ตร.เค้‰นเพิ่ม"สุพจน์" โสภณโต้ ไม่ˆใช่ˆเงินรถไฟฟ้า

อ้างสร้างละครกลบน้ำ-ยันบริสุทธิ์ "เหลิม"ย้ำโกง-อีก2อาทิตย์สะเทือน ผบช.น.บี้เจ้าของบ้านบอกยอดเงิน ขอค้น5จุดบ้าน"ประพันธ์"หา9ล้าน


"โสภณ ซารัมย์" เปิดแถลงยืนยันความบริสุทธิ์ โวยโดนลากไปโยงคดีปล้นบ้านปลัดคมนาคม ซัด"เหลิม"สร้างเรื่องหวังเป็นฮีโร่รอส้มหล่นตอนปรับครม. ขู่ฟ้องเรียกค่าเสียหาย อ้างคุยกับ "สุพจน์"แค่เรื่องงาน "เหลิม"ย้ำนักการเมืองที่เคยจนมาก่อนทุจริต ท้าฟ้องแต่ระวังเจอฟ้องกลับ ลั่นอีก 2-3 อาทิตย์สะเทือนแน่ สั่งตร.ไปลาวล่าตัว"ไอ้โก้"หัวโจกให้ได้ รมช.ชัจจ์สั่งสอบโครงการย้อนหลัง รฟท.เอาด้วยรื้อสอบประมูลรถไฟฟ้า ตร.ค้นล็อกเกอร์"ประพันธ์"ที่สนามบินหาเงิน 9 ล้านแต่ไม่พบ ฝากขัง"ประพันธ์"ศาลไม่ให้ประกัน

จากคดีอื้อฉาวสั่นสะเทือนวงการข้าราชการและการเมือง กรณีคนร้ายบุกปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ขนเงินจากห้องนอนไปหลายกระเป๋าและกระสอบ ซึ่งนาย สุพจน์ระบุว่าถูกปล้นไป 5 ล้านบาท โดยเป็นเงินสินสอดของลูกสาว ต่อมาตำรวจจับกุมและกดดันจนได้ตัวคนร้ายมาดำเนินคดี 8 คน พร้อมเงินของกลางกว่า 17 ล้านบาท ยังเหลือหลบหนีอีก 3 คน รวมทั้งนายวีระศักดิ์ หรือโก้ เชื่อลี หัวหน้าแก๊ง ซึ่งขณะนี้หลบหนีไปประเทศลาว จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การว่าปล้นเงินไปได้ 200 ล้านบาท

ทั้งนี้ ยิ่งสืบสวนสอบสวนเจ้าหน้าที่ก็ยิ่งพบความไม่ชอบมาพากลและความพิลึกพิลั่นของที่มาของเงิน จำนวนเงินที่แท้จริง รวมทั้งจุดประสงค์ของกลุ่มคนร้าย กระทั่งมีคำสั่งย้ายนาย สุพจน์มาช่วยราชการที่ทำเนียบรัฐบาล ขณะเดียวกันป.ป.ช., ปปง. เข้ามาร่วมตรวจสอบด้วย โดยตั้งประเด็นกับนายสุพจน์ 3 ข้อหาคือ ยื่นบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ, ร่ำรวยผิดปกติ และทุจริตต่อหน้าที่ ล่าสุดร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ตอบกระทู้ในสภา ระบุว่า การปล้นครั้งนี้เป็นการสั่งมาปล้น โดยเชื่อมโยงกับการทุจริตโครงการรถไฟฟ้าหลายสายสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

"โสภณ ซารัมย์"แถลงยันบริสุทธิ์

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 พ.ย. ที่รัฐสภา นายโสภณ ซารัมย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย อดีตรมว. คมนาคม แถลงว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกระทู้ถามสดกรณีปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ที่มีการพาดพิงและตั้งข้อสังเกตถึงการทุจริตโครง การรถไฟฟ้าสีต่างๆ สมัยรัฐบาลที่แล้วนั้น เป็น การสร้างละครในสภาอันทรงเกียรติ และพยายามสร้างข้อมูลกลบประเด็นความพยายามผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และการแก้ปัญหาน้ำท่วม

