Urban Legend: ตำนานพื้นบ้าน (Episode 2)


ห้องพักสยองขวัญ


ในการเดินทางอันแสนยาวไกลของคุณ คุณเลือกที่พักอาศัยของคุณได้หรือไม่ คุณอาจเลือกที่พักที่ดีได้ แต่คุณอาจไม่อยากพัก ถ้าคุณรู้ว่า เมื่อคุณ Check in แต่แขกคนก่อนหน้ายังไม่ Check out


คู่สามีภรรยาไปฮันนีมูนที่ต่างจังหวัด ตัดสินใจพักที่โรงแรมหรูๆ แห่งหนึ่ง เป็นโรงแรมที่หรูพอตัว เมื่อคู่สามีภรรยาตัดสินใจพัก ทั้งคู่ได้ห้องสูทสมใจ การฮันนีมูนน่าจะดูเหมือนราบรื่น แต่เมื่อเปิดประตูเข้ามา กลิ่นเหม็นก็ฟุ้งออกมาทันใด ภรรยาจึงบอกว่า "เดี๋ยวให้พนักงานมาทำความสะอาดหน่อยดีกว่า" ซึ่งทั้งคู่ก็ตามพนักงานมาทำความสะอาด พนักงานจัดการเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้ด้วย เมื่อทั้งคู่พบว่าพนักงานทำความสะอาดเสร็จแล้วจึงเข้าห้องเพื่อหวังจะพักให้เต็มที่ แต่กลิ่นนั้นก็ยังไม่จางหายไป จึงแจ้งให้ผู้จัดการทราบเพื่อที่จะขอเปลี่ยนห้องพัก แต่ผู้จัดการบอกว่า "ตอนนี้ห้องอื่นเต็มหมดแล้ว …แต่เดี๋ยวผมจะรื้อผ้าปูที่นอน รื้อพรม รื้อผ้าปูโต๊ะและให้พนักงานทำความสะอาดทุกซอกทุกมุมเลยครับ เราขอแสดงความขอโทษโดยให้บัตรทานอาหารเย็นฟรีครับ" ทั้งสองก็รับไว้และทานอาหารเย็นที่โรงแรม


ทั้งสองคุยกันถึงวันวานที่แสนหวานไปเรื่อยๆ จวบจนสี่ทุ่ม ทั้งคู่จึงลองไปดูห้องของตน เมื่อเปิดประตูเข้ามา ห้องมีกลิ่นหอมขึ้น เครื่องเรือนต่างๆ ถูกเปลี่ยนใหม่หมด แต่ทว่า "คุณคะ …กลิ่นก็ยังมีอยู่นะคะ" ชายผู้เป็นสามีจึงเข้าไปปลอบ แล้วพูดว่า "สำหรับผมแล้ว …ไม่ว่ากลิ่นจะแรงแค่ไหน ผมแค่อยากให้คืนนี้เป็นคืนที่พิเศษของเราสองคน" เมื่อภรรยาได้ฟังก็เข้ากอดสามีด้วยความดีใจและซาบซึ้งในความรักที่สามีแสดงให้เธอเห็น ขณะที่ภรรยาล้มตัวลงนอน เธอรู้สึกว่า กลิ่นนั้นเริ่มทวีความเหม็นมากขึ้นและเธอก็นอนไม่สบายตัวเลยด้วยเตียงที่แข็งๆ ตะปุ่มตะป่ำ คราวนี้เธอคงทนไม่ไหวแล้ว แม้สามีจะคอยปลอบเธอก็ตาม เธอตัดสินใจรื้อผ้าปูที่นอนด้วยตนเอง …ทันใดนั้น เล็บเธอก็เกี่ยวเข้ากับรอยเย็บของฟูกเตียง ทำให้รอยเย็บนั้นฉีกออก ฟูกข้างในจึงปริออกมา และหน้าของภรรยาก็ซีดลงในขณะเดียวกับที่เสียงร้องของเธอทำให้สามีตกใจและวิ่งมาดู ภาพที่เธอเห็นนั้นคือ มือของใครไม่ทราบหล่นลงที่่เท้าของเธอ ขณะเดียวกันนั้นสามีเธอตัดสินใจฉีกรอยจะเข็บนั้นให้กว้างขึ้น สิ่งที่ทั้งสองคนเห็นก็คือ ศพของชายคนหนึ่งในสภาพเปลือยเปล่า หนอนขึ้นยั้วเยี้ยเต็มไปหมดและฟูกนั้นย้อมไปด้วยสีน้ำตาลของเลือดเก่านั่นเอง …จากเหตุการณ์นี้ถึงได้ทราบว่าชายคนนี้คือคนที่เช็คอินก่อนหน้าเธอไม่นานและมากับแฟน ตอนเช็คเอาท์แฟนก็เช็คเอาท์แต่ไม่มีใครเห็นแฟนของเธออยู่กับเธอเลย

