ทฤษฎีสัมพัทธภาพ

ลองฟังดูกันนะครับอาจเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย ผมว่านี่เป็นทฤษฎีที่อธิบายทางศาสนาพุทธได้อย่างเป็นไปในแนวทางเดียวกันเลย นะครับ ถ้าไอสไตน์ยังมีชิวิตอยู่และได้ศึกษาศาสนาพุทธเราคงได้รู้ความลับของจักวาล มากขึ้นมากกว่านี้แน่ๆเลยครับ
ในลิงค์ที่ผมลงไม่ใช่ทฤษฎีสัมพัทภาพทั้งหมดนะครับในช่วงหลังๆผู้บรรยายได้ ใส่แนวคิดว่าที่ทฤษฎีสัมพัทภาพมีความสอดคล้องกับพุทธศาสนาลงไปด้วยนะครับ
มีข้อความที่ไอน์สไตน์เคยพูดว่า

“ศาสนาในอนาคต จะต้องเป็นศาสนาสากล ศาสนานั้นควรอยู่เหนือพระเจ้าที่มีตัวตน และควรจะเว้นคำสอนแบบสิทธันต์ (คือเป็นแบบสำเร็จรูปที่ให้เชื่อตามเพียงอย่างเดียว) และแบบเทววิทยา(คือพึ่งเทวดาเป็นหลักใหญ่) ศาสนานั้น เมื่อครอบคลุมทั้งธรรมชาติและจิตใจ จึงควรมีรากฐานอยู่บนสามัญสำนึกทางศาสนา ที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ต่อสิ่งทั้งปวง คือ ทั้งธรรมชาติและจิตใจอย่างเป็นหน่วยรวมที่มีความหมาย พระพุทธศาสนาตอบข้อกำหนดนี้ได้....ถ้าจะมีศาสนาใดที่รับมือได้กับความต้อง การทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ปัจจุ บัน ศาสนานั้นก็ควรเป็นพระพุทธศาสนา”

“The religion of the future will be a cosmic religion. It should transcend a personal God and avoid dogmas and theology. Covering both the natural and the spiritual, it should be based on a religious sense arising from the experience of all things, natural and spiritual, as a meaningful unity. Buddhism answers this description. If there is any religion that would cope with modern scientific needs, it would be Buddhism.”

(May 19th, 1939, Albert Einstein’s speech on “Science and Religion” in Princeton, New Jersey, U.S.A.)”
ความอลม่านทางฟิสิกส์ทำให้จักรวาลเกิดขึ้นมา

Credit: ทฤษฎีสัมพัทธภาพhttp://youtu.be/ePJ2bDCOuLM
23 พ.ย. 54 เวลา 08:29 6,792 5 40
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...