เวลาเป็นสิ่งเดียวในโลก ที่ทุกคนได้รับเสมอหน้ากัน
ไม่มีใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบกันเลย แม้แต่คนเดียว
แต่ใครจะใช้เวลาในแต่ละวินาที อย่างมีค่า และคุ้มค่ากว่ากัน
นี่แหละเป็นเรื่องที่น่าคิด..
(หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม)
------------------------------------------
กรรมจากการฆ่าลูก (ทำแท้ง)
ดิฉันเป็นคนจังหวัดขอนแก่น เติบโตมาจากครอบครัวชาวนาเรามีฐานะปานกลาง หลังจากที่เรียนจบมัธยมศึกษาตอนปลายดิฉันก็ได้เข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยราชภัฎแห่งหนึ่งในอิสานเหนือ ขออนุญาตไม่ระะบุุนามสถาบันนะคะ และดิฉันก็ได้พบรักกับแฟนเราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตั้งแต่เข้าเรียนตอนปี 1 และในระหว่างที่กำลังนั่งเรียนดิฉันรู้สึกวิงเวียนจนหน้าซีดจึงรีบวิ่งออกไปอาเจียนที่ห้องน้ำดิฉันรู้ในทันทีว่าเราท้องแน่นอนเพราะรอบเดือนไม่มาและช่วงนั้นเปนช่วงใกล้จะปิดเทอม ดิฉันจำได้ว่าขาดเรียนประมาณ 3 วันเพราะมีอาการแพ้ท้องมาก และอาจารย์ประจำวิชาแต่ละท่านก็ปิดคอร์สไปแล้วจึงไม่มีผลในการขาดเรียน
ส่วนแฟนดิฉันเมื่อรู้ว่าท้องเขาหายหน้าไปซักพัก ดิฉันรู้สึกไม่ดีมากเลย เกิดอาการเครียดจัด ทานข้าวไม่ได้บวกกับอาการแพ้ท้องที่ทวีคูณมากขึ้น จิตใจย่ำแย่ นึกถึงพ่อกับแม่มาก แต่ก็กลัวพ่อกับแม่อับอาย
หลายวันผ่านไปแฟนก็มาบอกว่าให้ไปทำแท้ง เขาให้เหตุผลว่า เรา ยังเรียนทั้งคู่ยังขอเงินพ่อแม่ใช้อยู่ยังไม่สามารถเลี้ยงดูลูกได้ และเราก็คิดอยู่นานเหมือนกันจึงตัดสินใจไปตรวจก่อน และถามหมอว่าคลีนิกไหนรับทำแท้ง ตอนแรกดูเหมือนหมอไม่อยาบอกแต่พอเราบอกว่าจำเป็นต้องทำหมอจึงบอกสถานที่ให้ สถานทิ่ทำแท้งนั้นถูกต้องตามกฎหมาย ดิฉันทำโดยวิธีการดูด คือ หมอจะให้กินยาเม็ดก่อนทำ 1 ชั่วโมง
หลังจากที่ทำแท้งแล้วดิฉันก็ใช้ชีวิตตามปรกติ แล้วไม่นานแฟนก็มาบอกเลิกเราก็ทำใจยังไม่ได้หรอกคะ แต่ว่าเป็นช่วงปิดเทอมหน้าร้อนพอดี เราก็ต้องเข้ากรุงเทพฯ หางานทำในช่วงปิดเทอม เพราะดิฉันไม่อยากขอพ่อกับแม่ ดิฉันทำงานที่กรุงเทพ 2 เดือนกำหนดเปิดเทอมพอดี ก็กลับมาเรียนและแฟนก็กลับมาคืนดีดิฉันก็ใจอ่อนยอมคืนดี เราก็ใช้ชีวิตตามปรกติ
ขอเล่าย้อนหลังเกี่ยวกับแฟนนิดหนึ่งคะ ก่อนที่เขาจะมาคบกับดิฉัน เขาคบกับรุ่นพี่ปี 4 ซึ่งดิฉันไม่รู้เรื่องมาก่อน พี่คนนั้นมาหาดิฉันที่หอพักแล้วบอกให้ดิฉันเลิกกับแฟน เพราะผู้ชายคนนี้นิสัยไม่ดี ดิฉันได้แต่ไม่เชื่อคำพูดของเขาเพราะคิดว่ารุ่นพี่โกหก ส่วนแฟนดิฉันบอกว่าเลิกกับรุ่นพี่คนนี้แล้ว เราก็ไม่ติดใจอันใดเพราะเชื่อคำพูดของแฟน และรุ่นพี่คนนั้นก็ไม่มาอีกเลย และดิฉันมารู้ตอนหลังว่าแฟนดิฉันเคยพารุ่นพี่มาทำแท้งตอนที่เขาคบกันอยู่