อดีตรมว.คมนาคมกล่าวอีกว่า ขอยืนยันในความบริสุทธิ์ว่าระหว่างทำหน้าที่รมว.คมนาคม ไม่เคยเกี่ยวข้องกับการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีใดทั้งสิ้น โดย 1.รถไฟฟ้าสายสีม่วง ที่อ้างถึงนั้นเคยมีการอภิปรายในสภาแล้ว และตนได้ชี้แจงไปแล้ว อีกทั้งกรณีนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนของป.ป.ช. ส่วนที่โยงถึงการกู้เงินจากประเทศญี่ปุ่นเป็นเพราะมีอัตราดอกเบี้ยที่ 3.5% ต่อปี เป็นดอกเบี้ยที่ถูก ไม่ใช่ไม่มีดอกเบี้ยตามที่ถูกกล่าวหา ขณะที่การยกเลิกสัญญานั้นยกเลิกเฉพาะการวางราง ถือเป็นสัญญาที่ 5 เพราะผู้ดำเนินการขาดคุณสมบัติ

ซัด"เหลิม"ละเว้นปฏิบัติหน้าที่

อดีตรมว.คมนาคมกล่าวต่อว่า 2.รถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-ตลิ่งชัน ขอชี้แจงว่าไม่เกี่ยวข้องกับตน เพราะลงนามตั้งแต่สมัยรัฐบาลคมช. และจัดสรรกรอบวงเงินถมทราย ซึ่งสำนักงบประ มาณเป็นผู้อนุมัติ ไม่เกี่ยวกับรมต. ขณะที่ในส่วนบางซื่อ-รังสิต ยังไม่ลงนาม เรื่องนี้ตนไม่ได้บอกว่ามีใครผิดถูก แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องร้อนรนฟันธงไปก่อนขนาดนี้ ทั้งที่ควรปล่อยให้ตำรวจพิสูจน์ตามพยานหลักฐาน อีกทั้งร.ต.อ.เฉลิมก็เป็นรองนายกฯ กำกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่กลับไม่ดำเนินการร้องทุกกล่าวโทษทั้งที่อ้างว่ามีหลักฐานต่างๆ ทั้งเรื่องทุจริต หรือฮั้วประมูล ดังนั้น ร.ต.อ.เฉลิมอาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

อดีตรมว.คมนาคมกล่าวว่า ติดตามข้อมูลมาตลอด รู้ว่ามีความพยายามโยงเรื่องเข้าสู่ยุครัฐบาลที่ผ่านมา ตนพร้อมตอบทุกข้อสงสัย ก่อนหน้านี้ที่เงียบไม่ได้กลัว แต่ไม่อยากให้สังคมสับสน เพราะพูดกันไปมาก็เหมือนโต้ตอบ ยืนยันว่าตั้งแต่รับหน้าที่รมต.ไม่เคยข้องเกี่ยวกับผู้รับเหมา และยืนยันกับข้าราชการในกระทรวงตั้งแต่วันแรกแล้วว่า ขอให้ช่วยทำงาน อย่าให้ต้องอายคน ซึ่งในการประชุมครม.ไม่เคยนำข้าราชการเข้าไปช่วยชี้แจง เนื่องจากต้องการเข้าใจเรื่องและงานของกระทรวงทั้งหมดด้วยตนเอง

อยากเป็นฮีโร่ปรับครม.-ขู่ฟ้อง

"การฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายนั้น ผมยังไม่ประเมินว่าจะเรียกเท่าใด แต่เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้จากการฟ้องร้องจะมอบให้มูลนิธิพิการ ทางสมอง การเคลื่อนไหวของร.ต.อ.เฉลิม ครั้งนี้เพื่อต้องการสร้างตัวเองเป็นฮีโร่เพื่อหวัง ส้มหล่นหากปรับครม.ในเร็วๆ นี้" นายโสภณกล่าว

คุย"สุพจน์"แค่เรื่องงาน

นายโสภณกล่าวภายหลังแถลงข่าวอีกว่า หลังจากเกิดเรื่อง โทร.ไปถามนายสุพจน์ว่าเป็นอย่างไร เนื่องจากเป็นงานแต่งของลูกสาวนายสุพจน์พอดี แต่หลังจากนั้นเรื่องราวหนักขึ้นๆ ก็โทร.ไปให้กำลังใจ ก็แค่นั้น นอกจากนั้นไม่มี เรื่องงานไม่เคยโทร.แม้แต่ครั้งเดียว คุยเรื่องงานกันครั้งสุดท้ายแค่บอกว่าให้นายสุพจน์ต้องปรับตัว ทำงานกับรมต.ใหม่ให้ได้แค่นั้น ส่วนตนไม่เดือดร้อนอะไร ฝากทิ้งท้ายไว้ในวันที่ออกจากตำแหน่งเท่านั้น หลังจากนั้นไม่เคยคุยเรื่องงานกันเลย ส่วนการแถลงก็แถลงเองไม่มีใครสั่งว่าต้องพูดอะไร พูดในนามของตนเอง ไม่มีสคริปต์ ใดๆ เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร

ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจากนี้จะมีการพาดพิงสมาชิกพรรคภูมิใจไทยออกมาอีกเรื่อยๆ หรือไม่ นายโสภณกล่าวว่า จะพาดพิงอย่างไรก็ได้ เพราะตั้งแต่เป็นรมต.คิดอยู่เสมอว่ายอมเป็นก็เย็นได้ ประชาธิปัตย์มาถามว่าทำไมไม่โต้ตอบ ก็ยังยืนยันคำเดิม แต่ครั้งล่าสุดนี้เย็นไม่ได้ เพราะถ้ายอมก็เท่ากับยอมรับในสิ่งที่นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทยกล่าวหา ต้องปกป้องศักดิ์ศรีเพราะถ้าพูดเรื่องทุจริตคนเชื่อไปแล้ว ทั้งที่ยังไม่มีการพิสูจน์ใดๆ

"เหลิม"ย้ำนักการเมืองที่เคยจนทุจริต

ต่อมาร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ภายหลังนายโสภณแถลงข่าวว่า เรื่องที่ตนอภิปรายในสภา ชี้แจงนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ว่า มีการปล้นทรัพย์จากบ้านนายสุพจน์ ปลัดกระทรวงคมนาคม ผู้เสียหายระบุว่า ทรัพย์ที่ปล้นไปมีเพียง 5 ล้านบาท แต่ตำรวจจับคนร้ายได้ 7 คน มอบตัวอีก 1 คน และยึดของกลางได้แล้ว 17.8 ล้านบาท ทางการสืบสวนมีข้อมูลเชิงลึกว่าสั่งให้ปล้น และมีผลประโยชน์ขัดแย้งกัน

ในฐานะที่เป็นตำรวจเก่าพูดชัดเจนว่าไม่ได้เอารายละเอียดจากสำนวนการสอบสวน ตนเป็นคนบอกตำรวจเองทันทีที่รายงานมา เพราะเป็นบ้านข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ตนกำกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีหน้าที่ดูแลการทำงานของตำรวจให้ตรงไปตรงมา ตนบอกตำรวจว่าเรื่องนี้คนที่รู้ต้องเป็นคนใน 1.คนขับรถ 2.คนแบกเงินเข้าบ้าน 3.คนใช้ในบ้าน เรื่องนี้ต้องเป็นกระบวนการ ไม่ใช่บังเอิญไปปล้น ตำรวจก็สอบต่อไป เริ่มแรกเจ้าทรัพย์ไม่อยากให้เป็นข่าว จึงแจ้งต่อนายตำรวจคนหนึ่งยศพล.ต.ต. แต่กลับไม่รู้ถึงความรู้สึกลึกๆ ของเจ้าทรัพย์คิดอย่างไร ก็วิทยุแจ้ง 191 กองปราบปราม หน่วยสืบกองบังคับการ ตำรวจ เลยยกขบวนมาจับคนร้าย แต่ได้หลักฐานเพียงกล้องวงจรปิดที่คนร้ายหยิบกระเป๋าไป 1 ใบ

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวต่อว่า แต่มีผู้หวังดีที่เห็นตนเอาจริงเอาจัง จึงนำหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดส่วนอื่นที่ตำรวจไม่มีมามอบให้ อย่างที่เห็นก็นำไปชี้แจงต่อสภา ส่วนเงินก้อนนี้มาจากไหน แหล่งข่าวตนเชื่อได้ว่ามาจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง สีแดง สีเหลือง และอื่นๆ โดยเฉพาะสิ่งสำคัญคือ โครงการสายสีเขียว มีนักการเมืองทุจริตกลุ่มหนึ่ง และนักการเมืองกลุ่มนี้ยากจนในอดีตมาทั้งนั้น เหตุที่เกิดก็เพราะคนเหล่านี้มีความเชื่อว่า มีการรับเงินจากโครงการรถไฟสายสีเขียวแล้ว ก็เกิดความขัดแย้งด้านผลประโยชน์เลยโกรธ ส่วนเป็นใครนั้น ไม่ขอบอก ไม่ได้กลัวถูกฟ้อง แต่อยากให้ติดตาม

