Bloody Mary
นานมาแล้ว มีเด็กหญิงคนหนึ่งชื่อ แมรี่ (Mary) เธอป่วยหนักและอาการก็หนักขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งหมดสติไป ส่วนหมอในท้องถิ่นก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรมากนัก หมอกลับคิดว่าเธอเสียชีวิตแล้ว เลยไปแจ้งครอบครัวของแมรี่ ครอบครัวของแมรี่เลยดำเนินการจัดงานศพและฝังเด็กหญิงผู้โชคร้ายทั้งเป็น! ครอบครัวของแมรี่นั้นอาศัยอยู่ใกล้กับสุสานที่เธอถูกฝังอยู่ ในคืนแรกแม่ของธอคิดว่าตัวเองได้ยินเสียงกรีดร้องออกมาจากหลุมฝังศพของแมรี่ เมื่อไปบอกกับคนอื่นๆ กลับไม่มีใครเชื่อ วันต่อมา …เพื่อความมั่นใจ แม่ของแมรี่เลยขอร้องให้มีการขุดเอาโลงศพของแมรี่ขึ้นมา …
เมื่อพวกเขาขึ้นศพขึ้นมา ก็พบว่าแมรี่ได้ตายไปจริงๆ เสียแล้ว นอกจากนี้พวกเขายังเห็นรอยข่วนหลายรอยบนโลง พร้อมกับเล็บของแมรี่ที่ชุ่มไปด้วยเลือด เมื่อเธอพยายามดิ้นรนที่จะออกจากโลง
ว่ากันว่า ถ้าคุณทำตามคำแนะนำต่อไปนี้ คุณจะสามารถพบเห็นแมรี่ได้ – ในตอนกลางคืนของวันศุกร์ที่ 13 ให้ปิดไฟทุกดวงในบ้าน แล้วไปที่ห้องน้ำ พร้อมกับเปิดน้ำจากฝักบัวและอ่าง จากนั้นให้มองไปที่กระจก แล้วพูดว่า "Bloody Mary" – 5 ครั้ง …แล้วแมรี่ก็จะมาปรากฏตัวให้เห็น ซึ่งคุณต้องรีบเปิดไฟ ไม่งั้นแล้วแมรี่ก็จะมาแทงคุณด้านหลัง
เรื่องเล่าอีกแบบหนึ่ง เล่าว่า …
หมอประจำท้องถิ่นแห่งหนึ่งและภรรยามีลูกสาวอยู่หนึ่งคนชื่อว่า แมรี่ – ในช่วงวัยรุ่น แมรี่ป่วยเป็นโรคคอตีบ (came down with Diptheria) ซึ่งในเวลานั้นยังไม่สามารถรักษาให้หายได้ …อยู่มาวันหนึ่ง หลังจากที่ได้ตรวจดูอาการ เขาก็คิดว่าลูกได้เสียชีวิตไปแล้วและจะต้องดำเนินการจัดงานศพให้ถูกต้อง พวกเขาฝังเด็กหญิงคนดังกล่าวไว้ในโลงไม้และได้เอาเชือกมาผูกที่ข้อมือของเธอ แล้วเอาปลายอีกข้างหนึ่งไปไว้ข้างบนพื้นดิน พร้อมกับผูกปลายเชือกเข้ากับกระดิ่งที่แขวนกับตะขอด้านบนหลุมศพ เผื่อมีการตรวจวินิฉัยผิดพลาด แมรี่อาจจะตื่นขึ้นมาและสั่นกระดิ่ง แล้วพวกเขาจะได้มาขุดโลงขึ้นไป
แม่ของเด็กหญิงไม่ยอมออกห่างจากหลุมศพ ฝ่ายสามีกลัวเธอจะตายตามไปด้วยหากปล่อยทิ้งไว้และไม่ยอมกลับเข้าบ้าน เขาเลยฉีดมอร์ฟีนให้และพาเธอกลับบ้าน
เช้าวันต่อมา เมื่อพ่อไปเยี่ยมหลุมศพของลูกสาว เขาก็สังเกตเห็นว่ากระดิ่งตกลงจากตะขอ และวางอยู่บนพื้น เขาเลยเริ่มต้นขุดเอาโลงศพขึ้นมาทันที แต่มันสายเกินไปเสียแล้ว เมื่อพวกเขาขุดเอาโลงขึ้นมาได้ ก็พบว่าเธอได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่ตอนที่เธอตื่นขึ้นมาในตอนกลางดึก เธอได้ข่วนด้านบนโลงศพ มือของเธอเต็มไปด้วยเลือดและเล็บของเธอก็ปักอยู่ที่โลงศพนั่นเอง