ดิฉันก็ยังเรียนใช้ชีวิตตามปรกติจนมาไม่นานก็ตั้งครรภ์ และทำแท้ง 4-5 ครั้ง ตอนที่เรียนอยู่ปี 4 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายเรามีปากเสียงกันมาก ทะเลาะตบตีกันบ่อย และเขาก็เริ่มนอกใจเราแอบไปคบกับรุ่นน้อง โดยที่เราไม่รู้แต่เพื่อนเรารู้ตลอด และเพื่อนก็มาบอกเราจึงเกิดเรื่องราวใหญโต ในระหว่างที่เราใช้ชีวิตอยู่กับเขา 4 ปีเราไม่มีความสุขเลยเพราะเขาเป็นคนเจ้าชู้ เอาแต่ใจตัวเอง ดิฉันต้องเป็นผู้ตามคอยฟังคำสั่งจากเขาแต่ว่าส่วนดีของเขาก็มีอยู่เหมือนกันคือ ไม่กินเหล้า ไม่ดููดบุหรี่ และเป็นคนปากหวาน ยามดีก็ดียามร้ายก็ร้ายแต่่เราก็อยู่กับเขาได้ตั้ง 4 ปีจนเรียนจบและเลิกรากันไปต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเอง
หลังจากเรียนจบก็เข้ามาหางานทำที่สมุทรปราการอาศัยอยู่กับญาติ มีเงินติดตัว 5000 บาท มาเจอโฆษณางานรายได้ดีก็เชื่อเสียเงินไปตั้ง 4000 บาทเหมือนโดนหลอกก็ตัดสินใจไปสมัครงานที่โรงงานทำสติกเกอร์เป็นฝ่ายบุคคคล และบัญชีในช่วงนี้รู้สึกว่ากรรมที่เราทำได้ตามมาทันแล้ว เพราะใช้ชีวิตลำบากมากหลังจากย้ายหอมาอยู่คนเดียว เงินเดือนแค่ 6500 บาท ค่าเช่าห้อง 2000 ที่เหลือก็เก็บไว้เป็นค่ากับข้าว เครื่องสำอาง เสื้อผ้า หรือของใช้ส่วนตัวซึ่งมันไม่พอ ดิฉันต้องซื้อมาม่าเป็นลัง เพื่อให้ทันเงินเดือนออก ดิฉันรู้สึกลำบากมากและหดหู่ไม่่กล้าบอกพ่อกับแม่ว่ามีความเป็นอยู่อย่างไร เพราะกินน้ำตากับมาม่าทุกวัน ดิฉันทำงานที่โรงงานนี้ได้แค่ 4 เดือน เพราะทดลองงานไม่ผ่าน ดิฉันจึงรู้ดีว่านี่คือกรรมที่ทำกับลูกเอาไว้ เพราะเป็นช่วงที่ลำบากสุด ๆ
ปัจจุบันดิฉันแต่งงานกับสามีชาวฟินแลนด์ และใช้ชีวิตที่ฟินแลนด์มีความสุขดีมากคะ ขอเล่าปฐมเหตุที่ได้พบวิชาวิปัสนากรรมฐาน ดิฉันสำนึกผิดกรรมที่ทำกับลูกพยายามทำบุญตลอด จนกระทั่งได้มาดูดวงกับหมอดูคนหนึ่งเขาเคยไปบวชปฎิบัติธรรมกรรมฐานที่วัดอัมพวัน (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม) แล้วได้ให้หนังสือสวดมนต์เล่มเล็กฉบับพกพา และแนะนำวิธีการสวดมนต์ ดิฉันอ่านประวัติของท่านก็เกิดความศรัทธาอย่างมาก ก็สวดมนต์ตลอด 1 เดือนเพื่อพิสูจน์ว่า การสวดมนต์นั้นสามารถรักษาโรคได้จริงหรือไม่ เพราะช่วงนั้น ดิฉันมีอาการเจ็บแปล็็บที่ท้องน้อยหรือมดลูกด้านซ้าย และประจำเดือนมามากผิดปกติ คือเดือนละ 2 ครั้งเป็นเวลา 2 เดือน ซึ่งดิฉันกลัวว่าจะเป็นสาเหตุุขของมะเร็งในมดลูก ก็เลยตั้งใจสวดมนต์
ผลปรากฎว่า อาการเหล่านั้นหาย ดิฉันตั้งใจศึกษาหาข้อมููลเกี่ยวกับการปฎิบัติธรรม ซึ่งตอนนั้นดิฉันไม่รู้ว่าวิปัสสนากรรมฐานคืออะไร จนกระทั่งดิฉันเดินทางมาฟินแลนด์ครั้งแรก มาแค่ 3 เดือนยังไม่แต่งงานก็อยู่ได้ประมาณเดือนหรือ 2 เดือน มีอยู่คืนหนึ่งได้ฝันว่าตัวเองนั่งขัดสมาธิใส่เสื้อสีขาว กางเกงขายาวสีดำกำลังนั่งสั่นเป็นร่างทรงของพระพิฆเนศในความฝันนั้นรู้สึกว่าควบคุมตัวเองไม่อยู่ และทันทีดิฉันเหมือนได้ยินเสียงคนพูดว่า
