เวลา 14.15 น. วันที่ 2 พ.ย. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ที่ศปภ. นายธงทอง จันทรางศุ โฆษกศปภ. พร้อมด้วย นางสิรินาฎ เลาหะโรจนพันธ์ รองผอ.สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ องค์การมหาชน (สทน.) และนายชัยวัฒน์ ต่อสกุลแก้ว เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ร่วมแถลงข่าวถึงข้อกังวลกรณีน้ำท่วมจะส่งผลต่อสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโลยี และสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์ฯ นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ก่อนที่น้ำจะท่วมใกล้บริเวณที่ทำการ 2 แห่ง ทางสำนักงานปรมาณูฯได้ทำหนังสือไปถึงสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นหน่วยงานปฏิบัติงาน ซึ่งเป็นเจ้าของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ให้หามาตรการป้องกันการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีกรณีเกิดอุทกภัย พร้อมกับส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบเพื่อให้เกิดความปลอดภัย และขณะนี้ยังไม่มีน้ำเข้าไปภายในบริเวณของสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แต่อย่างใด นอกจากนั้นยังเก็บตัวอย่างน้ำก่อนน้ำท่วม ซึ่งพบว่าปกติ แค่ถ้ามีน้ำท่วมเข้าไปก็จพเก็บตัวย่างภายหลังน้ำท่วมอีกครั้งว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรหรือไม่ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น
นางสิรินาฎ กล่าวว่า อาคารที่บรรจุเครื่องปฏิกรณ์ปรมาณูวิจัย มีอายุการใช้งาน 50 ปี ส่วนตัวอาคารสูงกว่าพื้นถนนวิภาวดีรังสิตถึง 1.70 ม.และขณะนี้บริเวณลานจอดรถ ซึ่งสูงกว่าถนนวิภาวดีฯ 50 ซม. ยังไม่มีน้ำเข้าไปภายใน ขณะที่บ่อบรรจุเครื่องปฏิกรณ์วิจัยขนาดเล็ก เป็นรูปแบบสระว่ายน้ำ ภายในมีมวลน้ำบรรจุอยู่ 240 ลบ.ม.พนังสระเป็นคอนกรีตหนัก หน้าประมาณ 1 ม.มีความลึก 8. ม และมีขอบสูง 7 ม. ซึ่งเทียบเท่ากับตึกชั้น 3 ดังนั้นโอกาสที่น้ำจะท่วมล้นเข้าไปในบ่อ และเกิดปนเปื้อนจะต้องสูงกว่าถนนวิภาวดีรังสิต 8.70 ม. นอกจากนั้นบ่อปฏิกรณ์ ยังสามารถทนแรงดันน้ำจากภายนอกได้ 2-3 ตัน ทั้งนี้ทางสถาบันหยุดเดินเครื่องปฏิกรณ์ ไปตั้งแต่วันที่ 25-26 ต.ค. หลังจากเกิดน้ำท่วม เนื่องจากไม่สามารถขนส่งรังสีเพื่อใช้ในทางการแพทย์ได้ ยืนยันว่าเรามั่นใจ 100 % ว่าเหตุการณ์น้ำท่วมไม่กระทบกับเครื่องปฏิกรณ์ปรมาณูวิจัยแน่นอน อย่างไรก็ตามทางสถาบันฯ ถึงแม้จะหยุดเดินเครื่องปฏิกรณ์ฯแล้ว แต่ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์น้ำตลอด 24 ชั่วโมง หากเพิ่มสูงขึ้นจากพื้นถนน 1.20 ม.ให้ตัดไฟทั้งหมดของอาคาร ซึ่งเป็นมาตรการป้องกันภัยของเรา แต่ขณะนี้ระดับถนนวิภาวดีอยู่ที่ 50 ซม เท่านั้น
“แม้ก้นบ่อจะต่ำกว่าพื้น แต่ไม่มีน้ำรั่วออกมาแน่นอนเพราะน้ำเป็นระบบปิดที่น้ำจะไม่ออกมาข้างนอก และทุก 1 ปี จะหยุดเดินเครื่อง เพื่อตรวจสอบว่ามีอะไรความผิดปกติบ้าง ส่วนข่าวที่ออกมาว่ามีสารเคมมีรั่ว เพราะกังวลเวลาเห็นชื่อและตึกของเราจึงไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นเราพร้อมจะเปิดให้ประชาชนดูภายในของอาคารได้ และเราไม่กลัวว่าจะเป็นเหมือนโรงปฏิกรณ์ฟูกุชิมาระเบิด เพราะแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นที่ฟูกุชิมานั้น เขาไม่มีน้ำหล่อเตา และเป็นเตาปฏิกรณ์แบบสปอร์ทไลท์ เมื่อิดเครื่องยังมีความร้อน แต่ของเราเป็นแบบแอลอีดี ไปจับระหว่างที่ยังทำงานได้สบายๆ ดังนั้นไม่มีทางที่จะเกิดแบบเดียวกับประเทศญี่ปุ่นแน่นอน ยืนยันว่าน้ำท่วมเราไม่กลัว แต่ถ้าไม่มีน้ำเลี้ยงเรากลัว สำหรับกากสารเคมีนั้นเรามีอาคารเก็บต่างหากอยู่ในถังโลหะ 200 ลิตร ซึ่งอยู่ในแท่งคอนกรีตหรือแท่งแก้ว ในโรงต่างหาก ฉะนั้นไม่ละลายน้ำ และไม่มีวันลอยน้ำ” นางสิรินาฎ กล่าว