ปลุกสํานึกความเชื่อวิถีไทย เรากินข้าวหม้อเดืยวกัน สร้างพลังใจ กาย ฝ่าวิกฤติ

ปลุกสำนึกความเชื่อวิถีไทย'เรากินข้าวหม้อเดียวกัน' สร้างพลังใจ-กาย...ฝ่าวิกฤติ!

วันจันทร์ ที่ 21 พฤศจิกายน 2554 เวลา 0:00 น

 

 

 

 

เนื้อหาข่าว รูปภาพ

 

นับเนื่องจากอดีตกาล สังคมไทยสามารถก้าวผ่านวิกฤติภัยธรรมชาติมาได้มากมายหลายต่อหลายครั้งทั้ง ฝนแล้ง น้ำท่วม มหันตภัยสึนามิ ฯลฯ ซึ่งสิ่งที่ปกปักรักษาให้เราอยู่รอดปลอดภัยจนถึงทุกวันนี้ ก็ด้วยเพราะความโชคดีที่เรามี “ทุนอันยิ่งใหญ่” นั่นคือ ภูมิปัญญาและทรัพยากร ตลอดจนน้ำใจ และความเห็นอกเห็นใจ ที่ร้อยรัดคนไทยให้เชื่อมโยงเป็นกลุ่มก้อน เป็นพี่น้อง ครอบครัว ชุมชน ขณะเดียวกันความเชื่อที่ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ความอ่อนน้อมถ่อมตน โดยไม่อหังการว่าเป็นนายเหนือธรรมชาติ ก็ทำให้เกิดความเชื่อและพิธีกรรมที่มีคุณค่าและแฝงไว้ด้วยนัยแห่งความหมาย ส่งผลให้ประเทศไทย และคนไทยรอดพ้นจากวิกฤติอันตรายและอยู่ร่มเย็นเป็นสุขตลอดมา

วิถีไทยสมัยก่อน เป็นสังคมเกษตร กรรมต้องพึ่งพาตนเอง และพึ่งพิงธรรมชาติ คนไทยจึงเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข เห็นได้จากประเพณีที่สนุกสนานอย่าง “ลงแขกเกี่ยวข้าว” ของชาวนาที่ชาวบ้านต่างพร้อมใจกันมาช่วยทำงาน และเจ้าบ้านก็ตอบแทนด้วยการเลี้ยงข้าวปลาอาหารอิ่มหนำสำราญ หรือหากใครคิดจะปลูกบ้าน ชาวบ้านก็พร้อมช่วยอย่างเต็มใจ

ความสัมพันธ์เหล่านี้ได้สั่งสมหล่อหลอมให้คนไทยเกิดความสามัคคี ความมีน้ำใจและความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ นอกจากนี้ยังให้ความเคารพธรรมชาติ ที่แสดงออกถึงความกตัญญูต่อสิ่งที่มีบุญคุณกับมนุษย์ อันได้แก่ พระแม่ธรณี พระแม่คงคา พระแม่โพสพ ทำให้เกิดพิธีกรรมและประเพณีต่าง ๆ ที่มีคุณค่ามากมาย อาทิ ประเพณีลอยกระทง เพื่อ ขอขมาพระแม่คงคา ที่ทำให้มีน้ำใช้อาบ ใช้ดื่ม ใช้กินตลอดปี พิธีทำขวัญข้าว เพื่อขอบคุณและแสดงความกตัญญูกตเวทีแก่พระแม่โพสพที่ให้ความอุดมสมบูรณ์แก่ผืนนา เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนสะท้อนให้เห็นถึง ความเชื่อในจิตวิญญาณของธรรมชาติและการให้ความสำคัญต่อผืนแผ่นดิน ข้าว และน้ำเป็นที่สุด

จวบจนปัจจุบัน สังคมไทยได้แปรเปลี่ยนไป ชีวิตประจำวันของผู้คนอยู่กับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากขึ้น ประเพณีและความเชื่อต่าง ๆ เริ่มเลือนหาย เมื่อมนุษย์คิดว่าสามารถเอาชนะธรรมชาติได้ จึงรบกวนธรรมชาติมากขึ้น และทำลายล้างไม่หยุดหย่อน เห็นแก่ตัวโดยไม่คำนึงถึงความพอดีและผลกระทบที่จะตามมา อุทกภัยครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้น จึงเป็นสัญญาณเตือน ที่ตอกย้ำความเชื่อของคนกลุ่มหนึ่งว่าเป็นเพราะการไม่ดูแลธรรมชาติ และละเลยประเพณี ความเชื่อต่าง ๆ ที่บรรพบุรุษสร้างไว้อย่าง
น่าเสียดาย