''กราบพระสิลูก''
เป็นเสียงผู้ชาย และเป็นเสียงที่ได้ยินจริง ๆ ก็เลยตื่นมองรอบๆ ห้องนอน ก็ไม่มีใคร เพราะสามีพูดภาษาไทยไม่ได้ และเราอยู่กันแค่สองคน นี่จึงเป็นจุดเริ่มให้ดิฉันเข้าใกล้การปฎิบัติธรรมมากขึ้น เมื่อครบกำหนดกลับเมืองไทยก็มาปฎิบัตติธรรมที่ ศูนย์ปฎิบัติธรรมมเวฬุวันขอนแก่น (สาขาวัดอัมพวัน สิงห์บุรี)
มาครั้งแรก 3 วัน รู้สึกปวดเมื่อยตามร่างกาย และมีอาการวิงเวียนอาเจียนตลอด ก็ปฎิบัติครบกำหนด 3 วัน หลังจากนั้นไม่นานดิฉันก็กลับมาปฎิบัติใหม่คราวนี้อยู่ 5 วัน เป็นการตายในการปฎิบัติธรรมของดิฉันเลยก็ว่าได้เพราะอาเจียนตลอดจนหมดแรง ดิฉันไม่มีแรงจะลุกนั่งหรือแม้แต่จะพูด นึกถึงช่วงที่ดิฉันทำแท้งในขณะนั้นยังแพ้ท้องอยู่ จึงเป็นเหตุให้พอมาปฎิบัติธรรมก็เลยอาเจียนตลอด แต่ดิฉันก็ไม่ละความพยายามถึงแม้จะมีอาการก็ยังปฎิบัติเรื่อยๆ
จนวันที่่ 4 และ 5 อาการดีขึ้นรู้สึกการปฎิบัติธรรมคราวนี้ได้ผลนั่งได้นานขึ้น และรู้สึกสบายไม่เจ็บไม่ปวดมีสมาธิมากขึ้น หลังจากนั่งสมาธิทุกครั้งดิฉันแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลให้ลูก ขออโหสิกรรมเพราะดิฉันสำนึกผิด และขอชดใช้กรรมให้หมดในชาตินี้ ขอให้ลูกไปเกิดในภพภูมิที่ดี ปัจจุบันนี้ดิฉันยังปฎิบัติธรรมเรื่อย ๆ มื่่อมีโอกาสเพื่อสะสมบุญ...
ดิฉันกลับมาอยู่ฟินแลนด์เป็นการถาวร และหมั่นสวดมนต์ภาวนาอยู่เรื่่อยๆ มีอยู่วันนึงได้มีเหตุการณ์อัศจรรย์เกิดขึ้นกับดิฉันคือ ดิฉันได้ฝันว่าเหมือนมีแสงสีขาวลักษณะคล้ายคนเดินเข้ามาในห้องกำลังเปิดผ้าม่าน ดิฉันมองเห็นไม่ชัดว่านั่นคืออะไร แต่คิดว่าเป็นวิญญาณ ด้วยความตกใจและกลัวก็ร้องเรียก
''หลวงพ่อช่วยลูกด้วย''
ภาพที่ปรากฎคือ ภาพหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม ท่านนั่งขัดสมาธิลอยอยู่กลางห้องและยื่่่นพระขนาดห้อยคอได้ใส่ในมือดิฉัน และดิฉันบอกกับท่านว่าหากกลับเมืองไทยเมื่อใดจะไปกราบท่าน ท่านยิ้มไม่พูดอะไรแล้วท่านก็หายไปเลย...ดิฉันจำได้ว่าพระที่ท่านให้นั้นมีลักษณะสวยงามมากกรอบด้านนอกสีแดง และทองปนนิดๆ
ดิฉันตื่นจากความฝันมานั่่งคิดทบทวนว่าเหตุการณ์เหมือนเป็นเรื่องจริง นีคือเรืองราวอัศจรรย์ที่เกิดกับดิฉันซึ่งเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ยังมีเรื่่องราวอัศจรรย์ที่เกิดกับดิฉันในระหว่างปฎิบัติธรรมแต่ขอเปิดเผยเฉพาะที่สำคัญเท่านั้นดังที่ดิฉันเล่ามาข้้างต้นนี้เพื่อเป็นธรรมทาน
ผลของการปฎิบัติธรรมที่ดิฉันได้รับขอสรุปเป็นข้อๆ
1.คิดก่อนพูด
2.ใจเย็น
3.กลัวการทำบาป
4.มีสติมากขึ้น
ชีวิตที่เหลืออยูู่ของดิฉันขอสะสมบุญ และเดินตามรอยพระพุทธองค์
น.ส.กวินรัตน์ คำมะวัน
เจ้าของเรื่อง