มัมมี่พระญี่ปุ่น
Mummy เป็นหนึ่งในการบำเพ็ญเพียร เป็นที่สุดแห่งการปฎิบัิติเพื่อการหลุดพ้น(ตามความเชื่อของ นิกาย) แนวทางของพระเหล่านี้มุ่งเน้นที่การหลุดพ้น โดยการ ทรมาน ตนเองอย่างยิ่งยวด และมีความเชื่อว่าในอนาคตข้างหน้าเมื่อ พระพุทธเจ้าเสร็จกลับมายังโลกอีกครั้ง พระที่เป็นมัมมี่ จะฟื้นคืนชีพมารับเสร็จได้อีกครั้ง มาดูแนวทางการปฏิบัติเพื่อเป็นมัมมี่ กันดีกว่า (สำหรับผมแล้วผมว่ามันเกินกว่าขีดจำกัดที่มนุษท์ธรรมดาจะปฏิบัิติได้ ถ้าหากขาดซึ่งศรัษา และความเชื่ออย่างแรงกล้า)
วิธีปฏิบัติตน เพื่อเป็นมัมมี่พระ
ขั้นแรก ผู้ปฏิบัติจะเริ่มต้นด้วยการงดอาหารพวกเนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ แล้วเขากินอะไรกันก็กิน เมล็ดพืช ต่างๆในป่าที่ปฎิบัติ พร้อมทั้งมีการฝึกกายต่างอย่างเช่น บำเพ็ญเพียรในน้ำตกที่หนาวเย็น (อาดเคยเห็นในหนังกัน) เป็นเวลา 1000 วัน wowboom
รูปชุดเครื่องแต่งกายพระขณะฝึกตนในป่า
ขั้นที่สอง ผู้ปฎิบัติจะหยุดกิน เมล็ดพืช แต่จะกินเฉพาะเปลือกต้นสน และรากต้นสน และจะหยุดการฝึกตนในป่า แต่จะมาปฏิบัิตธรรม นั่งวิปัสนากรรมฐาน เข้าชาญ เป็นเวลา 1000 วัน มีการกล่าวว่าในช่วงท้ายของการปฎิบัติ พระจะมีรูปร่างคล้าย โครงกระดูก เดินได้ และเมื่อลงไปอาบน้ำในถัง แล้วตัวจะลอยน้ำ เหล่าลูกศิทษ์้ต้องคอยกดให้ตัวจมน้ำเพื่อให้สามารถอาบน้ำได้
ในช่วงวันท้าย ของการปฏิบัติในช่วงที่สองนี้ พระจะต้องฉันชาชนิดพิเศษที่มีส่วนผสมของน้ำเลี้ยงต้น Urushi (จะมีลักษณะเป็นน้ำยางสีแดงเลือดนก เข้น ชาวญี่ปุ่นมักนำ้ไปเคลือบ ถ้วยชาม)
วันสุดท้าย จะดื่มชาอีกชนิดที่มีส่วนผสมของเกลือจากน้ำพุร้อนศักกิ์สิทธิ์ (จากการวิเคาระห์เกลือนี้พบว่ามีสารหนูประกอบเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งว่า ทำไมพระเหล่านี้ถึงตายแล้วไม่เน่าเปื่อย ได้ในประเทศที่มีภูิมิอากาศร้อย ความชื้นที่ไม่อำนวยต่อการรักษาสภาพศพ เช่นนี้ โดยน้ำชาจากต้น Urushi จะไปเคลือบกระเพาะ และลำไส้ และสารหนูซึ่งร่างกายไม่สามารถขับออกจากร่างกายจะไปสะสมตามส่วนต่างของร่าง กาย และหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคเตเรียต่างๆ ที่เป็นสาเหตุของการเน่า
ขั้นที่สาม หลังจากดื่มชาผสมเกลือจากน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ ก็จะไปนั่งในสุสานใต้ดินขนาดพอใหญ่พอดี แค่นั่งได้แล้วทำการฝังทั้งเป็นโดยมีเพียงที่ไม้ไผ่ หนึ่งลำโผล่ขึ้นมาบนผิวดินเพื่อเป็นท่อหายใจ โดยพระในสุสานจะคอยสั่นกระดิ่งวันละครั้ง เพื่อเป็นสัญญาณว่ายังมีชีวิตอยู่ (มีคำกล่าวอ้างว่ามีพระบางรูปสามารถมีชีวิตอยู่ในสุสานใต้ดินได้ถึง 13 วัน) หลังจากวันสิ้นเสียงกระดิ่งวันสุดท้าย (คือมรณภาพ แล้ว) จะเก็บศพไว้อีกเป็นเวลา 1000 วันใต้ดิน หลังจากนั้นจะขุดศพขึ้นมา ซึ่งศพเหล่านี้จะได้รับการแต่งตัวด้วยเครื่องแต่งกายของพระชั้นสูง และได้รับการเคารพบูชาอย่างสูง
รูป แบบร่างสุสานใต้ดินที่พระใช้เก็บตัวในวาระสุดท้าย
รูป เหล่าพระที่ได้ผ่านการปฎิบัติเพื่อเป็น มัมมี่
สุด ท้ายในความคิดของผม ผมคิดว่าพระเหล่านี้ กล่าวได้ว่าได้ค้นพบความเป็นอมตะ อันมีผลมาจากความเพียรพยายามของพวกท่าน มัมมี่พระญี่ปุ่น มัมมี่ที่ผู้ตายเป็นคนทำ
ข้อมูลอ้างอิง มัมมี่พระ ญี่ปุ่น
http://www.sonic.net/~anomaly/japan/dbuddha.htm
http://www.jref.com/culture/japanese_buddhist_mummies.shtml