ถามกลับแล้วรมต.รวยเท่าไหร่

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวอีกว่า จากนั้นจึงมีเกิดการสั่งปล้น ตนไม่ได้แสดงละคร แต่เป็นเรื่องของนักการเมืองกลุ่มหนึ่งที่เลว ทุจริตคอร์รัปชั่น คดีประทุษร้ายต่อชีวิตและร่างกายเรียกว่าสืบจากศพ คดีนี้ตนบอกตำรวจให้สืบจากเงินแต่ละก้อนว่ามาจากไหน บางส่วนเบิกมาจากจ.อุดรธานี วิธีการเบิกมีช่องทางอื่นมากกว่าการเบิกทีละล้าน ซึ่งตำรวจบางทีไม่รู้กลไกนักการเมือง จึงแนะนำไปแล้ว

"สองบริษัทแถบๆ นั้น ประมูลอะไรก็ได้หมด และนักการเมืองบางคนร่ำรวยจนไปซื้อบ้านที่อังกฤษ จนเขาจะตั้งฉายาว่าหมู่บ้านคนไทยแล้ว ผมจะขออุปมาอุปไมยว่า ถ้าวันหนึ่งปลัดกระ ทรวงมีเท่านี้ ผมไม่ได้บอกว่าปลัดกระทรวงไหน แล้วรัฐมนตรีจะมีเท่าไหร่ จะมีจำนวนเงินมากหรือน้อย ผมไม่ได้กลบเกลื่อนการจัดซื้อถุงยังชีพ เพราะไม่ได้ถูกยื่นญัตติไม่ไว้วางใจด้วย และผมจะเป็นนักสร้างเรื่องได้อย่างไร ผมเป็นคนตรงไปตรงมา และเป็นคนอภิปรายเรื่องรถไฟฟ้าสีม่วง และหากหลังน้ำลดจะมาฉายหนังซ้ำ" ร.ต.อ. เฉลิมกล่าว

ลั่นอีก2-3อาทิตย์สะเทือนแน่

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า รถไฟสายสีม่วง บางซื่อ-บางใหญ่ ตั้งงบประมาณไว้หลายส่วน เดิมจะกู้เงินภายในประเทศ ทำให้ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ประมาณ 2,000 กว่าล้านบาท จึงหันไปกู้ไจก้า เงิน 2,000 กว่าล้านบาท ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และนำเงินนั้นมาให้บริษัทรับเหมาก่อสร้าง จะไม่รวยได้อย่างไร อีกไม่เกิน 2-3 อาทิตย์นี้ รับรองสะเทือน ทั้งนี้ ตนไม่จำเป็นต้องเล่นละคร เพราะอายุเยอะแล้ว หากเป็นสมัยอายุ 25 ปีก็ว่าไปอย่าง เพราะรูปหล่อ

ผู้สื่อข่าวถามว่านายโสภณ ซารัมย์ ปฏิเสธว่าไม่มีการทุจริตโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ที่พูดเป็นโครงการสาย สีเขียว และไม่ใช่นักการเมืองของรัฐบาลนี้ ตนเกรงใจ เดี๋ยวจะหาว่ากลั่นแกล้ง นำตำรวจไปค้นบ้านที่อาจจะพบเงินได้อีกนับพันล้านบาท 3-4 บ้าน ตอนนี้ส่งตำรวจแอบเฝ้าสังเกตการณ์ เห็นว่ามีการขนย้ายโดยใช้รถเป็นสิบๆ คันต่อวันกันแล้ว แต่ที่ไม่ทำ เพราะเขาไม่มีส่วนในคดีปล้น ถ้าตนไม่กลัวสื่อด่าว่า เกเร บ้าอำนาจ เชื่อว่าถ้าเข้าไปค้นต้องเจอเงิน เรื่องนี้ตนจึงยังไม่ทำเพราะยึดคดีปล้นเป็นหลัก อีกทั้งข้อมูลขัดแย้งผลประโยชน์ที่ได้ เป็นเพียงข้อมูลจากแหล่งสืบสวน จึงยังไม่ถือว่าเป็นคดี

