กองปราบจับ ''แฮกเกอร์'' ล้วงข้อมูลเอไอเอส แก้ไขวงเงินบัตรเติมเงิน สูญรายได้ 50 ล้าน เผยเคยเจาะข้อมูลทรูมาแล้ว สร้างความเสียหายกว่า 105 ล้านบาท
ใน วันนี้ พ.ต.อ.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.วรายุทธ สุขวัฒน์ ผกก.1 บก.ป. และพ.ต.ท.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผกก.1 บก.ป. ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายทวีทรัพย์ หรือ ภูมิพัฒน์ หรือโอ๋ ลลิตศศิวิมล อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 111/132 หมู่ 6 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม. ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1410/2550 ลงวันที่ 2 พ.ค. ในข้อหาปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม โดยเจาะระบบคอมพิวเตอร์บริษัท แอดวานซ์อินโฟร์เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส หนึ่งในบริษัทผู้ให้บริการเครือข่าย โทรศัพท์เคลื่อนที่ยักษ์ใหญ่ของประเทศไทย
โดยเข้าไปแก้ไข และเพิ่มเติมข้อมูลต่างๆในบัตรเติมเงินแล้วนำไปขายให้กับุคคลทั่ว ไปผ่านทางอินเตอร์เน็ต พร้อมของกลาง 17 รายการ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค 2 เครื่อง ฮาร์ดดิส โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง บัตรเอทีเอ็ม บัตรวีซ่า แอร์การ์ด สมุดเงินฝากธนาคาร ซิมการ์ดต่างๆ หนังสือเรื่องปล้นเหยียบเมฆ เป็นต้น โดยจับกุมได้ที่ห้องพักเลขที่ 2918 ชั้น 9 อาคารวงศ์เจริญแมนชั่น หรือ แกรนด์แมนดาริน ซ.ลาดพร้าว 130 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม.
ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อประมาณกลางเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา กองปราบปรามได้รับการร้องเรียนจากบริษัทแอดวานซ์อินโฟร์เซอร์วิส หรือ เอไอเอส ว่า ทางบริษัทน่าจะถูกนักเจาะระบบ (แฮกเกอร์) โจรกรรมรหัสผ่านเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัทเพื่อเข้าไปทำการ สร้างข้อมูลเกี่ยวกับบัตรเติมเงินมูลค่าต่างๆขึ้นมาใหม่
เนื่อง จากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่ารหัสสินค้าประเภทบัตรเติมเงินเป็นจำนวนมาก ไม่ได้ลงทะเบียนในสารระบบ และมีมูลค่าการใช้ในวงเงินที่มีมูลค่าสูงขึ้นกว่ามูลค่าเงินเดิมที่ ได้ลงทะเบียนไว้ในระบบ ตัวอย่างเช่น เดิมบริษัทบันทึกในระบบว่ามีบัตรเติมเงินราคา 100 บาท จำนวน 10 0 ใบก็จะถูกคนร้ายเข้าไปแก้ไขเพิ่มเติมเข้าไปอีก 20 ใบ โดยชุดบัตรเติมเงินที่เพิ่มเข้าไปนั้นก็จะถูกคนร้ายแก้ไขเพิ่มวง เงินการใช้จากเดิม 100 บาท เป็น 1,000 บาทด้วย ซึ่งบริษัทได้ตรวจสอบพบข้อมูลบัตรเติมเงินที่ผิดปกติย้อนหลังไปถึง 3 เดือน มูลค่าความเสียหายประมาณ 50 ล้านบาท
ต่อมา พ.ต.อ.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ รอง ผบก.ป. รักษาการ ผบก.ป. ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.โกวิทย์ พ.ต.อ.วรายุทธ จัดชุดสืบสวน กก.1 บก.ป. นำโดย พ.ต.ท.วิวัฒน์ สืบหาเบาะแสคนร้ายรายนี้ ซึ่งจากการตรวจสอบระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัทเจ้าหน้าที่พบเบาะแสการใช้ ระบบอินเตอร์เน็ตของคนร้ายจึงตรวจสอบย้อนกลับไปยังต้นตอเครื่อง คอมพิวเตอร์ที่คนร้ายใช้ แต่ปรากฎว่าคนร้ายได้หลอกล่อให้เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นการใช้ คอมพิวเตอร์จากร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่หลายแห่ง ทำให้เจ้าหน้าที่เชื่อว่าคนร้ายรายนี้ต้องมีความเชี่ยวชาญด้าน คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตเป็นอย่างมากจึงเริ่มสืบค้นประวัติ อาชญากรคอมพิวเตอร์หลายๆรายที่เคยถูกจับกุม
