รม ว.ไอซีที โต้ "ศิริโชค" ยืนยันไม่ได้ละเว้นปราบเว็บหมิ่น โชว์ผลงาน 3 เดือน เชือด 6 หมื่นยูอาร์แอล 3 เล็งเช็กบิล "มัลลิกา" บิดเบือนข้อเท็จจริง...(จริงหรอเห็นแจ้งไปแล้วไม่มาดำเนินการเลยก็คนทำก็พวกเดียวกันนิ)
เมื่อ วันที่ 24 พ.ย. น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวภายหลังเข้าประชุมและหารือร่วมกับคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT ว่า สาระสำคัญของการประชุมครั้งนี้คือ เรื่องที่ฝากให้บอร์ดพิจารณาการกำหนดแนวทางและแผนธุรกิจของทั้ง 2 บริษัท โดยไม่ให้เกิดความซับซ้อนและยึดนโยบายสมาร์ทไทยแลนด์ เพื่อให้สอดคล้องกับโจทย์ที่รัฐบาลตั้งขึ้น โดยเชื่อว่าภายหลังการดำเนินงาน ประชาชนกว่า 48 ล้านคนจะได้ใช้ประโยชน์ และงานกว่า 2 แสนงาน ที่ประชาชนจะได้ใช้ประโยชน์ และเชื่อว่าลดค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อน 40% อีกทั้งตั้งเป้าว่าจะเพิ่มจีดีพี 9.8% ภายใน 4 ปีข้างหน้าด้วย
รม ว.ไอซีที กล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้ปรึกษาหารือกับประธานบอร์ดทั้ง 2 บริษัทแล้ว โดยการหารือดังกล่าว ไอซีทีได้เสนอให้ทั้ง 2 บริษัท หารือและทำเวิร์กช็อปร่วมกัน โดยคาดการณ์ว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 2 เดือน อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่านโยบายเร่งด่วน 1 ปี สามารถเดินได้ทั้งหมด ส่วนแผน 4 ปีนั้นเบื้องต้นเชื่อมั่นว่าบอร์ดทั้ง 2 บริษัทจะขับเคลื่อนให้ไปถึงเป้าหมายได้
ส่วน เรื่องสัญญาสัมปทานนั้น ก่อนหน้าได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดำนินการไประดับหนึ่งแล้ว โดยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันตชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบสัญญาสัมปทานฯ ส่วนการหารายได้เพิ่มเติมนั้น ในวันนี้แต่ละบริษัทมีแผนลงทุนที่จะขายบริการของแต่ละเครือข่ายอยู่แล้ว ซึ่งจะเป็นรายได้ของการขายส่ง เพื่อให้บริษัทอื่นเข้ามาเช่าใช้
น.อ.อนุ ดิษฐ์ กล่าวอีกว่า เรื่องที่ 2 คือ การกล่าวอ้างว่า กระทรวงไอซีทีไม่ได้ดำเนินการเรื่องดังกล่าวอย่างเด็ดขาดนั้น กระทรวงระบุว่า การให้บริการเว็บไซต์ทั้งภายในและนอกประเทศนั้น มีรูปแบบการให้บริการที่แตกต่างกันและพัฒนาอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ กระทรวงได้ดำเนินการระงับการเผยแพร่เนื้อหาที่ไม่เหมาะสมโดยปฏิบัติตาม กฎหมาย ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือน ก.ย. 2554 ที่ผ่านมา กระทรวงดำเนินการปิดกั้นยูอาร์แอล (URL) ที่เกี่ยวกับการหมิ่นสถาบันไปประมาณ 6 หมื่นยูอาร์แอล นอกจากนี้ ยังระบุว่าคนที่เข้าไปกดแชร์ ว่าอาจมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ด้วย ขณะที่ระบุถึงการดำเนินการเกี่ยวกับสื่อออนไลน์ เมื่อพบเจอเว็บไซต์ไม่เหมาะสม ดังนี้