ตะขอ

เรื่องนี้เกิดขึ้นในที่รัฐแห่งหนึ่ง …คู่รักคู่หนึ่งไปเดทกันเหมือนคู่อื่นๆ ทั่วไป

 

ตอนขากลับ ฝ่ายชายตัดสินใจขอจอดรถก่อนเพื่อที่จะหอมแก้มเธอและจูบเธอในคืนอันแสนพิเศษ แต่แล้ว วิทยุจากเพลงโรแมนติกก็ตัดเป็นข่าวด่วน ขณะนี้มีฆาตกรหลุดจากคุกและกำลังหนีมาอยู่ที่เมืองนี้ ขอให้พลเมืองอยู่ในความสงบ อยู่ในบ้านให้ดีและอย่าออกไปข้างนอกคนเดียวเด็ดขาด นักโทษคนนี้มีลักษณะคือ สูงใหญ่และมีตะขออยู่ที่มือขวา เมื่อได้ยินเช่นนั้นฝ่ายหญิงจึงตัดสินใจขอให้แฟนพาตนเองกลับบ้านด่วน แฟนหนุ่มก็ยอมทำตาม …ขณะที่กำลังสตาร์ทรถจะขับกลับไป ดูเหมือนรถจะติดกับอะไรบางอย่าง แฟนหนุ่มซึ่งชวดในโอกาสทองอยู่แล้วจึงเร่งคันเร่งเต็มที่และก็ขับออกมาได้ เมื่อหนุ่มไปส่งแฟนสาวที่บ้าน ขณะที่แฟนสาวลงจากรถ สาวน้อยก็กรีดร้องในทันใด ชายหนุ่มจึงลงมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น และสิ่งที่เขาและเธอเห็นก็ืคือที่ประตูฝั่งของแฟนสาวนั้น มีตะขอติดอยู่ที่ที่เปิดประตูและมีเลือดสดๆ อาบทั่วตะขอนั้นหยดลงมาอยู่เลย


คุณยายเข้าฝัน
เมื่อครั้งที่คุณยายคนหนึ่งเสียชีวิต ร่างกายของคุณยายได้ถูกนำไปฝังที่สุสานแห่งหนึ่ง แต่เรื่องราวไม่ได้จบแต่เพียงเท่านั้น คุณตาซึ่งเป็นสามีของคุณยายฝันเห็นคุณยายทำท่าทุกข์ทรมาณ บอกให้เอาตนออกไป เอาตนออกจากที่แคบๆ นี้ไป เมื่อคุณตาตื่นขึ้นมา จึงแจ้งไปยังหมอผู้ชันสูตรและสัปเหร่อเพื่อที่จะขอให้ขุดภรรยาของเขาขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง แต่หมอได้วินิจฉัยว่า สามีคงคิดถึงภรรยามากจึงอาจเกิดปรากฏการณ์ฝันถึงเรื่องแบบนี้ได้ คุณตาท่านนั้นใช้ความพยายามอยู่นานถึง 3 เดือน เพราะว่าคุณตาจะฝันเห็นเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำกันตลอดถึง 3 เดือนด้วยกัน ฝ่ายนั้นจึงยอมแพ้และทำการขุดคุณยายขึ้นมา เมื่อเปิดฝาโลงออกมาดู พบว่า คุณยายเสียชีวิตไปแล้วจริงๆ แต่ที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือคุณยายอยู่ในสภาพที่ตาลุก แสดงสีหน้าหวาดกลัว นอนคุดคู้และที่ฝาโลงนั้นก็มีรอยเล็บข่วนราวกับว่าพยายามจะออกจากโลงให้ได้




ป๊อก … ป๊อก … ครืด

เรื่องนี้หลายคนคงเคยได้ยินกันดีในหมู่เพื่อนๆ มหาลัยครับ ผมจึงขอเล่าสั้นๆ นะครับ


ในวันช่วงที่ใกล้สอบนั้นเอง เพื่อนในหอต่างก็อ่านหนังสืออย่างขะมักเขม้น เพื่อนคนหนึ่งไม่สบายเป็นไข้ จึงฝากเพื่อนของตนไปซื้อราดหน้าให้หน่อย เพื่อนผู้แสนดีจึงตกลงและตนก็ออกไปกินข้าวก่อน และจะซื้อราดหน้ากลับมาให้ เมื่อตกดึก …เพื่อนที่เป็นไข้เห็นว่าเพื่อนยังไม่กลับมาก็กังวล แต่แล้วก็ได้ยินเสียงดังขึ้น