ท้าฟ้องแต่ระวังเจอฟ้องกลับ

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวต่อว่า ส่วนที่พรรคภูมิใจมองว่ากำลังใช้อำนาจแทรกแซงการทำงานของตำรวจ และเปลี่ยนสำนวนคดีปล้นทรัพย์นั้น ตนทำตามอำนาจของกฎหมาย เพราะเป็นรองนายกฯ ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สิ่งที่ทำเป็นไปตามกรอบกฎหมาย ถือเป็นหน้าที่ ไม่ใช่แทรกแซง ปลัดคมนาคมจะออกมาชี้แจงก็ทำได้ ไม่มีใครห้าม และหากจะยื่นฟ้องร้องก็เชิญ แต่จะฟ้องข้อหาอะไร ในการอภิปรายสภาก็ไม่ได้เอ่ยชื่อนายโสภณสักคำ หากจะฟ้องก็เชิญ แต่ระวังหากฟ้องเท็จ จะโดนฟ้องกลับ

เมื่อถามว่าคดีปล้นทรัพย์ดังกล่าวจะสาวถึงผู้อยู่เบื้องหลังหรือไม่ รองนายกฯกล่าวว่า หากจับนายโก้ ที่เป็นหัวหน้ากลุ่ม และเป็นผู้ที่สั่งให้มาปล้นได้ จะมีความชัดเจน อย่างไรก็ตามประเด็นต่างๆ เหล่านี้มีคนบอกตนชัดเจนมาก ถึงขนาดว่าวันที่ถูกปล้นมีคนไปปรารภกับใครบ้าง งานนี้ตนจะขุดรากถอนโคนบุคคลที่ทำผิดให้หมด

สั่งตร.ไปลาวล่าตัว"ไอ้โก้"

ต่อข้อถามว่านายโก้ติดต่อขอมอบตัวแล้วหรือยัง รองนายกฯกล่าวว่า ยังไม่ได้ติดต่อมา แต่ขณะนี้สั่งให้ตำรวจภูธรภาค 4 เดินทางไปประเทศลาวแล้ว หลังจากนี้หากตนรู้อะไรมาก็จะบอกตำรวจ อย่างไรก็ตาม อาชญากรรมที่สมบูรณ์มักทิ้งร่องรอยและหลักฐานไว้ อยู่ที่ตำรวจว่าจะมีความเชี่ยวชาญหรือไม่ เรื่องนี้ในทางพฤตินัยรู้แล้วว่าโยงถึงนักการเมือง เขาถึงเต้นเป็นเจ้าเข้า และกระทรวงคมนาคมถือเป็นกระทรวงทองฝังเพชร คนขี้โกงจะหาเงินได้เยอะ

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า "อย่าไปบอกใครนะว่า ผมรู้จักนายโสภณมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2531 ตอนนั้นผมเป็นรมต.สำนักนายกฯ ส่วน นายโสภณเป็นครูประชาบาลอยู่อ.ลำปลายมาศ แต่วันนี้กลับจะมาฟ้องผม ผมเอ่ยชื่อสักคำหรือยัง ถ้าเจอหน้าจะหยิกแก้มสักที"

"ชัจจ์"สั่งสอบโครงการย้อนหลัง

ด้านพล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.คมนาคม กล่าวว่า ในฐานะที่กำกับดูแลกรมทางหลวงชนบท ได้สั่งการตรวจสอบโครงการย้อนหลังอย่างละเอียดว่าดำเนินการโปร่งใสและมีเรื่องสินบนมาเกี่ยวข้องกับใครหรือไม่ อย่างไร ที่ผ่านมาพยายามติดต่อนายสุพจน์เพื่อพูดคุยสอบถาม แต่นายสุพจน์ไม่รับสาย

ส่วนที่มีข่าวว่านายสุพจน์จะลาออกจากประ ธานคณะกรรมการการรถไฟ วันที่ 30 พ.ย.นี้นั้น รมช.คมนาคมกล่าวว่า ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรอวันที่ 30 พ.ย.