1. ห้ามกด Share โดยเด็ดขาด เช่น Facebook เนื่องด้วยจะปรากฏบนหน้าหลักของเพื่อนๆ ที่อยู่ในรายการชื่อของเรา ทำให้เป็นการเผยแพร่โดยไม่รู้ตัว หลายๆ คนคงคิดว่า จะ share ให้เพื่อนๆ ถึงความไม่ดี เพื่อจะได้ติเตียน แต่หารู้ไม่ว่าการทำความดีของท่านจะทำให้การตรวจสอบทำได้ลำบาก เนื่องจากทางต่างประเทศโดยเฉพาะระบบการตรวจสอบจะตีความว่า เป็นเนื้อหาที่น่าสนใจ การระงับจึงทำได้ยากกว่ามาก 2. ห้ามกด Like โดยเด็ดขาด ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นการเพิ่มกระแสความนิยมให้กับ Facebook ดังกล่าว และจะทำให้ปรากฎการกระทำต่างๆ บนหน้า Wall หรือหน้าหลักของท่าน ทำให้เพื่อนๆ ของท่านเห็นหน้าดังกล่าวไปด้วย ผู้ชม Facebook หลายคนจะกด Like เพื่อติดตามความเคลื่อนไหว หรือไปโต้ตอบ ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด
3. ห้าม Comment โดยเด็ดขาด เพราะสร้างความสนใจให้เพื่อนๆ ที่เห็นในหน้าแรกของเราสนใจ และอาจจะร่วมกระบวนการโต้ตอบทำให้เป็นการกระจายข้อมูลข่าวสารโดยไม่รู้ตัว 4. ข้อควรระวัง ปัจจุบันพบว่า มีประชาชนจำนวนหนึ่งที่เข้าไปโต้ตอบกับพวกทำการหมิ่นสถาบัน โดยการกด Like Comment หรือ Share พวกทำเว็บไม่เหมาะสมจะนำชื่อ รูปของท่านไปสร้างหน้า Facebook ที่ไม่เหมาะสม ทำให้ท่านเกิดปัญหาขึ้นตามลำดับ (โดนปลอมจนวุ่นวาย) ดังนั้น ขออย่าให้กด Like Comment หรือ Share เพราะท่านอาจจะตกเป็นเหยื่อ และทั้งนี้ขอให้ท่านที่ได้เผลอกดไปแล้ว ให้ทำการลบ Share, กด Unlike และลบ Comment ที่เคยทำ เพื่อให้ลดการเผยแพร่ และเจ้าหน้าที่จะสามารถดำเนินการได้ง่ายขึ้น
5. Facebook ไม่สามารถดำเนินการปิดกั้นโดยปกติ ทั้งนี้ เนื่องจากการปิดกั้นหน้าที่ไม่เหมาะสมนั้น จะรวมถึงการปิดกั้นไม่ให้ประชาชนที่เคยกด Share, กด Unlike และลบ Comment เข้าใช้งาน Facebook ได้ตามปกติ บางท่านจะมีข้อความปิดกั้นเด้งขึ้นมาขณะ Login เพราะหน้าแรกของท่าน หรือของเพื่อนท่านที่ไปยุ่งกับหน้า Facebook ดังกล่าว ปรากฏบนหน้าแรกของท่าน เนื่องจากขณะโหลดหน้านั้น ระบบจะทำการเช็กว่าเชื่อมโยงไปยังหน้าไม่เหมาะสมหรือไม่ เพราะถ้ามีก็จะถูกระงับทั้งหมด