"ป๊อก … ป๊อก … ครืด"

หญิงคนนั้นสงสัยว่า นั่นเสียงอะไร

"ป๊อก … ป๊อก … ครืด"


เสียงนั้นเริ่มดังเข้าใกล้ๆ แล้ว

"ป๊อก … ป๊อก … ครืด"

เสียงนั้นหยุดอยุ่ที่หน้าประตูของห้องเธอนัjนเอง เธอรู้ว่านั่นต้องเป็นเพื่อนของเธอแน่ๆ จึงเปิดประตู พบว่า ไม่มีใครอยู่ที่นั่นเลยและที่กลอนประตู มีถุงราดหน้าแขวนอยู่

พอตอนรุ่งเช้า ข่าวทำให้เพื่อนคนนั้นถึงกับหน้าซีด เพื่อนที่ตนฝากซื้อราดหน้าให้นั้นถูกข่มขืนและฆ่าตาย หมกไว้ในพงหญ้าเมื่อคืนนี้ สภาพคือถูกตีกระหน่ำที่แขนขาไม่ให้หนีไปไหน จากอันนี้เองที่ทำให้เพื่อนเริ่มขนลุกซู่และคิดว่า แล้วราดหน้านั้นมาจากไหนล่ะ

มีเพื่อนหลายคนก็ได้ยินเสียงเช่นเดียวกันและตีความว่าเป็นไปได้ที่เมื่อเพื่อนคนนี้เสียชีวิต ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนที่ป่วยอยู่จึงได้เอาราดหน้ามาให้ แต่ด้วยสภาพที่โดนแขนขาทุบจนแหลกนั้นทำให้ไม่สามารถเดินมาได้ ตนจึงต้องเอาคางครูดกับทางเดินและบันได เืพื่อขึ้นมาหาเพื่อนของตนนั่นเอง





เบาะหลัง


ในคืนที่เงียบสงัดคืนหนึ่ง หญิงสาวที่กลับจากงานประจำของเธอต้องขับรถผ่านทางเปลี่ยวแห่งหนึ่ง ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าๆ แล้ว หล่อนขับไปได้ซักพักก็มีแสงวูบหนึ่งส่องมาที่รถของเธอ เธอหันไปตามที่มาของแสงนั้น แล้วก็พบว่าเป็นของรถคันหลังเธอเปิดไฟสูงจ้า เธอรำคาญมากจึงพยายามขับรถให้เร็วขึ้นกว่าเดิม แต่เมื่อเธอทำอย่างนั้น รถคันหลังก็พยายามวิ่งให้เร็วขึ้นเช่นกัน เธอขับรถวิ่งเลี้ยวซ้าย รถคันนั้นก็วิ่งเลี้ยวซ้ายตาม พอถึงทางแยก เธอเลี้ยวขวา รถคันนั้นก็เลี้ยวขวาตาม เธอรู้สึกได้ว่ามีคนตามเธอมาจริงๆ คราวนี้เธอรู้ว่าชีวิตเธอแขวนอยู่ระหว่างความเป็นและความตายแล้ว เธอจึงตัดสินใจว่าจะล็อกรถและก็แจ้งตำรวจทันที ทันใดนั้นรถคันนั้นก็วิ่งเข้ามาใกล้เธอเหลือเกิน เธอเลยพอเห็นลางๆ ว่า คนขับนั้นเป็นชายร่างสูงมองมาที่เธอ เธอรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาทันใด แต่แล้วชายคนนั้นก็ตะโกนขึ้นมาว่า "ผมแจ้งตำรวจไว้แล้ว รีบลงมาจากรถ เดี๋ยวนี้เลย!" หญิงคนนั้นแปลกใจมาก แต่สัญชาตญาณของหล่อนบ่งบอกว่าเขาพูดจริง เธอรีบจอดรถในขณะเดียวกับที่ตำรวจสายตรวจมาถึง ตำรวจรีบดึงตัวเธอออกมาจากรถอย่างเร็ว ในแวบหนึ่งเธอเหลือบไปมองเห็นที่เบาะหลังของเธอ ชายคนหนึ่งกำลังถือมีดอีโต้มองข้างนอกรถด้วยความฉงนใจ เธอจึงได้ทราบเรื่องราวว่า ชายคนนี้คือฆาตกรโรคจิตที่อยู่ระหว่างการหลบหนีแล้วเผอิญมาหลบในรถของเธอ ตอนที่เธอขับรถ ดูเหมือนเขาพยายามจะฆ่าเธอหลายครั้งแต่ว่าไฟจากรถข้างหลังทำให้เขาต้องหลบหัวต่อ ดังนั้นชายที่ขับรถข้างหลังเธอจึงพยายามที่จะส่องไฟให้มากที่สุดที่เขาจะทำได้ เพื่อช่วยเหลือชีวิตเธอไว้ !!!



