เหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นกะตัว ขึ้นอยู่กะท่านผู้อ่านนะว่าจะเชื่อหรือไม่
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในไม่กี่วันที่ผ่านมาของผู้เขียน ฉันเองทำงานอยู่ในบริษัทแห่งหนึ่งในอยุธยา แถวอำเภอวังน้อย และก็น้ำก็ไม่ท่วม เนื่องจากเราชาวพนักงานร่วมแรงร่วมใจกันทำให้สามารถฝ่าพ้นวิกฤตินี้ไปได้ แต่อนาจใจกะตัวเองเหลือเกินนะพี่น้อง ระหว่างที่น้ำขึ้นเราได้ทำหน้าที่พนักงานที่รักบริษัทโดยที่ไม่ห่วงทรัพย์สินทางบ้าน หรือแม้แต่ชีวิตของตัวเอง ทุ่มเทกะงานเต็มที่แล้วรู้ไหมเกิดอะไรขึ้น พอน้ำลดบริษัทรอด เรียกเราพร้อมบอกข้อกล่าวหา ฉ้อโกง ยักยอกเงินบริษัท โดยที่เราก็ไม่รู้ว่าเป็นเงินจำนวนเท่าไร มีคำพูดในวันที่เรียกเราไปสอบสวนว่า ถ้าคุณไม่รับข้อกล่าวหานี้ คืนนี้คุณนอนในคุกแน่ แล้วค่อยไปต่อสู้คดีกันในศาล คิดดูสิแค่เงินเดือนเรา
ทำงานมา 10 ปี เริ่มต้นที่ 4,500.00 บาท จนป่านนี้ 10 ปีผ่านมา รับเงิน 13,000.00 ถ้วน แค่เงินจ้างออกเป็นจำนวน 10 เดือน ยังไม่คิดจะให้ ยังมีหน้ามาบอกว่าถ้าคุณรับทุกข้อกล่าวหาวันนี้คุณไม่ติดคุกและคุณก็จบกับบริษัท ฉันยอมรับค่ะว่าฉันเป็นคนไม่ฉลาด เงินแค่ 130,000.00 ถ้าต้องเป็นคดีความ และต้องเสียเวลาทำงานไปขึ้นศาลพร้อมข้อกล่าวหา ส่วนที่เหลือคงไม่คุ้ม สุดท้ายฉันยอมเขียนใบลาออก หลังจากนั้น เจ้าของกิจการคนนี้(เป็นเศรษฐีร้อยล้าน มีหน้ามีตาในสังคม) บอกฉันว่า ผมอโหสิกรรมให้คุณเนื่องจากฉันจำต้องยอมรับทุกข้อกล่าวหา แล้วฉันถามกลับไปว่าเงินที่ฉันออกไปก่อนคุณจะคืนให้ฉันไหม เงินแค่ 4,000 บาท เขาบอกว่าทางบริษัทขอคิดก่อนว่าฉันต้องเป็นหนี้บริษัทเท่าไร แล้วดิฉันต้องหาเงินมาคืนให้บริษัทแห่งนี้ด้วย
ที่เขียนมานี้ไม่ใช่อยากให้ใครมาเดือดร้อนด้วย เพียงแต่อยากบอกกับสังคมในประเทศไทยว่า ยังมีระบบรีดเงินคนจนไม่มีทางสู้แบบนี้อยู่อีก ไม่ให้แถมยังต้องเป็นหนี้ด้วย รบกวนช่วยส่งสกู๊ปนี้ให้ทุกคนได้อ่านด้วยค่ะ