รฟม.รื้อสอบประมูลรถไฟฟ้า

ขณะที่นายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ อธิบดีกรมเจ้าท่า ในฐานะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน (รฟม.) ปฏิบัติหน้าที่ประธานที่ประชุมกรรมการรฟม.แทนนายสุพจน์ เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการว่า ที่ประชุมมีมติให้คณะอนุกรรมการด้านกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ ซึ่งมีนาย อรรถพล ใหญ่สว่าง กรรมการ เป็นประธาน ตรวจสอบข้อเท็จจริงผลการประกวดราคาโครง การก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางซื่อ -บางใหญ่ สัญญาที่ 6 งานระบบราง มูลค่า 3,663 ล้านบาท

ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการด้านกฎหมายฯ จะพิจารณาทุกประเด็น ทั้งกรณีความเห็นแตกต่างของคะแนนด้านเทคนิคเกี่ยวกับบุคลากรของบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น หรือไจก้า เห็นว่าบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวลอปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ผ่านรายเดียว ขณะที่คณะกรรมการประกวดราคา ซึ่งมีนายชัยสิทธิ์ คุรุรัตน์ รองผู้ว่าการ รฟม. เป็นประธาน เห็นว่า บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท อิตาเลียนไทยฯ ผ่านทั้งคู่ รวมทั้งพิจารณาความเหมาะสมในการสอบสวนทางวินัยกับบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือไม่ด้วย

"เท่าที่ได้รับรายงานคือ ไจก้าใช้หลักเกณฑ์การให้คะแนนด้านบุคลากรแบบเต็มกับศูนย์ ขณะที่กรรมการประกวดราคาให้คะแนนตามสัดส่วน ซึ่งคณะอนุกรรมการด้านกฎหมายฯ จะต้องพิจารณาข้อเท็จจริงว่าเงื่อนไขที่ตกลงร่วมกันเป็นแบบใด" นายถวัลย์รัฐกล่าว และว่า สำหรับขั้นตอนการประกวดราคาต่อไปนั้น ที่ประชุมให้ดำเนินการต่อไป ส่วนจะเปิดซองราคาได้หรือไม่นั้น เป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารรฟม.พิจารณา

"สุพจน์"เตรียมเปิดแถลง

รายงานข่าวจากคนใกล้ชิดนายสุพจน์ระบุว่า ขณะนี้นายสุพจน์เก็บตัวเงียบเพื่อเตรียมข้อมูลชี้แจงป.ป.ช. และเข้าให้การกับตำรวจ ส่วนคำสั่งโยกย้ายไปช่วยราชการประจำสำนักนายกฯนั้นยังไม่เห็นคำสั่ง อย่างไรก็ตาม เร็วๆ นี้นาย สุพจน์อาจเปิดแถลงข่าวชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนข่าวความขัดแย้งระหว่างนางนฤมล หรือตุ๋ย ทรัพย์ล้อม ภรรยานายสุพจน์ กับนางชุติมา หรือติ๋ม จันทร์ผ่อง อดีตเลขานุการทำหน้าที่หน้าห้องของนายสุพจน์นั้น ไม่เป็นความจริง เพราะนางนฤมลกับนางชุติมาเป็นเพื่อนสนิทกันมานาน และนางนฤมลเลือกนางชุติมามาทำหน้าที่หน้าห้องสามีด้วยตัวเอง

ผบช.น.เตรียมสอบเพิ่ม"สุพจน์"

ด้านพล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. กล่าวว่า การปล้นทรัพย์ครั้งนี้มีผู้ร่วมก่อเหตุหลายราย แต่ยังไม่มีพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปยังผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องนอกเหนือจากนายวีระศักดิ์ หรือนายโก้ เชื่อลี ผู้ต้องหาคนสำคัญที่หลบหนีไปลาว ส่วนหลักฐานกระเป๋าขนเงินที่ร.ต.อ.เฉลิมนำมาอภิปรายในสภานั้น เบื้องต้นเป็นข้อมูลที่ตรงกับแนวทางการสืบสวนของตำรวจ ทั้งนี้ เตรียมเรียกนายสุพจน์มาให้ปากคำเพิ่มเติมเนื่องจากคำให้การครั้งแรกเรื่องจำนวนเงินไม่ตรงกับของกลางที่ตรวจยึดมาได้ ซึ่งต้องพิจารณาถึงเจตนาว่าเข้าข่ายให้การเท็จหรือไม่ คาดว่าสัปดาห์หน้าจะเรียกนายสุพจน์มาให้ปากคำ