ด้ายสีแดง
เป็นเรื่องของนิสิตแพทย์ที่เล่ากันมานานแล้ว – นิสิตแพทย์คนหนึ่งอยู่เวรตอนกลางคืน แต่ตอนที่กำลังจะกลับหอพักของตนเองนั้น เขานึกขึ้นได้ว่าลืมของไว้ที่โรงพยาบาลชั้นที่เขาเพิ่งอยู่ เขาจึงตัดสินใจขึ้นไปอีกรอบหนึ่ง ขณะที่เขาเอาของมาแล้วและกำลังจะลงลิฟต์ ระหว่างที่รอลิฟท์อยู่นั้น บรรยากาศรอบข้างมันช่างทึมๆ สลัวๆ ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ เมื่อลิฟต์เปิดออก มีชายคนหนึ่งอยู่ในลิฟต์อยู่แล้ว นิสิตแพทย์คนนั้นจึงโล่งใจที่มีเพื่อนร่วมทางไปด้วย ระหว่างที่ลิฟต์เคลื่อนตัวลงไปชั้นล่าง ทั้งสองก็ได้สนทนากันในลิฟต์

ชายคนนั้น : หมออยู่ดึก ลำบากหน่อยนะครับ
นิสิตแพทย์ : อ๋อ ครับ นิสิตแพทย์ : คุณกลับดึกจังนะครับ
ชายคนนั้น : ครับ ผมมาเยี่ยมเพื่อนผม
ระหว่างที่ลิฟต์ลงมา ทั้งสองคนก็คุยกันเล็กๆ น้อยๆ
ชายคนนั้น : ตอนผมเดินไปในแผนกนี้นะ ผมเจอคนไข้นอนให้น้ำเกลือบ้างหรือบางคนฉุกเฉินบ้าง บางคนก็ตาย ไม่รู้พวกหมอเค้าแยกคนไข้กันได้ยังไงนะ
นิสิตแพทย์ : อ๋อ คือว่าพนักงานจะผูกด้ายแดงไว้ที่ข้อมือเพื่อแสดงว่าคนคนนั้นเสียชีวิตไปแล้วครับ

เมื่อลิฟต์ลงมาถึงชั้นล่าง


"คุณหมอครับ" ชายคนนั้นหันมาและยกมือขึ้น "คุณหมอหมายถึงแบบนี้รึเปล่า"


โชคดี
เมื่อเพื่อนคนหนึ่งต้องไปงานปาร์ตี้ ขณะที่อีกคนหนึ่งต้องอยู่อ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบ ทำให้เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น เพื่อนคนที่จะต้องไปงานปาร์ตี้ได้ฝากเพื่อนร่วมห้องของเธอช่วยดูแลห้องด้วย

ในงานปาร์ตี้ เธอสนุกสนานมากจนดึกและกลับมาที่พักตอนตีสอง …ห้องมืดสนิทแต่แสงไฟจากนอกห้องทำให้พอเห็นลางๆ เธอเห็นเพื่อนของเธอกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้ แต่โคมไฟปิดอยู่ ตอนแรกเธอกำลังจะเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟ แต่ก็คิดขึ้นว่าเพื่อนของเธอคงอ่านหนังสือจนดึกเลยสินะ เมื่อเธอคิดเช่นนั้นเธอจึงตัดสินใจไม่ปลุกเพื่อน ให้เพื่อนได้นอนพักผ่อนอย่างเต็มที่และกลับไปนอนที่เตียงของเธอ

 

รุ่งเช้า เธอตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย เธอเหลือบมองที่เพื่อนของเธอและสะกิดเพื่อปลุึกเพื่อนให้ตื่น แต่แล้ว เพื่อนคนนั้นก็ตกลงจากเก้าอี้ เพื่อนของเธออยู่ในสภาพที่ถูกชำแหละจนเครื่องในทะลักออกมาข้างนอก ตาเหลือกขึ้นข้างบนจนเกือบเห็นแต่ตาขาว เธอกรีดร้องเสียงดังและตัวสั่น และเธอก็เหลือบไปเห็นที่กำแพงซึ่งมีตัวอักษรเขียนด้วยเลือดของเพื่อนเธอ "ดีใจมั้ย … ที่เธอไม่ได้เปิดไฟ"