วิธีการเรียกแมรี่คือ ให้ไปยืนในความมืดคนเดียวหน้ากระจก แล้วเรียกชื่อของแมรี่ – 3 ครั้ง โดยเมื่อเรียกชื่อเสร็จแต่ละครั้งให้หมุนตัวด้ย หลังจากครั้งที่สาม เมื่อคุณมองกระจก คุณก็จะเห็นแมรี่ยืนอยู่ข้างหลังคุณ
Blue Baby
ให้ไปที่ห้องน้ำ พร้อมกับปิดไฟและปิดประตู จากนั้นให้ทำท่าเหมือนกำลังอุ้มเด็ก พร้อมกับพูดว่า "Blue Baby" – 13 ครั้ง – จากนั้นเด็กก็จะปรากฏตัวให้คุณเห็นและข่วนคุณ คุณต้องปล่อยเด็กลงและรีบวิ่งหนี! ไม่งั้นแล้ว จะมีผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับส่งเสียงกรีดร้องดังขนาดทำให้แก้วแตกได้ "GIVE ME BACK MY BABY!!!" ถ้าคุณยังอุ้มลูกของเธอไว้ เธอก็จะมาฆ่าคุณ
The Candy Man
ถ้าคุณมองที่กระจกในห้องน้ำและปิดไฟ แล้วเรียก Candy man – 5 ครั้ง คุณจะเห็นตาสีแดงคู่หนึ่ง …เมื่อคุณเห็นแล้ว ให้รีบเปิดไฟทันทีและวิ่งไปยังส่วนที่สว่างที่สุดในบ้าน ไม่งั้นเขาจะตามออกมาฆ่าคุณ
Lady in White
ถ้าคุณเข้าไปในห้องน้ำ แล้วหมุนตัว 5 รอบ จากนั้นพูดว่า "Lady in White" แล้วหมุนตัวไปอีกด้านหนึ่ง (หมุนด้านตรงกันข้าม) และพูดถึงอะไรก็ได้ที่คุณคิดว่าได้ตายไปแล้ว คุณจะเห็นสิ่งๆ นั้นในกระจก เพียงแต่คุณจะต้องปิดไฟทุกดวงและต้องทำคนเดียวเท่านั้นนะ
Bride & Seek
ในระหว่างงานแต่งงานของชาย-หญิงคู่หนึ่ง บรรดาแขกตัดสินใจที่จะเล่นเกมกัน เกมนั้นก็คือ การเล่นซ่อนหา – ซึ่งเจ้าบ่าวเป็นคนหา และเขาก็หาได้เกือบทุกคน ขาดอยู่คนเดียวนั่นก็คือ เจ้าสาวของเขานั่นเอง
ยิ่งเขาใช้เวลานานมากขึ้นเท่าไหร่ เขายิ่งรู้สึกท้อแท้มากขึ้นเท่านั้น …จนในที่สุดจากอาการท้อแท้กลับกลายเป็นอารมณ์โกรธแทน เขาคิดว่าเจ้าสาวคงจะหนีเขาไปแล้วแน่ๆ จากนั้นเขาก็เลิกเล่นและกลับบ้านโดยที่ไม่มีเจ้าสาวกลับไปด้วย
หลายสัปดาห์ผ่านไป เขาคิดว่าหญิงสาวคงไม่กลับมาแล้วแน่ๆ และคงจะไปตามทางของเธอเอง เขาจึงตัดสินใจที่จะทำเหมือนกันบ้าง
2-3 ปีต่อมา แม่บ้านทำความสะอาด ได้ทำความสะอาดห้องใต้หลังคาในบ้านที่เคยใช้จัดงานเลี้ยงดังกล่าว ในห้องใต้หลังคานั้น แม่บ้านทำความสะอาดได้พบหีบเก่าๆ ที่มีขนาดใหญ่ใบหนึ่งเมื่อเธอได้เปิดหีบใบนั้น …ปรากฏว่าภายในหีบมีร่างที่เน่าเปลือยของเจ้าสาวที่หายไปถูกขังอยู่ในหีบใบนั้นนั่นเอง เธอเลือกมันเป็นที่ซ่อน และเป็นที่ซ่อนที่ดีจริงๆ เพราะไม่มีใครหาเธอพบเลย
Baby Give Away