ดังนั้น หากมีโอกาสที่เราจะได้ขอขมาลาโทษ หรือสร้างจิตสำนึกที่ดีให้กลับมารำลึกถึงบุญคุณของธรรมชาติที่ใกล้ชิดกับวิถีชีวิตของคนไทย จึงเป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนตลอดจนหน่วยงาน องค์กรต่าง ๆ ควรคำนึงถึงและปฏิบัติ เรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติอย่างยั่งยืน ดังที่ เซเว่น อีเลฟเว่น เล็งเห็นถึงทุนทางสังคมที่มีอยู่โดยไม่ห่างหายไปไหน น้ำใจและความเห็นอกเห็นใจยังแผ่ขยายออกไปในวงกว้างเพื่อช่วยเหลือพี่น้องคนไทยที่เดือดร้อนในยามนี้ นับเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงองค์กรเอกชนที่มีความทันสมัยแต่กลับสนับสนุนคติความเชื่อแบบไทย ๆ เซเว่น อีเลฟเว่น ร้านอิ่มสะดวกของคนไทย ได้ริเริ่มโครงการสำคัญ “ชุมชนกับเซเว่นฯ เรากินข้าวหม้อเดียวกัน” เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีขวัญกำลังใจที่ดี ตลอดจนสร้างค่านิยมให้สังคมเกิดความรักสามัคคีและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เสมือนหนึ่งเป็นครอบครัวเดียวกัน

สุวิทย์ กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านเซเว่น อีเลฟเว่น กล่าวว่า จากเหตุการณ์วิกฤติอุทกภัยครั้งใหญ่ที่ครอบคลุมพื้นที่หลายจังหวัด ได้สร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินและสุขภาพของพี่น้องประชาชนอย่างมาก ซีพี ออลล์ เล็งเห็นถึงความยากลำบากเรื่องปากท้อง เพราะเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่ต้องช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน จึงนำโครงการ “ชุมชนกับเซเว่นฯ เรากินข้าวหม้อเดียวกัน” มอบข้าวสวยพร้อมรับประทาน โดย นำร่อง 7 ชุมชนหลังน้ำลดในเขตพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ เป็นแห่งแรก เพื่อแจกจ่ายข้าวสวยพร้อมน้ำดื่มฟรีในช่วงเวลา 10.00–12.00 น. ตลอดทั้ง 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 3-9 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากคนในชุมชนต่าง ๆ และวางแผนจะขยายไปยังเขตพื้นที่น้ำลดในจังหวัดอื่น ๆ เนื่องจากข้าวจะเป็นที่ต้องการอย่างสูงในอนาคต เพราะพื้นที่ไร่นาถูกน้ำท่วมเป็นจำนวนมาก

“ขณะนี้ประชาชนเริ่มวางแผนฟื้นฟูบ้านเรือนที่เสียหาย เพราะภาวะน้ำท่วมขังในบางพื้นที่ลดระดับลงแล้วอย่างต่อเนื่อง เราจึงแจกจ่ายข้าวสวยหม้อนี้ เพื่อสื่อไปถึงการเป็น “ครอบครัวเดียวกัน” วิถีไทยที่เคยมีมาในอดีต บ้านใกล้เรือนเคียงที่ต้องพึ่งพาอาศัยกัน แบ่งปันกันและกินข้าวหม้อเดียวกัน ในยามนี้ จึงต้องการสะท้อนให้ทุกคนรักใคร่สามัคคี มีน้ำใจช่วยเหลือซึ่งกันและกัน “ข้าวสวย” เป็นอาหารหลักของคนไทย และผูกพันกับวัฒนธรรมไทยมายาวนาน ไม่ว่าในยามที่บ้านเมืองเกิดภัยธรรมชาติหรือภาวะสงคราม ทุกคนย่อมอยากกินข้าวเพราะทำให้อิ่มท้องนานและมีแรงต่อสู้ เพื่อเพิ่มพลังกาย พลังใจ และพลังชีวิต ก่อนที่จะไปทำงานและซ่อมแซมบ้านเรือนอีกครั้ง”

สุวิทย์ ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า ในเมื่อเราต่างเป็นครอบครัวเดียวกันและกินข้าวหม้อเดียวกันแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องสามัคคีเพื่อร่วมแรงร่วมใจฝ่าฟันวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน หากที่ผ่านมา เราอาจหลงลืมบุญคุณแผ่นดินอันหมายถึงพระแม่ธรณีที่ให้เราได้อาศัยอยู่ ลืมบุญคุณของข้าวคือพระแม่โพสพที่ให้ข้าวเรากิน และบุญคุณของน้ำคือ พระแม่คงคาที่หล่อเลี้ยงชีวิตเราไปบ้าง แต่ยังไม่สายเกินไปที่จะกลับไปสืบสานพิธีกรรมและความเชื่อเหล่านี้ให้คงอยู่ เพื่ออนุรักษ์ไว้ให้ลูกหลานได้เห็นเป็นตัวอย่างในวันหน้า รวมทั้งให้ความสำคัญกับธรรมชาติ เพื่อที่จะเรียนรู้และอยู่ร่วมกัน

“ข้าวสวยหม้อนี้ จึงเป็นกระจกสะท้อนความสัมพันธ์ระหว่าง ธรรมชาติ ความเชื่อ วัฒนธรรม ที่มีความหมายและมีความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับคนไทย คืนสู่รากเหง้าที่เราควรรักษาและหวงแหนไว้ และหากเมื่อใดที่เราทำลายธรรมชาติ ทั้งโดยเจตนาและไม่เจตนา เมื่อนั้นธรรมชาติที่เสียสมดุล ก็จะย้อนกลับมาทำลายเราในที่สุด”.

ทีมวาไรตี้

 
Credit: เดลินิวส์
#วาไรตี้
THEPOco
ผู้กำกับภาพ
สมาชิก VIP
22 พ.ย. 54 เวลา 06:01 1,470 1 30
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...