Oh, Susanna

เรื่องของรูมเมทและเพลง โอ! ซูซานนา – เพลงนี้เป็นเพลง Country ที่ดังในสมัยก่อนครับและร้องกันบ่อยมาก

หญิงสาวคนหนึ่ง มีรูมเมทเป็นนักร้องประจำวงดนตรี ซึ่งเธอต้องขึ้นไปเล่นโชว์ที่งานปาร์ตี้แห่งหนึ่ง เธอจึงฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อที่จะเล่นได้อย่างเพอร์เฟ็กต์และเพลงที่เธอเล่นเพลงหนึ่งก็คือเพลงนี้ เธอมักจะซ้อมอยู่ในห้องนอนของเธอ ซึ่งหญิงสาวคนนี้จะได้ยินเพลงนี้ประจำจนเบื่อเลย แต่คืนนี้ไม่เหมือนกัน

"Oh Susanna, Don’t you cry for me." เสียงมาจากห้องของรูมเมทเธอ "พอได้แล้วน่า ร้องก็เพี้ยน เสียงก็แหบๆ" เธอตะโกนบอกรูมเมทในห้อง

"Oh Susanna, Don’t you cry for me." "เอาจริงนะ ยัย___ หยุดร้องได้แล้ว" "I come from Alabama with…." "ชั้นบอกให้เลิกแหกปากร้องได้แล้ว ยัยเซ่อ"


ครั้งนี้เธอทนไม่ไหว จึงเปิดประตูเข้าห้องรูมเมทของเธอ แต่ทันใดนั้น เธอก็ถึงกับอึ้ง

ชายคนหนึ่งถือมีดพลิกไปมา ที่ขามีแบนโจ (เครื่องดนตรี) วางอยู่ มีดนั้นเปรอะไปด้วยเลือด ชายคนนั้นเลียคราบเลือดที่ติดอยู่ที่มีดนั้น


"นายเป็นใคร แล้วเพื่อนชั้นอยู่ไหน" "I come from Alabama with a banjo on my knee." ชายคนนั้นร้องด้วยเสียงแหบเพี้ยน ดูรื่นเริงไปกับเพลงและแกว่งมีดไปพลางๆ เข้ากับจังหวะ

เธอพยายามมองรอบๆ และก็เห็นว่า รูมเมทของเธอถูกชำแหละ เลือดกระจายไปทั่วห้อง เธอรู้ถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น จึงพยายามจะวิ่งออกจากห้องไป แต่ว่าชายคนนั้นเร็วกว่าและคว้าตัวเธอไว้ และลากเข้าห้องของรูมเมทเธอ เธอพยายามดิ้นสุดชีวิตแต่ไม่อาจสู้แรงของชายคนนี้ได้ เขาจับเธอติดกับผนัง ข้างๆ เธอคือหัวของเพื่อนเธอที่แขวนไว้แทนรูปภาพ

"So, Susanna" ชายคนนั้นพูด "don’t you cry for me"




เสียงบนหลังคารถ

บนถนนแห่งหนึ่ง คู่รักสองคนกำลังเดทกลางแสงจันทร์ในรถ เป็นค่ำคืนที่แสนหวานนัก แฟนหนุ่มขอลงจากรถไปฉี่ที่พุ่มไม้ใกล้ๆ แฟนสาวก็นั่งรออยู่ในรถ – 10 นาทีผ่านไป ยังไม่เห็นร่องรอยว่าแฟนหนุ่มจะกลับมา ทันใดนั้น