ส่วนการแก้ไขของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานต่างๆ ประสานความร่วมมือไปยังผู้ให้บริการต่างประเทศ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของสถาบันกษัตริย์ของเรา และเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศ ทำให้ผู้ให้บริการต่างๆ ลบหน้า Facebook ที่ไม่เหมาะสม ทำให้การดำเนินการมีประสิทธิภาพ กล่าวคือ ใน 1 Account ของ Facebook จะประกอบไปด้วย รูปต่างๆ อาจจะมีถึงหลักร้อย URL รวมกับหน้าต่างๆ ที่ไป Share หรือ Comment กัน ทำให้พิจารณาได่ว่า การดำเนินการ 1 Account ทำให้ URL ที่ไม่เหมาะสมหายไปนับพันนับร้อยรายการ ซึ่งถ้านักเล่น Facebook ตัวยงจะเข้าใจได้ดี และเป็นการหยุดยั้งการเผยแพร่ของผู้ที่หวังดีโดยไม่รู้ตัวด้วยอีกทางหนึ่ง
รม ว.ไอซีที กล่าวด้วยว่า ขอเรียนว่า การกด Share Like Comment อาจจจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยที่ท่านไม่รู้ตัว เนื่องจากเป็นการเผยแพร่ทางอ้อม จึงขอให้ประชาชนที่หวังดีทุกท่านปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงเพื่อปกป้อง สถาบัน และเจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการได้สะดวก การประสานงานต่างประเทศนั้นมีความยากลำบาก จึงขอให้ประชาชนเข้าใจถึงบทบาทของกระทรวงด้วยครับ ทั้งนี้ หากเจอเว็บไม่เหมาะสมขอให้แจ้ง 1212 และหยุดการเข้าไปดูหน้าเว็บดังกล่าวและไม่บอกต่อ เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้ตรวจสอบผู้กระทำความผิดได้อย่างรวดเร็ว
สำหรับ กรณีที่ น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่า น.อ.อนุดิษฐ์ ตั้งมือโพสต์เว็บหมิ่นฯ เป็นคณะทำงาน โดยตั้งเจ้าพนักงานคอมพิวเตอร์ไว้ในกระทรวงไอซีที คือ นายณัฐวุฒิ ด้วงนิล ซึ่งเป็นบุคคลที่สังคมออนไลน์รู้จักกันดี เป็นนักเคลื่อนไหว นปช.นั้น รมว.ไอซีที กล่าวว่า นายณัฐวุฒิเคยมาช่วยงานในคณะทำงานของกระทรวงไอซีทีจริง เหมือนคนอื่นๆ ทั่วไป แต่เมื่อกระทรวงไอซีทีเริ่มดำเนินงาน นายณัฐวุฒิก็ไม่ได้เข้ามาช่วยงานแล้ว การกระทำของ น.ส.มัลลิกา ที่ให้ข้อมูลบิดเบือนข้อเท็จจริง โดยไม่แน่ใจว่ามีเจตนาทำลายชื่อเสียงของกระทรวงหรือไม่นั้น ส่วนตัวยอมรับไม่ได้ การให้ข้อมูลควรยึดโยงอยู่บนเท็จจริง และข้อมูลที่ถูกต้องด้วย เพราะฉะนั้น การกระทำในครั้งนี้ที่พาดพิงและไม่ใช่ข้อเท็จจริง ส่วนตัวจะให้ทางฝ่ายกฎหมายพิจารณาดูข้อมูลว่าเข้าข่ายหมิ่นประมาทหรือไม่ ส่วนจะเริ่มดำเนินการเลยหรือไม่นั้น จะพิจารณาอีกครั้ง อย่างไรก็แล้วแต่ สิ่งที่สำคัญมากที่สุด คือ การยึดมั่นในความถูกต้อง กรณีนี้ที่กล่าวหาว่าละเว้นและไม่ปฏิบัติหน้าที่ หากเรื่องนี้เข้าข่าย ทางกฎหมายก็จะดำเนินการทันที นอกจากนี้ ยังฝากบอกไปทางพรรค ปชป. ให้ดูแลและควบคุมพฤติกรรมของคนในพรรคด้วย.
สำหรับความคิดผมเองนั้นผมได้แจ้งลบไปสิบครั้งแล้วแต่ไม่เห็มมีการดำเนินการเลย เคยมีนักปราชญ์ผู้หนึ่งกล่าวไว้ว่า
จะให้หัวหน้าโจรไปจับโจรได้อย่างไร (ในเมื่อคนทำก็คือลูกน้องตัวเอง)