ทำไมโอ่งราชบุรีต้องมีลายมังกร

 

  โอ่งราชบุรีทำไมต้องเขียนลายมังกร

    คนจีนซึ่งเคยทำเครื่องปั้นดินเผามาก่อนจากเมืองจีน  ได้มาริเริ่มทำโอ่ง อ่าง ไห ขาย   จีนรุ่นบุกเบิกชื่อ  นายจือเหม็ง  แซ่อึ้งและพรรคพวก  ได้รวบรวมทุนได้  3,000  บาท  ตั้งโรงงานเถ้าเซ่งหลีขึ้น  เป็นครั้งแรกในปี  พ.ศ.  2476  เป็นโรงงานขนาดเล็กบริเวณสนามบินอยู่ตรงข้ามโรงเรียนอนุบาลราชบุรีเดี๋ยวนี้    แหล่งดินสีแดงที่ราชบุรีก็ค่อนข้างจะมีคุณภาพเหมือนที่เมืองจีน  ดังนั้น  จากเดิมเราใช้โอ่งอ่างไหจากเมืองจีน  ผู้ริเริ่มก็ทำอ่าง  ไห  กระปุก  และโอ่งบ้างเล็กน้อย  ให้ชาวมอญราชบุรีใส่เรือไปเร่ขาย การทำโอ่งได้ริเริ่มอย่างจริงจังก่อนสมัยสงครามโลกครั้งที่  2  ดินขาวที่ใช้แต่งลวดลายเดิมได้มาจากเมืองจีน ต่อมาได้หาทดแทนจากดินที่ท่าใหม่จันทบุรี  และสุราษฏร์ธานี    เมื่อกิจการรุ่งเรืองขึ้น  โรงงานจึงขยายกิจการและผลิตโอ่งเพิ่มมากขึ้น หุ้นส่วนหลายคนแยกตัวไปตั้งโรงงานเอง  โดยเฉพาะในจังหวัดราชบุรี ปัจจุบันมีโรงงานผลิตโอ่งอยู่ถึง  42  แห่ง  และเป็นโรงงานผลิตเครื่องเคลือบรูปแบบต่าง ๆ  ออกไปอีก  17  แห่งตามจังหวัดอื่น ๆ ที่แยกไปจากนี้  คือ  ที่อำเภอ หาดใหญ่  จังหวัดสงขลา  จังหวัดชลบุรีและในกรุงเทพมหานครบริเวณ     สามเสน  เป็นต้น เจ้าของโรงงาน  ช่างปั้น  และประชาชนส่วนใหญ่ของจังหวัดราชบุรี  เมื่อครึ่งศตวรรษมาแล้วล้วนเป็นลูกหลานจีน  ดังนั้นช่างปั้นจึงได้คิดคัดเลือกลวดลายที่เป็นมงคล  และมี ความหมายที่ดี  เพื่อให้เกิดความรู้สุกที่ดีต่อผู้ใช้  นอกเหนือจากความงามเพียงอย่างเดียว  ที่สุดก็ได้เลือกสรรลวดลายมังกร  ซึ่งแฝงและฝังไว้ด้วยความหมายตามความเชื่อ คตินิยมในวัฒนธรรมจีน ลวดลายมังกรดั้นเมฆ  มังกรคาบแก้ว  และมังกรสองตัวเกี่ยวพันกัน  ล้วนเป็นสัตว์สำคัญในเทพนิยายของจีน  เป็นเทพแห่งพลัง  แห่งความดี  และแห่งชีวิต  ช่างปั้นเลือกเอา มังกรที่มี 3 เล็บหรือ 4 เล็บ   เป็นลวดลายตกแต่งโอ่ง  ช่างผู้ชำนาญปาดเนื้อดินด้วยหัวแม่มือเป็นรูปมังกร โดยไม่ต้องร่างแบบ  ขีดเป็นลายมังกรด้วยปลายซี่หวี  เป็นหนวด นิ้ว เล็บ ส่วนเกล็ดมังกรหยักด้วยแผ่นสังกะสีแล้วเน้นลูกตาให้เด่นออกมา   มารู้จักมังกรซิครับ