"สำหรับการติดตามตัวนายวีระศักดิ์ได้ประ สานตำรวจประเทศลาวช่วยติดตามตัวมาดำเนินคดีแล้ว หลังจากรองนายกฯแสดงความเป็นห่วงว่าอาจถูกฆ่าตัดตอน" ผบช.น.กล่าว

เผยปม"เจ๊ติ๋ม"ขัดแย้ง"เจ๊ตุ๋ย"

รายงานข่าวจากชุดคลี่คลายคดีเปิดเผยว่า การสืบสวนสอบสวนจนถึงขณะนี้ยังเชื่อว่าเป็นเรื่องต้องการทรัพย์สินเท่านั้น ส่วนความขัดแย้งของ"เจ๊ตุ๋ย"ภรรยานายสุพจน์กับ"เจ๊ติ๋ม"นางชุติมา จันทร์ผ่อง อดีตเลขานุการส่วนตัวของนายสุพจน์ มารดานายชยธัช หรือเอก จันนะชัย หนึ่งในผู้ต้องหาที่เข้ามอบตัวก่อนหน้านี้ จากข้อมูลพบว่าเจ๊ตุ๋ยกับเจ๊ติ๋มเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยทำงานอยู่กรมทางหลวง และเจ๊ตุ๋ยเป็นคนเลือกเจ๊ติ๋มมาเป็นเลขานุการส่วนตัวทำหน้าที่หน้าห้องของสามี กระทั่งนายสุพจน์ได้เป็นปลัดกระทรวงคมนาคมทั้งคู่มีปัญหาไม่เข้าใจกัน เจ๊ตุ๋ยจึงลาออกโดยเออร์ลี่รีไทร์ ส่วนตัวละครชื่อ"แนท" ที่ร.ต.อ.เฉลิมอภิปรายในสภานั้น ตามแนวทางการสืบสวนสอบสวนยังไม่พบว่าเกี่ยวข้องหรือเป็นตัวละครเพิ่มเติมในคดี

เมื่อเวลา 11.00 น. พ.ต.ท.วิวัฒน์ อัศวะวิบูลย์ สว.สส.สน.วังทองหลาง นำกำลังเข้าตรวจสอบตู้ล็อกเกอร์ของนายประพันธ์ เรียงเครือ ที่บริษัท ไทยอินเตอร์การบินไทย สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อค้นหาเงินของกลาง 9 ล้านบาท ตามที่นายบุญสืบ หรือสืบ โจมกัน อ้างว่านำเงินที่ได้จากส่วนแบ่งการปล้นไปฝากให้ช่วยเก็บไว้ ผลการตรวจค้นไม่พบเงินดังกล่าว

ค้น 5 จุดบ้านประพันธ์หา 9 ล.

พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. เผยว่า ตำรวจนำหมายศาลเข้าค้นบ้านพักและบ้านญาตินายประพันธ์ เรืองเครือ ผู้ต้องหาคนล่าสุดที่เข้ามอบตัว ทั้งหมด 5 จุด ในพื้นที่อ.ลำลูกกา คลองสาม จ.ปทุมธานี จ.พระนครศรีอยุธยา ที่เชื่อว่าผู้ต้องหาอาจนำเงินสด 9 ล้านบาทไปซุกซ่อนไว้ เนื่องจากไม่ปักใจเชื่อคำให้การปฏิเสธ เพราะมีหลักฐานเชื่อว่าผู้ต้องหามีส่วนรู้เห็นและเกี่ยวข้องกับการปล้นครั้งนี้ แต่จากการตรวจค้นยังไม่พบเงินดังกล่าว

ฝากขัง"ประพันธ์"-วืดประกัน

วันเดียวกันเวลา 14.00 น. ที่ศาลอาญา พนักงานสอบสวนสน.วังทองหลาง นำตัวนายประพันธ์ เรียงเครือ อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาคนล่าสุดที่เข้ามอบตัวกับตำรวจ ยื่นฝากขังต่อศาลครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย. ถึง 6 ธ.ค. เนื่องจากสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบพยานอีก 8 ปาก รอผลการตรวจประวัติ รอผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง และคัดค้านการประกันตัว ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขัง และไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว
 

26 พ.ย. 54 เวลา 10:48 1,030 1 10
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...