน้าอก กล่าวว่า พระบุตร
3.ยกมือขวาไปแตะที่บ่าซ้าย แล้วย้ายมาบ่าขวา กล่าวว่า พระจิต พนมที่หน้าอกแล้วกล่าวว่า อา เมน (A Men) ซึ่ง
หมายความว่า ขอบุญกุศลนี้จงบันดาลให้พระเจ้าสถิตอยู่กับข้าพเจ้าในกาลทุกเมื่อ
- หน้าที่ของคริสตศาสนิกชน บัญญัติไว้ในสมัยพระมี 4 ประการ คือ
1.เชื่อฟังมิซซา คือพิธีที่บาทหลวงทำในโบสถ์ ในวันอาทิตย์หรือในงานสำคัญอื่นๆ และห้ามทำงานในวันอาทิตย์และวัน
อื่นที่พระสมัยบัญญัติไว้
2.ถือศีลอดอาหาร และงดเนื้อสัตว์ในวันที่พระสมัยบัญญัติไว้
3.ให้รับศีลล้างบาปโดยถูกต้อง อย่างน้อยปีละครั้ง และรับศีลมหาสนิทโดยบริสุทธิ์อย่างน้อยปีละครั้ง เช่น วันอีสเตอร์
4.ให้บริจาคทรัพย์บำรุงพระสมัย เท่าที่จะสามารถ เพื่อให้มีกำลังเผยแผ่ศาสนาต่อไป