พญานาค                

เป็นชื่อที่คนไทยเรียก

มังกร                     เป็นชื่อที่คนจีน ญี่ปุ่น เกาหลีและญวนใช้เรียก       จึงผิดกันเฉพาะรูปร่างหน้าตาและชื่อที่เรียกเท่านั้น ไทยเราไม่เรียก แล้ง เล่ง หรือ หลง ตามภาษาจีน แต่เรียกมังกร  มาจากบาลีสันสกฤตว่า มกร หรืออย่างไร   ก็ไม่ทราบ ว่าถึงรูปร่างมกรก็เป็นอีกแบบหนึ่งไม่เหมือนรูปเล่งของจีน  ในหนังสือตำราพิชัยสงคราม สมัยรัชกาลที่ 2 มีการจัดขบวนทัพข้ามน้ำเรียกว่า  มังกรพยุหะ ก็เขียนรูปมังกรคล้าย พญานาค เพียงแต่เพิ่มเขาและเท้าเข้าไปเท่านั้น  บางตัวก็มีเกล็ด  บางตัวก็มีลายแบบงู  ความจริงรูปร่างมังกรแบบจีน  คนไทยก็คงเคยเห็นมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาแล้วใน สมัยรัตนโกสินทร์ก็ใช้เป็นลายประดับตามประตู  และสลักบนแผ่นหินหลายแห่งรูปมังกรของจีนคงจะได้แพร่หลายไปตามภาชนะพวกถ้วยชามโอ่งไห  ดังได้พบบนลายโอ่ง สมัยราชวงศ์ถังที่พบในแม่น้ำลำคลอง ความจริงแล้วเรื่องของมังกร  พญานาค  งู  ปลา  จระเข้  มีเรื่องพัวพันกันชอบกลเรื่องของจีนที่เกิดสมัยที่นับถือพระพุทธศาสนาแล้ว  ไทยแปลคำว่า  เล้ง  เล่ง  หลง  เป็น พญานาคหมด  ทำให้คนไทยเข้าใจเรื่องดีขึ้น  และไทยก็เอารูปมังกรมาเขียนเป็นเป็นแบบไทย ๆ  คล้ายพญานาคดังกล่าวมาแล้ว         ในหนังสือประวัติวัฒนธรรมจีนได้กล่าวถึงกำเนิดมังกรไว้เป็นความว่า  มังกรเกิดขึ้นในสมัยอึ่งตี่หรือหวงตี้  ได้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นเครื่องหมายประจำชาติจีน  เพราะ สมัยโบราณมนุษย์นิยมใช้รูปสัตว์หรือดอกไม้เป็นเครื่องหมายประจำเผ่าของตน  ชาติจีนที่ได้รวมขึ้นเป็นชาติใหม่  จึงควรมีเครื่องหมายประจำชาติใหม่  กษัตริย์อึ่งตี่จึงนำ ส่วนต่าง ๆ  ของสัญลักษณ์ที่แต่ละเผ่าเคยใช้มารวมกัน  คือนำหัวของสัญลักษณ์ชนเผ่าวัว  ลำตัวของเผ่างู  เกล็ดหางของเผ่าปลา  เขาของเผ่ากวาง  และเท้าของเผ่านก  นำ ส่วนต่าง ๆ  เหล่านี้มาปรุงเป็นรูปสัตว์ชนิดใหม่ขึ้นเรียกว่า  เล้ง  หรือมังกร  มังกรมีเล็บไม่เท่ากัน  มังกรผู้ยิ่งใหญ่หรือระดับหัวหน้าจะมี 5 เล็บ  และรูปมังกรที่ฉลองพระองค์ของจักรพรรดิจะมีเล็บมากกว่ามังกรธรรมดา  คือ ธรรมดามีเพียง 4 เล็บ  รูปมังกรที่ฉลองพระองค์ก็จะมี 5 เล็บ  และใช้เป็นเครื่องหมายของราชวงศ์ที่มียศสูงสุดส่วนพวกเจ้าชั้นที่ 3 ที่ 4  หรือขุนนางใช้เป็นเครื่องหมายได้เพียงมังกรชนิดชนิด 4 เล็บเท่านั้น  ส่วนการประดับตกแต่งทั่ว ๆ  ไปก็จะใช้มังกรชนิด 3 เล็บเป็นพื้น  มังกรชนิด 5 เล็บนั้นกล่าวว่าเล็บที่ 5 ไม่ได้เรียงกันแบบธรรมดา เล็บที่ 5 จะวางอยู่ตรงกลางฝ่า เท้า มังกรของจีน  นอกจากจะมีเขาแบบกวางแล้ว  ตัวผู้ยังมีหนวดมีเคราอีกด้วย  ตั้งแต่รัชกาล  เถาจื่อ  แห่งราชวงศ์ถัง ได้เริ่มใช้มังกร 5 เล็บ เป็นสัญลักษณ์ของจักรพรรดิ   มังกรมี 3 ชนิด  แต่แบ่งหน้าที่เป็น 4 พวก            จีนได้แบ่งชนิดของมังกรออกเป็น 3 ชนิดด้วยกัน คือ