ประกอบกับการใช้ วิธีการสืบสวนทางเทคโนโลยีต่างๆเข้ามาร่วมตรวจสอบจนได้ข้อมูลที่เชื่อม โยงกันว่าเป็นฝีมือของนายทวีทรัพย์ อดีตผู้ต้องหาเจาะระบบบริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ออเร้นจ์ ด้วยวิธีการเดียวกันคือเข้าไปแก้ไขวงเงินในบัตรเติมเงินของบริษัท จึงรวบรวมหลักฐานประสานให้พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อไปขออนุมัติหมายจับและหมายค้นห้องพักจากศาล
พ. ต.อ.โกวิท เปิดเผยว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ กระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหาก็เป็นสิทธิของเขา แต่จากการตรวจสอบประวัติพบว่าผู้ต้องหารายนี้ไม่ได้จบการศึกษาทาง ด้านคอมพิวเตอร์แต่มีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างมากแต่ละครั้งใช้เวลาใน การเจาะระบบไม่เกิน 10 นาทีก็สามารถเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ได้ ทั้งนี้หากบริษัทเอกชนรายใดคิดว่าถูกผู้ต้องหารายนี้สร้างความเสีย หายก็สามารถเข้าให้ข้อมูลทางลับกับทางเจ้าหน้าที่เพื่อขยายผลการสอบ สวนต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากเปรียบเทียบพฤติกรรมการก่อเหตุในคดีเจาะระบบบริษัททรูฯกับคดีนี้ นั้นจะพบว่าผู้ต้องหารายนี้มีการพัฒนากลวิธีในการเจาะระบบและแก้ ไขข้อมูลที่มีระดับความซับซ้อนและแยบยลมากยิ่งขึ้น โดยสามารถหลอกล่อให้เจ้าหน้าที่เข้าใจผิดคิดว่าเป็นการใช้ อินเตอร์เน็ตจากร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ในการกระทำผิด
ส่วน ข้อมูลบัตรเติมเงินที่ถูกแก้ไขแล้วนั้นนายทวีทรัพย์จะนำไปลงประกาศ ผ่านทางอินเตอร์เน็ต โดยเฉพาะการโฆษณาแบบ “ป๊อปอัพแอด” ทางหน้าเว็บไซต์ต่างๆ ประกาศขายบัตรเติมเงินในราคา 100 บาท สามารถโทรได้ 1,000 บาท หากเป็นบัตรราคา 1,000 บาทก็จะสามารถโทรได้ในมูลค่า 10,000 เป็นต้น ผู้ที่สนใจก็จะโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารที่เปิดไว้
เมื่อได้ เงินแล้วก็จะส่งข้อมูลรหัสผ่านมาให้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ตรวจสอบบัญชีธนาคารต่างๆอีกครั้งว่ามีการ แอบอ้างชื่อบุคคลอื่นหรือมีการกระทำผิดเรื่องเอกสารการขอเปิดบัญชีหรือ ไม่ ส่วนลูกค้าที่ซื้อบริการจากนายทวีทรัพย์นั้นน่าจะมีด้วยกัน 2 ส่วน คือ ลูกค้าทั่วไปที่ทราบข่าวจากโฆษณาและบอกกันปากต่อปาก อีกส่วนหนึ่งเป็นกลุ่มผู้แทนจำหน่ายบัตรเติมเงินที่ไปตั้งโต๊ะขาย ตามที่ต่างๆทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
สำหรับนายทวี ทรัพย์ ผู้ต้องหารายนี้ จบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง หลังจบการศึกษาก็ไม่ได้มีอาชีพใดเป็นหลักแหล่ง แต่ด้วยความสนใจคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตจึงศึกษาด้วยตัวเองจน มีความชำนาญถึงขั้นสามารถเจาะระบบบริษัท ทรูฯ มาแล้วเมื่อปี 2548 โดยลักลอบเข้าไปแก้ไขเพิ่มเติมมูลค่าบัตรเติมเงินยี่ห้อออเร้นจ์ สร้างความเสียหายกว่า 105 ล้านบาท แต่ต่อมานายทวีทรัพย์พร้อมพวกถูกชุดเฉพาะกิจสำนักงานตำรวจแห่งชาติติดตาม จับกุมตัวมาได้ โดยพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนส่งฟ้องอัยการไปแล้วแต่ผู้ต้องหาราย นี้ได้รับการประกันตัวในชั้นอัยการระหว่างรอการพิจารณา
จาก คดีเจาะระบบบริษัททรูฯนั้นทำให้นายทวีทรัพย์เป็นที่รู้จักไปทั่ว โลกในฐานะ “แฮกเกอร์มือหนึ่งของไทย” เนื่องจากมีนักเขียนชาวต่างชาตินำคดีดังกล่าวไปเขียนเป็นกรณีศึกษาใน หนังสือชื่อ “ปล้นเหยียบเมฆ” โดยจัดอันดับคดีของนายทวีทรัพย์เป็นอันดับที่ 3 นอกจากนี้ยังมีการกล่าวอ้างด้วยว่านายทวีทรัพย์นั้นเคยทดลองวิชา ด้วยการเจาะระบบธนาคารพาณิชย์หลายแห่ง และเคยทดลองเจาะระบบองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา หรือ องค์การนาซ่ามาแล้วแต่ยังไม่มีการยืนยันว่านายทวีทรัพย์สามารถเจาะ ระบบได้หรือไม่