10 พลังวิเศษแสนลึกลับของมนุยษ์

10 รายการต่อไปนี้คือพลังวิเศษของมนุษย์ที่เราได้ยินบ่อยครั้ง เรื่องที่มนุษย์ธรรมดามีพลังเหนือธรรมชาติหรือพลังลึกลับอะไรบางอย่างอยู่ในร่างกายมนุษย์ ที่แปลกประหลาดไม่สามารถอธิบายได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ จนถึงปัจจุบันก็ไม่สามารถหาคำตอบเหล่านี้ได้ และพลังวิเศษดังกล่าวถูกนำมาใช้ในจินตนาการในสื่อต่างๆ มากมาย

 

 

10. Shamanism

  

ชาแมนเป็นความเชื่อในเกี่ยวกับเรื่องหมอผีหรือคนทรงเจ้า ที่มีความสามารถในทางวิญญาณ โดยเชื่อว่ามนุษย์ที่เป็นหมอผีนั้นเป็นตัวสื่อสารกับวิญญาณของอีกโลกหนึ่ง โดยทั่วโลกมักมีหมอผีเหล่านี้มากมาย โดยมีชื่อเรียกหลายอย่างตามลักษณะของความสามารถ และประเทศ เช่น คนทรง มิโกะ องเมียว พ่อมด แม่มด โดยหมอผีนั้นจะเป็นผู้ประกอบอาชีพที่มีความเชี่ยวชาญและมีพลังจิตสูงที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางสื่อสารระหว่างโลกมนุษย์และโลกวิญญาณ อาจจะเป็นการให้วิญญาณเข้าสิง หรือให้วิญญาณชี้นำ โดยมีวัตถุประสงค์ต่างๆ นาๆ เช่น เพื่อให้วิญญาณสื่อสารกับญาติผู้ตายหรือคนที่รัก หรือจะเป็นการรักษาอาการเจ็บป่วย สามารถควบคุมสภาพอากาศ คาถาสาปแช่ง สามารถเดินทางได้ในโลกมนุษย์และโลกวิญญาณ นรก และ สวรรค์ ฯลฯ

 

 

 

9. Psychic Surgeons

  

หมอศัลยกรรมพลังจิต เป็นหมอศัลยกรรมที่ทำการผ่าตัดโดยใช้เพียงมือเปล่าผ่าตัดผู้ป่วย โดยหมอจะเอามือเจาะเข้าไปร่างกายของผู้ป่วยล้วงที่สิ่งที่เป็นพยาธิสภาพ(วัตถุอินทริย์ในรูปของก้อนเนื้อร้ายหรือไม่ก็ของแปลกๆ อย่าง ของเหลวสีน้ำตาล)ในร่างผู้ป่วยออกมา แต่ที่มหัศจรรย์คือผู้ป่วยไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลยและเลือดไหลไม่มาก(ซึ่งปกติแล้วเลือดน่าจะทะลักจนผู้ป่วยหมดสติ) เมื่อทำการผ่าตัดเสร็จสิ้นจะไม่ปรากฏบาดแผลและแผนเป็นผ่าตัดในตัวผู้ป่วยแต่อย่างใด หมอศัลยกรรมพลังจิต พบมากในประเทศบราซิลและฟิลิปปินส์ในช่วง 1900 ที่ส่วนใหญ่เชื่อเรื่องภูตผี โดยผู้ป่วยจะมีความรู้สึกหรือเชิงลบต่อโรคและอาการเจ็บป่วย และเชื่อว่าตนถูกวิญญาณร้ายเข้าสิ่งโดยกลายเป็นวัตถุเหมือนแก้ว ทำให้หลายคนเชื่อเป็นเป็นปฏิกิริยาของยาหลอกมากกว่า ในโลกตะวันตกไม่ยอมรับวิธีการรักษาดังกล่าวและถูกตั้งว่าเป็นเรื่องหลอกลวงทางการแพทย์ ส่วนสมาคมโรคมะเร็งอเมริการะบุว่าการไม่มีหลักฐานว่าผ่าตัดพลังจิตดังกล่าวมีประโยชน์ใดๆ ในทางแพทย์อีกทั้งยังทำให้ผู้ป่วยละเลยต่อความช่วยเหลือต่อแพทย์สมัยใหม่และทำให้เกิดผลกระทบร้ายแรงของผู้ป่วย