 หลง                              

เป็นพวกที่มีอำนาจมากที่สุด  มีนิสัยชอบอยู่บนฟ้า หลี                                 เป็นพวกที่ไม่มีเขา  อาศัยอยู่ในมหาสมุทร เจียว                              เป็นพวกมีเกล็ด  อยู่ตามลุ่มหนองหรือถ้ำในภูเขา            ที่รู้จักกันมากคือ  หลง  ซึ่งมีส่วนต่าง ๆ  ของสัตว์ 9 อย่างดังกล่าวมาแล้ว            มังกรของจีนมีหน้าที่แบ่งกันทำ  4  พวกด้วยกัน  คือ

มังกรสวรรค์                         

มีหน้าที่รักษาวิมานเทวดาและค้ำจุนวิมานไม่ให้พังลงมา                                                 

มังกรเทพหรือมังกรเจ้า       มีหน้าที่ให้ลมให้ฝนเพื่อประโยชน์ของมนุษย์   มังกรพิภพ                         มีหน้าที่กำหนดเส้นทางดูแลแม่น้ำลำธาร มังกรเฝ้าทรัพย์                  มีหน้าที่เฝ้าขุมทรัพย์ของแผ่นดิน

มีเรื่องน่าสังเกตว่า  หน้าที่ของมังกรไปตรงกับหน้าที่ของพญานาค  ซึ่งแบ่งออกเป็น   4  พวกเหมือนกัน

ไทยรู้จักมังกรมาตั้งแต่เมื่อไร        อย่างต่ำที่สุดก็ พ.ศ.2276  ในงานถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระเจ้าบรมโกศ  มีรูปมังกรประดับพระเมรุด้วย  แต่รูปร่างจะเป็นอย่างไรไม่ทราบ  มาเห็นรูป ร่างมังกรในตำราพิชัยสงครามสมัยรัชกาลที่ 2 กรุงรัตนโกสินทร์ก็เป็นแบบไทย ๆ  คือคล้ายพญานาค  แต่ไม่มีหงอนสูง  มีเขา 2 เขา  มีครีบ  มีตีน   ทำไมรูปมังกรจึงต้องมีลูกแก้วด้วย

      ตามตำนานกล่าวว่า  มังกรมีไข่มุกมีค่าเท่ากับทองร้อยแท่งอยู่ในปาก  เมื่อมังกรต่อสู้กันอยู่บนอากาศ  ไข่มุกก็ตกลงมาบนพื้นดิน  ต้นเรื่องของมังกรคาบแก้วหรือเล่น

