แม้ว่าสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่จะเริ่มคลี่คลายมากขึ้นแล้ว แต่ทางด้านอาสาสมัครและมูลนิธิต่าง ๆ ก็ยังคงเดินหน้าให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่องอย่างไม่รู้จัก เหน็ดเหนื่อย ด้วยเห็นแก่ความทุกข์ยากของประชาชนผู้ประสบภัยซึ่งบ้านเรือนเสียหาย และขาดแคลนอาหารอีกเป็นจำนวนมาก
และหนึ่งในศูนย์พักพิงช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่สำคัญ นั่นคือ สมาคมสหพันธ์การกุศลเต็กก่า แห่งประเทศไทย หรือ เต็กจ้ง ที่ นายเสลา จากห้องไร้สังกัด เว็บไซต์พันทิป ได้แวะเวียนเข้าไป พร้อมกับนำภาพสวย ๆ และเรื่องราวดี ๆ มาถ่ายทอดความประทับใจให้เราได้รับรู้
วันนี้เรามาติดตามดูกิจกรรมการบรรเทาทุกข์ ภัยพิบัติน้ำท่วมขององค์กรกุศลอีกแห่งหนึ่ง อันมีชื่อว่า "สมาคมสหพันธ์การกุศลเต็กก่า แห่งประเทศไทย" เรียก ง่าย ๆ ติดปากว่า เต็กจ้ง ย่านบางกรวย ซึ่งสมาคมที่ว่านี้ เป็นองค์กรใหญ่ เป็นศูนย์กลางของบรรดากลุ่ม "เต็กก่า" อันมีสมาชิกกลุ่มเต็กก่าในประเทศกว่าเจ็ดสิบแห่ง
ระหว่างการเดินทาง ก็พบกับรถของทหาร ซึ่งก็ยังคงคอยดูแลและอำนวยความสะดวกให้บริการประชาชนผู้เดือดร้อน ขอบพระคุณจริง ๆ
เมื่อมาถึงบางกรวยแล้ว...ทีมงานกู้ภัยของทาง "เต็กจ้ง" ได้จัดเรือมารอรับไปยังศูนย์พักพิง
ในที่สุดก็มาถึง "สมาคมสหพันธ์การกุศลเต็กก่า แห่งประเทศไทย"
โดยสมาคมแห่งนี้ เป็นศูนย์พักพิงของผู้ประสบอุทกภัย สังกัด ศปภ.เช่นกัน ซึ่งมีก็ข้าวของ อาหารแห้งบริจาคมากมาย รวมทั้งน้ำดื่มจากมาเลเซียเป็นจำนวนมหาศาลเลยทีเดียว
หลังจากที่ทางสมาคมและคณะกรรมการเริ่มแจกข้าวของกันไป ส่วนด้านนอก ทหารจากโรงพยาบาลค่ายประจักษ์ศิลปาคม ก็มาช่วยดูแล รักษาคนเจ็บไข้ให้ฟรี
ที่นี่เอง...นายเสลา ได้พบกับ สองชีวิตที่เคยใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างยากลำบาก แต่พวกเขากลับมีเรื่องราวพิเศษที่เจือไปด้วยรอยยิ้มและความสุขอย่างไม่น่า เชื่อ
ภาพของหญิงชราคนหนึ่งกำลังนั่งพัดวี พูดคุย และเล่นอยู่กับหลานชายพิการ ชื่อ "น้องโป๊งเหน่ง" ทำให้สายตาของผู้คนที่เห็นต้องสะดุดมอง
เมื่อ เข้าไปสอบถามใกล้ ๆ ก็ได้ความว่า คุณยายและน้องโป๊งเหน่งอาศัยอยู่ด้วยกันสองคน ที่บ้านริมคลองใกล้ ๆ ประตูระบายน้ำ โดยน้องโป๊งเหน่งปีนี้อายุ 32 แล้ว แต่ป่วยเป็นโรคพิการแต่กำเนิด ทำให้ยังดูเหมือนเด็ก ๆ ขณะที่ แม่ของน้องเสียชีวิตไปแล้ว ส่วนพ่อก็หนีไปมีภรรยาใหม่ ทิ้งให้คุณยายวัย 78 ปีรับภาระเลี้ยงดู โดยมีน้าคอยส่งเสียเลี้ยงดู แต่ทว่า...เมื่อน้ำท่วมบ้านสองยายหลานจนไม่สามารถอาศัยอยู่ได้อีกต่อไป พวกเขาจึงต้องอพยพมาอยู่ที่ศูนย์พักพิงแห่งนี้ ซึ่งคุณยายก็ยังคงดูแลหลานชายไม่ห่าง
จากน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ ทำให้คุณยายต้องอาศัยอยู่ที่ศูนย์พักพิงมาเกือบเดือนแล้ว แต่คุณยายก็ยังยิ้มแย้มแจ่มใส และเล่าให้ฟังด้วยความภูมิใจ ว่า แม้ว่าวันนี้คุณยายกับหลานจะย้ายมาอาศัยอยู่ที่ศูนย์พักพิงแห่งนี้เป็นเดือน แล้วก็ตาม และไม่ได้นำทรัพย์สินเงินทองอะไรติดตัวมาเลย แต่คุณยายก็ได้นำสิ่งของชิ้นหนึ่งติดตัวมาด้วย...
และสิ่งของที่คุณยายรักที่สุดนั้นก็คือ "ถุงพระราชทานของในหลวง" ที่ คุณยายเคยได้รับเมื่อปีก่อน ๆ ซึ่งวันที่คุณยายรู้ว่าต้องอพยพออกจากบ้าน คุณยายตั้งใจหยิบของสิ่งนี้ พร้อมบรรจุของใช้ใส่มาในถุงและนำติดตัวมาด้วย
ถึงแม้ว่าถุงพระราชทานนี้ คุณยายจะได้รับมานานแล้ว แต่คุณยายก็ยังคงเก็บไว้ไม่ห่างกาย ด้วยความรู้สึกปลาบปลื้มและประทับใจในน้ำพระทัยของในหลวงที่ยังคงเป็นห่วง พสกนิกรอย่างไม่รู้ลืม…
เชื่อว่าไม่ใช่แค่คุณยายและน้องโป๊งเหน่งที่เกิดความรู้สึกประทับใจกับ เรื่องนี้ แต่สำหรับคนไทยทุกคนที่ได้รับรู้เรื่องราวอันน่าอิ่มอกอิ่มใจเช่นนี้ ก็คงอดที่จะปลาบปลื้มไปกับสองยายหลานคู่นี้ไปด้วยไม่ได้
ใครที่มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมเยียนที่สมาคมสหพันธ์การกุศลเต็กก่า แห่งประเทศไทย หรือ เต็กจ้ง ก็อย่าลืมแวะเข้าไปให้กำลังใจคุณยายและน้องโป๊งเหน่ง สองยายหลานที่กำลังต่อสู้กับชีวิตด้วยนะคะ
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก นายเสลา