(คลิปข้างล่างที่เอามาให้ดูสยองนิดๆ หน่อยๆ) http://www.youtube.com/watch?v=sxMGxz6-oTs

 

 

 

8. Spontaneous Human Combustion

  

Spontaneous human combustion (SHC) หรือ"ปรากฏการณ์เผาไหม้ร่างมนุษย์" นี้หมายถึงการที่ร่างกายมนุษย์เกิดการลุกไหม้ขึ้นโดยไม่มีเชื้อไฟ โดยจู่ๆ ไฟก็ลุกท่วมตัวโดยไฟไหม้จากภายในร่างของมนุษย์ไม่ใช่ไหม้จากภายนอก จนร่างกายของผู้เคราะห์ร้ายถูกเผาไหม้ไปเกือบจะเป็นเถ้าถ่านหมดจด แต่กระนั้นก็ส่วนอื่นๆ ของร่างกายที่ไม่ถูกเผาไหม้เช่น มือ เท้า หรือเสื้อผ้า หลายร้อยรายที่เกิดปรากฏการณ์นี้ จะมีรูปแบบคล้ายๆ กันคือ โดยที่ตัวผู้เคราะห์ร้ายมักจะอยู่ในเคหะสถาน และบางครั้งจะรู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมๆ ของควันในห้องที่เกิดเหตุ กรณีที่มีชื่อเสียงในปรากฏการณ์ดังกล่าวมีมากมาย เช่นกรณีของแมรี่ รีเซอร์  ,จีนนี่ แซฟฟิน ส่วนสาเหตุของปรากฏการณ์ ก็มีการสันนิษฐานไว้หลายอย่าง โดยเชื่อว่าในร่างกายคนเราก็มีไขมัน ที่ทำหน้าที่เป็นวัตถุที่ติดไฟได้  หรือว่าร่างกายเรามีก๊าซชนิดหนึ่งที่เรียกว่าก๊าซมีเธนในลำไส้ที่ทำปฏิกิริยาบางอย่างทำให้ลุกติดไฟ แต่กระนั้นปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดๆ ที่จะอธิบายปรากฏการณ์ดังกล่าว

 

 

 

7. Fire Immunity and Fire Starter

  

พูดถึงไฟก็ต้องนึกถึงความร้อน และก็เป็นการบ้ามากที่มนุษย์จะสามารถสัมผัสไฟได้เป็นเวลาโดยไม่ใช้ชุดป้องกันความร้อน แต่กระนั้นก็มีมนุษย์บางจำพวกที่เรียกว่ามี “ภูมิต้านทานความร้อน” ที่สามารถสัมผัสไฟได้โดยไม่รู้สึกเจ็บแสบปวดร้อนใดๆ และผิวหนังไม่ไหม้หรือเป็นแผลพุพอง เช่นกรณีของนาธาน โคเกอร์ เป็นช่างตีเหล็กในรัฐแมรี่แลนด์ที่สามารถยืนอยู่ในโลหะร้อนๆ หรือสามารถถือถ่านหินร้อนๆ ได้อย่างสบายแต่ที่ผิวไม่ไหม้(บ้านเรามีคนแบบนี้เพียบ)

นอกจากนี้ก็ยังมีมนุษย์อีกจำพวกที่สามารถควบคุมพลังไฟได้ เช่นกรณีของเอ. วิลเลี่ยม อันเดอร์วู้ดที่เขามีพลังประหลาดสามารถทำให้วัตถุติดไฟโดยใช้ลมหายใจรดก็ได้ นอกจากนี้หากถูสิ่งของที่ติดไฟง่าย เช่นผ้าเช็ดหน้าเมื่อเขาถูด้วยแรงมือในขณะที่เขาหายใจรด ผ้าเช็ดหน้าลุกเป็นไฟและหายไป โดยเรื่องของเขากลับเชื่อว่าเป็นเรื่องหลอกลวง เพราะเขาอาจซ่อนแผ่นเหล็กฟอสฟอรัสเล็กๆ ในปากและแอบถ่มน้ำลายบนผ้าเช็ดหน้า และเมื่อความร้อนจากลมหายใจและมือที่ถูก็ช่วยให้ฟอสฟอรัสติดไฟดังกล่าวได้

 
                6. Dowsing

  