"ปึ้ก!" เสียงเหมือนใครทุบหลังคารถ แฟนสาวคิดว่าคงเป็นแฟนหนุ่มแกล้งอำก็เลยไม่คิดอะไร
"ฉี่เสร็จแล้วหรอ ขึ้นรถได้แล้ว ชั้นรู้หรอกน่า"
"ปึ้ก! ปึ้ก!" เสียงนั้นยังคงกระหน่ำไม่หยุด หวอ! หวอ! หวอ! เสียงเตือนภัยของรถยนต์ดังขึ้น
"ชั้นบอกให้หยุดไง ดูซิหวอดังหมดแล้ว เดี๋ยวตำรวจก็มากันหรอก"
"ปึ้ก! ปึ้ก! ปึ้ก!"คราวนี้เสียงทุบกระหน่ำแรงกว่าเดิมและทุบหลังคารถหลายๆ ครั้ง เธอโกรธมากกำลังจะออกจากรถตะโกนด่าแฟนของเธอ ทันใดนั้นตำรวจสายตรวจ 2-3 คนก็มาถึง
"เอาล่ะสิ งานเข้าอีกละ" แฟนสาวคิดตำรวจค่อยๆ ย่องมาที่ด้านที่นั่งของแฟนสาว กระซิบให้เปิดหน้าต่างรถ
"คุณไม่เป็นไรนะ" ตำรวจถาม
"ค่ะ" เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่ยังสงสัยที่ตำรวจถามอย่างนั้น
"เอาล่ะ ผมขอให้คุณค่อยๆ ลงจากรถและอย่าหันไปมองเด็ดขาด ตกลงมั้ย"

เธอยิ่งสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าเรื่องแฟนหนุ่มกระโดดขย่มรถล่ะก็ …เป็นธรรมดาเพราะแฟนหนุ่มก็เป็นพวกเวลาพี้ยาแล้วก็จะโวยวายใหญ่


เธอทำตามที่ตำรวจสั่ง เธอค่อยๆ ลงจากรถขณะที่ตำรวจคนนั้นค่อยๆ ประคองเธอย่างนุ่มนวลที่สุดแต่ก็ทำอย่างเร็วที่สุด …แต่ความขี้สงสัยของเธอ ทำให้สายตาขอเธอเหลือบไปมองชั่วแวบหนึ่งและเธอจึงได้รู้ความหมายของตำรวจคนนั้น


สิ่งที่เธอเห็นคือ ชายแปลกหน้าขึ้นไปขย่มรถและเอาลูกบอลที่เสียบด้วยเหล็กกระหน่ำทุบหลังคารถเธออยู่ แต่เมื่อเธอมองชัดๆ เธอถึงกับหน้าซีด เมื่อรู้ว่า ลูกบอลนั้นก็คือ หัวของแฟนเธอที่เพิ่งลงจากรถไปนั่นเอง



เลีย
หญิงคนหนึ่งต้องอยู่บ้านคนเดียวในขณะที่พ่อแม่ไปธุระที่อื่น เธอจึงต้องเข้านอนเองและปิดไฟ โชคดีที่เธอมีสุนัขที่รู้ใจเจ้านายของมัน มันมักจะเลียมือของเด็กน้อยคนนั้นเสมอทำให้เธอรู้สึกสบายใจ

ในคืนนั้นเอง มีเสียงตะกุกตะกักอยู่ที่ข้างนอกห้องนอน เธอกลัวมาก แต่ก็ต้องลงไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ความที่มันมืดมากและเธอไม่อยากเปิดไฟ เธอมองไปรอบๆ และก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เสียงนั้นก็หายไปแล้ว เธอจึงกลับมาที่ห้องนอนของตน แต่ว่าใจเธอก็รู้สึกกังวลและหวาดกลัว เธอยื่นมือลงที่เตียงเพื่อให้สุนัขของเธอเลีย เธอจึงรู้สึกสบายใจขึ้นบ้างและหลับได้ในที่สุด ในเช้าวันต่อมา เธอตื่นนอนและเข้าห้องน้ำเพื่อที่จะอาบน้ำ แต่แล้วเธอก็ถึงกับหน้าซีด

นั่นเพราะว่าสุนัขของเธอถูกชำแหละถลกหนัง ตับไตไส้พุงกองอยู่กับอ่างอาบน้ำ หนังถูกห้อยไว้ที่ราวแขวน เธอกรีดร้องเสียงดัง ขณะเดียวกันเธอเหลือบไปเห็นข้อความที่กระจกในห้องน้ำที่มีข้อความที่เขียนด้วยเลือด

"คนก็เลียเป็นนะตัวเอง"



ห้องสีแดง

เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นที่ญี่ปุ่นครับ ชายสองคนเป็นเพื่อนกัน วันหนึ่งคนนึงเอาข่าวลือมาเล่าให้ฟังว่า


"นี่ นี่ นายรู้เรื่อง ห้องสีแดงรึเปล่า" "มันคืออะไรหรอ" "เขาเล่าว่านะ เป็นป๊อบอัพที่ต้องเข้าเว็บ … นี้ แล้วเค้าบอกว่า ถ้าหากว่าปิด คนนั้นจะตาย!"
"มีเรื่องพรรค์นี้ด้วยหรอวะ"
"อ๊าว ก็น่าลองดูนะ ตอนนี้เรื่องเว็บนี้ยังเป็นข่าวลือลับๆ อยู่เลยนะเว้ย! แล้วแกจะลองมั้ยวะ"
"เอ็ย ไม่เอาหรอก ของไร้สาระแบบนี้"


