เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก news.ifeng.com
ในวันเอดส์โลกที่ตรงกับวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ของประเทศจีนได้เปิดเผยเรื่องราวแสนเศร้าของเด็กชายวัยสามขวบครึ่งคนหนึ่ง ซึ่งเด็กคนนี้ก็ดูเหมือนเด็กคนอื่น ๆ ทั่วไป แต่ทว่าชีวิตของเขากลับมีเส้นบาง ๆ ที่มากีดขวางเขาไว้ไม่ให้ไปเล่นกับเด็กคนอื่น ๆ ได้ เพราะหนูน้อยฮีลเลอร์คนนี้เกิดจากพ่อแม่ที่ป่วยด้วยโรคเอดส์ และทิ้งเขาไว้ตั้งแต่อายุได้เพียงแค่ขวบเดียวเท่านั้น หลังจากนั้น เขาต้องใช้ชีวิตอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอย่างโดดเดี่ยวมาโดยตลอด
ตามรายงานระบุว่า หนูน้อยคนนี้ ต้องอยู่ในศูนย์ฟื้นฟูผู้ป่วยเด็ก ที่มีเพียงห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ให้หนูน้อยคนนี้ได่เล่นของเล่นบนเตียงตามลำพัง ชีวิตประจำวันของหนูน้อยในแต่ละวันซ้ำ ๆ กับวันก่อนเมื่อตื่นมาก็ได้แต่เกาะขอบหน้าต่างมองออกไปยังสนามด้านนอก พอถึงเวลาอาหารก็ต้องกินแยกกับผู้อื่น ของใช้ทุกอย่างก็ต้องแยกของผู้อื่นเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ ต้องกินยาวันละ 3 ครั้งหลังอาหาร
แน่นอนว่าในบางคราวหนูน้อยผู้น่าสงสารผู้นี้ก็อยากจะมีชีวิตที่สามารถออกไปวิ่งเล่นได้อย่างเด็กในวัยเดียวกันทั่วไป แต่หนูน้อยก็ทำได้ไม่เต็มที่ ต้องมีพยาบาลคอยคุมอยู่ตลอดเวลา เพราะอาจเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันอาจถึงกับเลือกตกยางออกเป็นเหตุให้เกิดการแพร่เชื้อได้
พยาบาลผู้ดูแลได้เล่าให้ฟังว่า หนูน้อยคนนี้ได้รับเชื้อมาจากพ่อแม่ก็จริง แต่ก็ยังไม่แสดงอาการมาก อย่างไรก็ตาม เชื้อไวรัส HIV ก็ยังแฝงอยู่ในตัวหนูน้อยคนนี้ รอวันที่จะแสดงออกมา แต่หนูน้อยคนนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเอดส์คืออะไร ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร แต่เขากลับต้องมาถูกทอดทิ้งในสถานที่สามารถใช้คำว่ากักกันได้เลยทีเดียว เพราะหนูน้อยไม่ได้รับความรักจากใคร คนทั้งหมดที่หนูน้อยคนนี้รู้จักก็คือพยาบาลทั้ง 10 คนที่คอยดูแลเขาอยู่
อย่างไรก็ตาม ก็มีความพยายามที่จะรักษาหนูน้อยคนนี้ ด้วยวิธีการแพทย์แผนตะวันออกอย่างการฝังเข็ม แต่การดำเนินการก็ต้องเป็นไปอย่างระมัดระวัง แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อฮีลเลอร์เริ่มเติบโตขึ้น เด็กชายต้องพบกับปัญหาด้านการเรียน ด้วยวัยเท่านี้เขาก็อยากจะเป็นเหมือนกับเด็กคนอื่น ๆ ทั่วไป ได้วิ่งเล่น แต่เมื่อเขาเติบโตขึ้นอีก สิ่งหนึ่งที่เขาก็ต้องการเหมือนเด็กทั่วไป นั่นก็คือการได้ไปโรงเรียนเหมือนกับเพื่อน ๆ นั่นเอง ชีวิตของหนูน้อยคนนี้จะต้องติดอยู่กับห้องเล็ก ๆ กับชีวิตประจำวันทุกวันที่แสนจะหดหู่แบบนี้ไปอีกนานเท่าไร มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่คงรู้