ไม้เท้าดาวน์ เป็นการทำนายที่มีวัตถุประสงค์ในการหา แหล่งน้ำ สายแร่ทองคำ โลหะ อัญมณี โดยใช้ลวดทองแดง ทองเหลืองหรือโลหะ มาตัดแล้ว หักเป็นรูปตัวเอ(หรือรูปต่างๆ เช่น Y หรือ L) วิธีการใช้ คือต้องกำในมือ หลวมๆ หรือ ไม่ก็หาหลอดมาใส่ไว้เพื่อให้มันเคลื่อนตัวได้สะดวก กำไว้ในมือแขนทั้งสองให้ขนานกับพื้นผิวโลก แล้วกำหนดจิตคิดถึงสิ่งที่ต้องการจะหาไว้ในใจและเป็นสมาธิ จากนั้นก็เดินไปเรื่อยๆ ถ้าพยายามสังเกตไม้เท้าทำปฏิกิริยากับสิ่งที่ต้องการจะหา โดยมันจะชี้หรือจำกัดวงแคบๆ ในสิ่งที่ต้องการหาได้ ซึ่งถ้าใช้โดยผู้ชำนาญ และมีจิตสัมผัสที่ไวแล้วจะมีความแม่นยำสูง ส่วนสาเหตุการเกิดปรากฏการณ์นี้ยังคงลึกลับ แต่สันนิษฐานว่าเกี่ยวข้องกับสนามแม่เหล็กโลกและพลังงานต่างๆ ดึงดูดทำปฏิกิริยากับลวด แล้วแปลเป็นคำตอบต่างๆ โดยตอนแรกเกิดในประเทศเยอรมัน ในคริสต์ศตวรรษที่ 15 ในการใช้มันหาโลหะ ซึ่งได้รับความนิยมมากในสมัยนั้นและเผยแพร่มาถึงอเมริกา ในยุคตื่นเหมืองทอง แต่ต่อมา ด้วยการที่หาคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้ จึงทำให้ไม้เท้าดาวน์ เป็นการลวงโลก จึงขาดความน่าเชื่อถือไป และถูกลืมไป

 

 

5. Bioelectricity

  

แม่เหล็กไฟฟ้าชีวภาพ หมายถึงพลังงานไฟฟ้า พลังงานแม่เหล็ก หรือสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดขึ้นจากเซลล์ เนื้อเยื่อ หรือสิ่งมีชีวิตต่างๆ โดยสัตว์บางชนิดมีอวัยวะรับความรู้สึกจากไฟฟ้า นกอพยพถิ่นฐานเชื่อว่ามีอวัยวะในการหาเส้นทางโดยอ้างอิงจากสนามแม่เหล็กโลก ฉลามมีปฏิกิริยากับสนามแม่เหล็กไฟฟ้าในบริเวณใกล้เคียงมากกว่ามนุษย์ ปลาไหลไฟฟ้าก็สามารถสร้างกระแสไฟฟ้าที่รุนแรงออกมาจากร่างกายของมัน

และหากมนุษย์มีพลังไฟฟ้าแบบนี้ล่ะจะเกิดอะไรขึ้น? แน่นอนคุณอาจเคยเห็นคลิปยูธูปเกี่ยวกับเรื่องนี้มามากมาย เกี่ยวกับมนุษย์ที่ใช้พลังไฟฟ้าหลายอย่าง ในศตวรรษที่ 19 มีหลายกรณีที่มีหลายคนอ้างว่า ตนเองสามารถบังคับใช้ไฟฟ้าแปลกๆ บนวัตถุรอบๆ พวกเขาได้ บางคนจะมีปฏิกิริยาแพ้เทคโนโลยีมีปฏิกริยาสนามพลังไฟฟ้าผิดปกติซึ่งหากยืนจำพวกหลอดไฟที่ส่องสว่างฟิวส์จะขาดทันที นอกจากนี้ยังมีบางคนสามารถควบคุมพลังไฟฟ้าในร่างกายสามารถช็อคทำร้ายคนได้ และบางคนที่เป็นมนุษย์แม่เหล็กที่มี พลังเหนือธรรมชาติ โดยสามารถนำโลหะมาติดตามตัวได้ราวกับมีพลังแม่เหล็กที่ผิวหนัง ซึ่งมีมีอยู่หลายคนที่มีพลังนี้ เช่นลิ่ว โธ ลิน  อดีตคนงานก่อสร้าง ในมาเลเซีย สามารถน้ำแผ่นเหล็กมาติดที่ตัวและใช้แรงแม่เหล็กลากรถยนต์ที่หนักกว่า 1 ตันได้(ข้อมูลจากวิกิพีเดีย)