บนถนนเปลี่ยวห่างจากถนนสายหลักในเมืองของชั้น คุณจะเห็นสะพานแห่งหนึ่งซึ่งเคยเกิดเรื่องร้ายๆ ในอดีต – ครอบครัวหนุ่มสาวคู่หนึ่งอาศัยอยู่ใกล้กับสะพานแห่งนี้ ฝ่ายสามีต้องจากภรรยาและลูกเพื่อไปร่วมรบในสงคราม วันหนึ่งเพื่อนบ้านของเขาพบว่า ที่บ้านมีเพียงหญิงสาวและเด็กอยู่ เขาเลยคิดที่จะเอาหญิงสาวคนนี้มาเป็นของตัวเอง
คืนวันหนึ่ง ชายคนดังกล่าวได้บุกเข้าไปในบ้านหลังนั้น เมื่อฝ่ายหญิงตอบปฏิเสธ ชายคนดังกล่าวได้ทำร้ายหญิงสาวอย่างป่าเถื่อน และขู่ว่าจะฆ่าลูกของเธอทิ้งเสีย หญิงสาวได้หลบหนีออกจากบ้านพร้อมกับลูกของเธอ ไปหาที่หลบซ่อนในป่า เมื่อเธอคิดว่า ไม่ได้ยินเสียงชายคนดังกล่าวตามมาแล้ว เธอเลยมุ่งตรงไปที่สะพาน เพื่อใช้เป็นที่หลบซ่อน พร้อมดับลูกของเธอที่กำลังตกใจกลัว
ระหว่างที่หญิงสาวหนีออกจากบ้านนั้น ลูกของเธอก็ร้องไห้กระซิก (Whimpering) ด้วยความกลัว แต่เมื่อพวกเขามาหยุดอยู่ที่สะพาน เด็กกลับร้องไห้ดังยิ่งขึ้น ดังขึ้นจะกระทั่งเพื่อนบ้านคนดังกล่วได้ยินเสียง และตามมาจนพบแม่ลูกคู่นี้ ชายคนดังกล่าวจึงฆ่าแม่ลูกคู่นี้อย่างทารุณใต้สะพานแห่งนั้นนั่นเอง
ถ้าคุณขับรถลงไปที่ใต้สะพานและจอดรถ จากนั้นดับเครื่องยนต์และปิดไฟ แล้วออกมาจากรถ คุณจะได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ แต่ระวังไว้นะ … ว่ากันว่าถ้าคุณลงไปใต้สะพานแล้ว จะไม่มีใครเห็นคุณอีกเลย วิญญาณของหญิงสาวยังคงพยายามปกลูกของเธอ แม้ว่าเธอจะตายไปแล้ว
Baby Bridge
ย้อนกลับไปในช่วงศตวรรษที่ 1800 ที่ใดที่หนึ่งในจอร์เจีย ชาวไร่ผู้ยากจนและภรรยากำลังจะมีลูกคนที่ 5 – ชาวไร่รู้ดีว่าเขาและภรรยาไม่สามารถเลี้ยงดูเด็กคนนี้ได้ เนื่องจากผลผลิตทางการเกษตรในปีนั้นไม่ดีเอาเสียเลย เขาไม่สามารถเลี้ยงดูครอบครัวที่มีถึง 6 ชีวิตได้แน่ๆ
เมื่อถึงวันที่ภรรยาของเขาจะคลอดลูก ชาวไร่ได้ไปตามหมอมาทำคลอด และได้ตกลงกับหมอถึงแผนการที่กำจัดเด็กคนนี้ โดยภรรยาของเขาเองก็ไม่ทราบเรื่อง แผนของพวกเขาก็คือ จะรีบนำเด็กออกมาทันทีหลังจากทำคลอดเสร็จ และจะบอกกับภรรยาของเขาว่า เด็กเสียชีวิตตั้งแต่เกิด
เมื่อหมอเดินทางออกมาจากบ้านไร่ในตอนกลางคืน เขาได้นำเด็กไปยังสะพานที่อยู่ใกล้ๆ นั้น แล้วทิ้งเด็กลงไปข้างล่าง ฝ่ายผู้เป็นภรรยานั้นไม่เคยทราบเรื่องที่ชาวไร่และหมอได้ทำลงไป
กล่าวกันว่า ในคืนที่พระจันทร์เต็มดวงและไม่มีเมฆบดบัง ถ้าคุณขับรถไปยังสะพานแห่งนี้ (Baby Bridge) และจอดรถไว้ตรงกลางสะพานตรงจุดที่อยู่สูงที่สุด แล้วลงจากรถไปโรยแป้งรอบๆ รถของคุณ แล้วขึ้นมาบนรถ พร้อมกับดับเครื่องยนต์และปิดไฟ ประมาณ 10 นาที – คุณจะได้ยินเสียงเด็กร้องไห้เบาๆ และเมื่อคุณออกมาจากรถ คุณจะเห็นรอยเท้าเด็กตรงแป้งที่คุณเอาไปโรยทิ้งไว้