แล้วเขาก็โบกมือลาเพื่อนเมื่อถึงทางแยกที่เขาต้องกลับบ้าน

ตอนเย็นวันนั้นเอง เด็กคนนั้นก็อดที่จะสงสัยไม่ได้ จึงเปิดเว็บที่เพื่อนของเขาบอกมา แต่เมื่อเปิดขึ้นมา

"เข้าไม่ได้?" เด็กชายเริ่มสงสัยหรือว่าเว็บนี้ถูกปิดไปแล้ว? เขาจึงตัดสินใจโทรหาเพื่อนของเขา แต่โทรไป 3-4 ครั้ง ก็ไม่มีใครรับสาย

"สงสัยโดนหลอกอีกมั้ง" เขาจึงปิดเว็บนั้นไป แต่ทันใดนั้น…
"คุณชอบ … มั้ย?" มีป๊อบอัพแปลกๆ ขึ้นมาที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ "อะไรหว่า" เด็กชายคนนั้นไม่สนใจและปิดไป แต่เมื่อเล่นเนตซักพัก
"คุณชอบสีแดงมั้ย" ป๊อบอัพขึ้นเป็นสีแดงฉาน เด็กคนนั้นเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาจึงรีบปิดไป แต่ซักพักก็มีป๊อบอัพขึ้นมาอีก
"คุณชอบห้องสีแดงมั้ย?" คราวนี้มีเสียงที่น่ากลัวและหลอนออกมาด้วย เขารีบปิดลำโพงและปิดป๊อบอัพอีกครั้งหนึ่ง แต่แล้วกลับมีเว็บเปิดขึ้นมา เป็นลิสต์รายชื่อ


นาย …… ……… เสียชีวิต
นางสาว …… ……… เสียชีวิต
นาย …… ……… เสียชีวิต
นาย …… ……… เสียชีวิต


จนมาอันสุดท้าย นั่นคือชื่อของเพื่อนที่เขาติดต่อไม่ได้ ขึ้นเป็นลำดับสุดท้ายของรายชื่อ

เช้าวันต่อมา มีคนโทรแจ้งตำรวจพบความผิดปกติที่บ้านหลังนั้น มีรายงานว่า มีเด็กเสียชีวิตที่ห้องของเด็กคนนั้น เพดาน ผนังและเครื่องเฟอร์นิเจอร์ทั้งห้องเป็นสีแดงฉานราวกับว่ามีใครเอาเลือดของเด็กมาทาสีห้อง นอกจากนั้นที่คอของเด็กราวกับมีรอยของมือใครสักคนด้วย ที่หน้าจอของคอมพิวเตอร์เป็นหน้าจอของลิสต์รายชื่อ โดยที่มีชื่อของเด็กคนนี้อยู่ลำดับสุดท้าย ระบุว่า เสียชีวิต




ทอม


มีชายคนหนึ่งที่หน้าตาดีมาก ชื่อว่า "ทอม" ผู้หญิงหลายคนต่างหลงเสน่ห์ชายคนนี้ แต่ว่าเขาก็ไม่ได้เลือกคบใครเลย จนมาวันหนึ่งเขาได้พบกับคนที่ตนคิดว่าเป็นรักแท้ เธอช่างสวยและเก่ง เขาจึงตัดสินใจขอเธอเป็นแฟน ซึ่งเธอก็ตอบตกลง


3 สัปดาห์ผ่านไป ทอมและแฟนสาวก็อยู่กันอย่างมีความสุข ขณะที่ทั้งสองกำลังจะกลับบ้านหลังดินเนอร์เสร็จ ชายคนหนึ่งมือถือมีดและเอามาจ่อที่คอของทอมทันที แสงไฟข้างนอกที่สาดส่องทำให้พอเห็นใบหน้าของชายที่กำลังโกรธจัดมาก แฟนสาวพอเห็นเข้าก็จำได้ว่า นั่นคือแฟนของเธอนั่นเอง ชายคนนั้นโกรธมากจึงใช้มีดแทงเข้าที่ท้องเธอ จนเธอทรุดไป ทอมอยู่ในสภาพที่หวาดกลัวชายคนนี้มาก