 

 

4.Bioluminescence

  

http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/X2494283/X2494283.html

หลายคนคงเคยเห็นภาพสิ่งมีชีวิตเรืองแสง แต่คนเรืองแสงนั้นยังเป็นเรื่องปริศนาของใครหลายๆ คน และที่น่าแปลกคือกรณีคนเรืองแสงส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นกับผู้ป่วย อย่างกรณีของ นางแอนนา โมนาโร ชาวอิตาลีใน เป็นผู้ป่วยด้วยโรคหืดเรื้อรัง ได้เข้ามารับการรักษาในโรงพยาบาลปิราในปี ปี 1934  น ที่อยู่ตัวเธอก็เรืองแสงสีฟ้าออกมาจากหน้าอกและลำคอของเธอขณะนอนหลับและมันจะหายไปเมื่อนางแอนนาตื่น บรรดาแพทย์ต่างตกตะลึงพยายามตรวจหาความผิดปกติแต่ก็ไม่สามารถวินิจฉัยอะไรได้เลย

                แม้เรื่องราวมนุษย์เรื่องแสงไม่สามารถหาคำตอบได้จนถึงปัจจุบัน แต่เมื่อเร็วๆ นี้นักวิจัยญี่ปุ่นพบว่ามนุษย์ก็สามารถเรืองแสงได้ จากการวิจัยพบว่ามนุษย์แพร่แสงน้อยกว่าความเข้มในระดับที่มองเห็นด้วยตาเปล่าได้ถึง 1,000 เท่า และเรืองแสงมากที่สุดคือในเวลาสี่ทุ่ม และลดลงหลังจากนั้น

 

 

 

 

3. Levitation

  

คนลอยเป็นความสามารถลึกลับของมนุษย์ที่ไม่สามารถอธิบายได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ โดยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีหลายกรณีที่มีหลายคนอ้างว่ามีความสามารถทำให้ตัวเองลอยเหนือจากพื้นดินต่อหน้าพยานจำนวนมากได้ โดยไม่ใช้อุปกรณ์ช่วย เช่นกรณีที่มีชื่ออย่าง แดเนียล ดังกลาส ฮิวม์(1833-1886) ที่มีพยานจำนวนได้เห็นเขาสามารถลอยอยู่กลางอากาศ เขาสามารถลอยออกไปนอกหน้าต่างโรงแรมถึง 70 ฟุตและไปยังพื้นที่อื่นๆ ได้โดยไม่มีเส้นลวดเข้ามาช่วย หรือจะเป็นกรณีของนักบุญโยเซฟ กูเปอร์ติโน นักบุญชาวอิตาลีมีพลังลึกลับทำให้เขาสามารถลอยตัวเหนือ พื้นดินและเหาะบนท้องฟ้าได้ ในบางศาสนาเชื่อว่าการลอยนั้นเป็นการกระทำของวิญญาณบริสุทธิ์หรือพระเจ้า หรือผีโพลเตอร์ไกสต์ ในศาสนาฮินดูผู้ที่จะลอยตัวได้จะเป็นคนที่มีจิตวิญญาณสูงสุด โดยคนที่ลอยได้มักอ้างว่าตนมีความรู้สึกสบายเหมือนประหนึ่งดวงดาวในขณะลอยตัว  ปัจจุบันเรื่องดังกล่าวไม่เป็นที่ยอมรับทางวิทยาศาสตร์และเชื่อว่าเป็นกลอุบาย ภาพลวงตา มายากล

 

 

2. ESP

   