แก้วจะมาจากเรื่องนี้หรือเปล่าไม่ทราบ  แต่ฟังตามเรื่องแล้วมังกรชอบเพชนนิลจินดามาก  ตามภาพเขียนของจีนถ้าเป็นรูปมังกร  2  ตัวหันหน้าเข้าหากัน  ก็จะเป็นรูปกลม ๆ  สี แดงอยู่ระหว่างมังกรทั้งสองนี้  บ้างก็ว่ารูปกลมแดงนั้นเป็นสัญลักษณ์แทนดวงอาทิตย์  ดวงจันทร์   ภูมิใจในคำขวัญ “เมืองโอ่งมังกร”             ด้วยพื้นฐานของช่างปั้นซึ่งเป็นลูกหลานของคนจีน  เนื้อดินเหนียวเป็นวัตถุดิบชนิดดี  ช่างติดลายได้นำความสามารถเชิงศิลปะสะท้อนภาพชีวิตตามวัฒนธรรมจีน  มา ผสมผสานกับเทคนิคการผลิตเป็นอุตสาหกรรม  อดีตจากท่าน้ำหน้าเมือง  โอ่งมังกรจะแพร่ไปทั่วตามแม่น้ำลำคลอง  ที่เรือขายโอ่งจะผ่านไปได้  จนปัจจุบันนี้  รถบรรทุกสิบล้อ จะขนไปขายทั่วประเทศอย่างเนื่อง  ไม่ว่าเหนือจรดใต้  จนเป็นที่รู้จักว่าราชบุรีคือเมืองโอ่งมังกร   เมื่องานกีฬาเยาวชนครั้งที่ 5 และงานมหกรรมของดีเมืองราชบุรี  ปี 2532  จังหวัดได้สร้างคำขวัญเพื่อเผยแพร่ให้รู้จักจังหวัดราชบุรี  ว่า  “คนสวยโพธาราม      คนงามบ้านโป่ง         เมืองโอ่งมังกร วัดขนอนหนังใหญ่    ตื่นใจถ้ำงาม           ตลาดน้ำดำเนิน  เพลินค้างคาวร้อยล้าน          ย่านยี่สกปลาดี”   ด้วยการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหรมมพื้นบ้านของสำนักงานอุสาหกรรมจังหวัดราชบุรีสามารถพัฒนาเป็นอุตสาหกรรมเซรามิกส์  เช่น  โรงงานเถ้าฮงไถ่ก็หันไปผลิตเครื่อง ปั้นดินเผ่าประเภทออกแบบลวดลาย  สวยงามตามความต้องการของลูกค้าผลิตภัณฑ์จากโรงงานนี้ได้   มาตรฐานสามารถส่งออกไปจำหน่าย   ต่างประเทศได้  กรมศิลปากรเคยมาว่าจ้างให้ผลิตเครื่องปั้นดินเผ่าที่มีคุณค่าเพื่อใช้ในงานฉลอง  200  ปี  กรุงเทพมหานคร  ถ้วยชามเบญจรงค์เลียนแบบของเก่าก็มีผลิตที่ โรงงานรัตนโกสินทร์นักท่องเที่ยวที่ผ่านมาถึงราชบุรีก็อดใจซื้อติดมือกลับไปไม่ได้  ส่วนโรงงานสยามราชเครื่องเคลือบก็พัฒนาการผลิตเป็นแจกัน  เลียนแบบเครื่องสังคโลก  แต่ก็ไม่เป็นที่นิยมนัก  บางโรงงานก็ก้าวไปไกลหันไปผลิตถ้วยชามและของชำร่วย  เช่น  โรงงานเซรามิกส์บ้านโป่ง  

ปัจจุบันบ้านเมืองเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว  ความก้าวหน้าทางเทคนิคและวิทยาการของอุตสาหกรรม  มีการประดิษฐ์วัตถุภัณฑ์ใหม่ ๆ  ขึ้นมาใช้แทนไหโอ่งมากขึ้นประกอบ

กับเริ่มมีปัญหาเรื่องปิดป่าหาฟืนยาก  จนถึงกับต้องตั้งเป็นสมาคมโรงงานสมาชิกต้องร่วมใจกันเสียสละปลูกป่าทดแทนในเขตสัมปทานโดยเฉพาะ  พร้อมกันนั้นต้องหันมาใช้ แก๊สช่วยในการเผาไหม้  นับเป็นผลกระทบต่อธุรกิจการค้าของโรงงาน อย่างไรก็ตาม  โอ่งลายมังกรเมืองราชบุรี  คงจะเป็นสินค้าออกของจังหวัดไปอีกนานทีเดียว  
15 พ.ย. 54 เวลา 15:21 2,097 10
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...