เมืองลอยน้ำ

ลิลี่แพดเมืองลอยน้ำ 
คอลัมน์ Technology 
เรื่อง Nobit 



สมใจคนชอบ 
Experimental Design สำหรับนวัตกรรมการออกแบบเมืองลอยน้ำ " ลิลี่แพด" ( Lilypad 
City) บ้านใหม่แห่งอนาคตที่สามารถแก้ไขปัญหาได้จริง 
ในการช่วยเหลือคนทั้งโลกที่ต้องการลี้ภัยน้ำท่วมอันเกิดจากวิกฤติโลกร้อน 
ที่กำลังคุกคามอย่างรุกคืบ จากความคิดอันเฉียบคมของ วินเซนต์ คาเลโบต์ 
สถาปนิกคนเก่งจากเบลเยียม 

การออกแบบเมืองนี้ 
คาเลโบต์ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรูปทรงของใบบัวขนาดใหญ่ อะมาโซเนีย วิคตอเรีย เรเจีย 
ลิลี่แพด ที่มีลักษณะเป็นใบกว้างลอยอยู่เหนือน้ำคอยรองรับน้ำฝนและฟอกน้ำให้สะอาด 
โดยคาเลโบต์ได้ออกแบบให้เมืองนี้ เข้าออกด้วยท่าจอดเรือที่มีอยู่ 3 ทาง และมีภูเขา 3 
ลูก 
เพื่อให้ผู้คนที่อยู่บนเมืองลอยน้ำแห่งนี้ได้เพลิดเพลินกับการเปลี่ยน วิวทิวทัศน์ 
ไม่ซ้ำซากจำเจ 

สำหรับสภาวะแวดล้อมของเมืองนั้น 
วินเซนต์ได้ออกแบบให้ทั้งเมืองปกคลุมไปด้วยต้นไม้ที่ปลูกอยู่ด้านบน 
โดยมีเป้าหมายของการสร้างอยู่ที่การสร้างความกลมกลืนในการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์และธรรมชาติ 


ลิลี่แพดจะเป็นเมืองที่เข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ดี 
มีลักษณะเป็นเมืองสะเทินน้ำสะเทินบกที่ไม่จำเป็นต้องมีรถหรือมีถนนใดๆ 
สามารถแก้ไขปัญหาระยะยาวของระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้น 
ทั้งยังช่วยเหลือผู้คนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์น้ำท่วม 
อย่างรุนแรงได้เป็นอย่างดี โดยจะลอยตัวอยู่ในทะเลบริเวณผิวดินเดิมที่ถูกน้ำท่วมมิด 
กล่าวคือเป็นเมืองที่ลอยอยู่ทั่วโลกเหมือนเรือยักษ์ 
หรือลอยไปตามกระแสน้ำไหลของมหาสมุทรทั่วโลก 




ที่สำคัญคือพลังงานที่ใช้ในเมืองจะมาจากแหล่งพลังงานที่สามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่ 
รวมถึงการใช้พลังงานจากธรรมชาติอย่างพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานความร้อน พลังงานลม 
พลังงานน้ำ และพลังงานคลื่น 
โดยพลังงานที่ได้ทั้งหมดจะมากเกินความจำเป็นที่คนทั้งเมืองต้องการใช้ 
แถมยังไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งหมด 
ขณะที่ขยะก็จะถูกนำไปรีไซเคิล 

แน่นอนว่าความคิดอันน่าชื่นชมของวินเซนต์สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศด้านการออกแบบเมืองแห่งอนาคตมาครอง 
ได้เป็นผลสำเร็จ 
ทั้งยังเป็นแนวทางการแก้ปัญหาที่สอดรับกับการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญที่ว่า 
น้ำแข็งจะละลายเพราะโลกร้อน ทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นถึง 88 เซนติเมตร (เกือบ 3 
ฟุต) ภายในปี 2643 และจะเกิดภัยคุกคามต่อพื้นที่ขนาดใหญ่บริเวณชายฝั่ง รวมทั้งเมืองใหญ่ๆ
ของโลก เช่น กรุงลอนดอนในอังกฤษ นครนิวยอร์กในสหรัฐฯ และกรุงโตเกียวในญี่ปุ่น 








โดยเฉพาะเมืองที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลไม่เกิน 50 เซนติเมตร และเกาะน้อยใหญ่ในมหาสมุทรแปซิฟิก เช่น เกาะตูวาลู 
เกาะคิริบาติ หรือเกาะมัลดีฟส์ ซึ่งหากน้ำทะเลสูงขึ้นเพียง 50 เซนติเมตร พื้นที่ของเกาะก็จะถูกคลื่นทะเลซัดกร่อน หรือจมอยู่ใต้น้ำ 
หรือแม้บางเกาะจะอยู่เหนือทะเลได้ 
แต่ประชากรในพื้นที่คงต้องเผชิญกับปัญหาน้ำดื่มขาดแคลนกันน่าดู 
เพราะน้ำทะเลรุกล้ำเข้ามายังแหล่งน้ำจืด 
อันเป็นคลื่นกระทบต่อชีวิตผู้คนหลายสิบล้านคนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่ชายฝั่งในเอเชียใต้ 
เช่น ปากีสถาน อินเดีย ศรีลังกา บังกลาเทศ พม่า รวมทั้งประเทศไทยด้วย 

นับเป็นแนวคิดที่ล้ำสมัยที่เมืองไทยน่าจะมีผู้นำมาปรับใช้บ้าง 
เนื่องจากมีผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า อีกประมาณ 30 ปี 
น้ำจะท่วมกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง 
งานนี้เห็นทีผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองคงต้องพักรบ สงบใจ 
หันหน้าปรองดองกันเพื่อทุกชีวิตในประเทศไทยบ้างแล้ว 




#เมืองลอยน้ำ
aaa210930
นักแสดงรับเชิญ
16 พ.ย. 54 เวลา 08:39 6,918 7 130
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...