http://www.vcharkarn.com/vblog/34025

ESP ย่อมาจาก Extra Sensory Perception หมายถึง การรับรู้ด้วยสัมผัสพิเศษ ซึ่งโดยมนุษย์จะรับรู้ได้โดยการใช้อวัยวะรับสัมผัสของร่างกาย แต่กระนั้นก็มีมนุษย์บางคนสามารถรู้สิ่งเร้าต่างๆทั้งหลายได้โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยอวัยวะรับสัมผัสใดๆในร่างกายเลย เช่น มีมนุษย์บางคนว่าตนเองสามารใช้โทรจิต ที่สามารถติดต่อสื่อสารโดยการใช้กระแสจิตส่งถึงกัน เพื่อถ่ายทอดความรู้สึกจากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง ทำให้ผู้รับสามารถรับรู้สิ่งที่ผู้ส่งต้องการได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตามโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วย หรือบางคนอ้างว่ามีญาณทิพย์ สามารถรับรู้วัตถุ สิ่งของ บุคคล หรือเหตุการณ์ต่างๆตามที่บุคคลนั้นต้องการโดยไม่ต้องอาศัยอวัยวะรับสัมผัส แต่ใช้ญาณพิเศษในตัวที่ทำให้เห็นภาพในสิ่งที่ต้องการจะเห็นในโนภาพอย่างแจ่มชัดเหมือนดูโทรทัศน์ เช่น ทำกระเป๋าสตางค์ตกหายจะสามารถใช้ญาณพิเศษนี้ตรวจสอบได้ว่าตกอยู่ที่ใดได้ และบางคนอ้างว่าสามารถการล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า รับรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าที่จะเกิดขึ้นในอนาคตโดยไม่จำกัดเวลา ในบางครั้งนับเป็นร้อยๆปี การรับรู้ประเภทนี้ทำให้เกิดการพยากรณ์เหตุการณ์ต่างๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างถูกต้องแม่นยำ ซึ่งการรับรู้เช่นนี้เป็นเรื่องถกเถียงกันมามากเนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่เหลือเชื่อพิสูจน์ได้ยาก แต่ก็จะปรากฏขึ้นกับบุคคลหลายๆคนที่แสดงให้เห็นความสามารพิเศษเช่นนี้จึงทำให้ทุกวงการทั้งวงการวิทยาศาสตร์และศาสนาให้ความสนใจเพื่อที่จะพิสูจน์ความจริง

 

 

 

 

1.Prophecy

 

เรื่องราวของโหรพยากรณ์อย่างนอสตราดามุสยังคงเป็นปริศนาจนถึงปัจจุบัน ว่าเขาสามารถทำนายอนาคตอย่างแม่นยำได้อย่างไรทั้งที่เวลาผ่านไปหลายร้อยปี ไม่ว่าจะเป็นคำทำนายการสวรรคตของพระเจ้าอังรีที่ 2 ที่ 3 และ ที่ 4 และ การสิ้นสุดของราชวงศ์วาลัวซ์ แห่งฝรั่งเศส, พยากรณ์การเกิดของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ และ เบนิโต มุสโสลินี รวมไปถึงพยากรณ์การเกิดธรรมชาติวิปริต โลกพิบัติอลเวง ของปรากฏการณ์ เอลนิโญ และ ลานีญาซึ่งคำทำนายเหล่านั้นล้วนถูกต้องอย่างแม่นยำ 

ผยแพร่คำทำนายจากวรรค์จะเรียกว่าพระวจนะ โดยคำพยากรณ์ของบุคคลเหล่านี้มักจะทำออกมาเป็นข้อความในหนังสือ โดยขอความต้องตีความไม่ค่อยตรงไปตรงมากนัก ส่วนมากคำทำนายจะเป็นด้านลบมากกว่าด้านบวก เช่น การตายของบุคคลสำคัญของโลก การค้นพบสิ่งใหม่ จุดจบของโลก ซึ่งคำทำนายดังกล่าวมีทั้งรายบุคคลหรือในศาสนาแต่ละศาสนาบนโลก ไม่ว่าจะเป็น พุทธ อิสลาม คริสต์

แต่กระนั้นในเรื่องที่มนุษย์ที่มีญาณวิเศษสามารถทำนายอนาคตได้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีหลายคนอ้างว่ารู้อนาคต ในลักษณะต่างๆ กัน เช่น บางคนฝันเห็นสิ่งที่เกิดในอนาคต บางคนได้ยินเสียงที่เชื่อว่าจากสวรรค์ โดยคนที่เ

แต่กระนั้นก็มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนพยายามพิสูจน์ว่าการทำนายดังกล่าวเป็นการหลอกลวงไม่เป็นความจริง อย่างคำทำนายของนอสตราดามุส สามารถตีความได้หลากหลาย เนื้อหาคลุมเครือลึกลับยากต่อการเข้าใจส่งผลทำให้คำทำนายออกมาแล้วแต่คนแปล เป็นต้น

 

2 พ.ย. 54 เวลา 02:46 13,530 10 180
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...