"ผะ ผมไม่รู้ว่า เธอมีแฟนแล้วจริงๆ นะ" ทอมพูดอย่างตะกุกตะกักแต่ชายคนนั้นไม่สนใจ

"หล่อนักใช่มั้ย ถ้างั้นดูซิว่าแบบนี้จะยังหล่ออยู่อีกมั้ย" ว่าแล้วชายคนนั้นก็ลากทอมไปอยู่กลางพงหญ้า ฉีกเสื้อผ้าของทอมออกหมด มีดของชายคนนั้นค่อยๆ กรีดผิวหนังอันเปลือยเปล่าของทอมกลางหลังและถูกแหวกเพื่อให้ดึงได้ง่าย ชายคนนั้นกำลังถลกหนังของทอม เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นในค่ำคืนนรกของทอม แต่ไม่มีใครได้ยิน


วันรุ่งขึ้น ตำรวจพบหญิงคนนั้นที่หมดสติแต่ยังไ่ม่เสียชีวิต แต่ว่าไม่มีใครพบศพของทอม ส่วนเรื่องชายคนนั้น บ้างก็ว่าหายตัวไป บ้างก็ว่าเขารู้สึกเสียใจมากจึงฆ่าตัวตาย ส่วนทอมนั้นบ้างก็เล่าว่าปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่ และคนที่พบจะเห็นคนที่ตัวแดงเพราะโดนลอกหนัง มีคราบโคลนสกปรก กลิ่นเหม็นฉึ่งและในมือถือมีด เดินตามท้องถนนยามค่ำคืน เพื่อจะลงโทษคนที่ผิดลูกผิดเมียชาวบ้านเช่นเดียวกับเขานั่นเอง




พยาบาลชุดแดง

เรื่องนี้เกิดขึ้นที่คณะแพทย์แห่งหนึ่งในไทยในช่วงกลางคืน นิสิตแพทย์ง่วนกับการอยู่เวรจนดึกและเคร่งเครียดมากเพราะพรุ่งนี้ตนมีสอบเกี่ยวกับศัลยศาสตร์ เืมื่อหมดช่วงเวลาเข้าเวร เขาตัดสินใจกลับหอ ระหว่างรอลิฟต์นั้น เขาก็ได้กลิ่นแปลกๆ เขาหันไปมา ก็เจอนางพยาบาลคนหนึ่งเดินมาและกำลังจะลงลิฟต์ด้วย เธอยิ้มให้เขา นิสิตแพทย์คนนั้นไม่ได้คิดอะไร เพราะว่าหมอกับพยาบาลทำงานด้วยกันก็ต้องเจอกันตลอดอยู่แล้ว เมื่อลิฟต์เปิดทั้งสองก็เข้าไปข้างในและก็คุยกันตามภาษาคนแปลกหน้าคุยกัน

"อยู่ดึกจังนะคะ" "ครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็มีสอบเรื่องการผ่าตัดภายใน" นิสิตแพทย์คนนั้นตอบ

"ถ้างั้น ให้ชั้นช่วยติวให้เอามั้ย" สิ้นสุดเสียงของพยาบาลคนนั้น นิสิตแพทย์มองด้วยความฉงน แต่แล้วความฉงนก็เปลี่ยนเป็นขนหัวลุกแทน เมื่อที่หัวของพยาบาลคนนั้นมีเลือดไหลลงมาเลอะเสื้อสีขาวของหล่อนจนย้อมเป็นสีแดง นิสิตแพทย์พยายามจะออกจากลิฟต์ แต่ก็ดูเหมือนว่าลิฟต์ไม่ยอมเปิดซักที พยาบาลคนนั้นหันมาทางนิสิตแพทย์คนนั้นและเริ่มสอนตำแหน่งของอวัยวะต่างๆ เธอควักอวัยวะภายในออกมา โดยแหวกจากอกของเธอ เธอชี้ลำไส้ ปอด ตับ พร้อมกับควักออกมาให้นิสิตแพทย์ดูต่อหน้าต่อตา

เช้าวันต่อมา มีคนพบนิสิตแพทย์คนนั้นอยู่ในสภาพหวาดกลัว ตาเหลือกและหัวโกร๋น เนื้อตัวสั่นไปหมดและพร่ำเพ้ออยู่ประโยคเดียวว่า "พยาบาลชุดแดง …พยาบาลชุดแดง"
 

#Urban #Legend: #ตำนานพื้นบ้าน #Episode #2
solo1150
นักแสดงรับเชิญ
สมาชิก VIP
27 พ.ย. 54 เวลา 23:43 1,989
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...