วิกฤตซ้ำ

ความหวังในการป้องกันกรุงเทพฯ ให้รอดพ้นอภิมหาอุทกภัยหมื่นล้านลูกบาศก์เมตร

ยิ่งนานวันยิ่ง"ริบหรี่"เหมือนหิ่งห้อยใกล้ขาด ใจตาย

ถึงตอนนี้หลายคนได้ข้อสรุปว่าการ "ทำใจ" ยอมรับอย่างสงบเยือกเย็นคือต้นทุนเดียวที่ยังเหลืออยู่

แต่อีกด้านหนึ่งเป็นธรรมชาติของคนกรุงอีกจำนวนไม่น้อย ที่มักจะรับมือกับปัญหาใหญ่ๆ แบบนี้ได้ไม่ค่อยดีนัก อาจเป็นเพราะกรุงเทพฯ ไม่ค่อยเกิดน้ำท่วมใหญ่บ่อยๆ

ครั้งสุดท้ายเมื่อพ.ศ.2538 นาน 15 ปีมาแล้ว ทำให้การเตรียมรับมือในปัจจุบันถลำเลยเส้นความตื่นตัว จนกลายเป็นความตื่นตระหนก

มีดัชนีหลายตัวชี้วัดความตื่นตระหนกของคนกรุง

เช่นการนำรถยนต์ส่วนตัวขึ้นไปจอดทิ้งไว้บนสะพานข้ามแยกต่างๆ รวมถึงทางด่วน หรือการเข้าไปกวาดซื้อของกินของใช้จนเกลี้ยงฉาดซูเปอร์มาร์เก็ตไม่ว่าจะในห้างเล็กห้างใหญ่

ตอนนี้จะหาซื้อน้ำดื่มบรรจุขวดสักขวด ยากยิ่งกว่างมเข็มในบางบัวทองเสียอีก

แน่นอน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะโรงงานน้ำดื่มตั้งอยู่ในเขตพื้นที่น้ำท่วมหนัก เช่น อยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี เป็นต้น จึงจำเป็นต้องหยุดพักการผลิตไว้ชั่วคราว

แต่อีกเหตุผลหนึ่งที่ขาดแคลนเป็นเพราะคนแห่ซื้อกักตุน

ด้วยกฎกติกาง่ายๆ คือใครมาก่อนได้ก่อน ใครมาหลังก็อดไป รอแย่งชิงใหม่รอบหน้า จะซื้อมากซื้อน้อยแล้วแต่ทุนทรัพย์ และพละกำลังในการแบกกลับบ้าน

นอกจากน้ำดื่มขวดแล้วของบริโภคประเภทปลากระป๋อง อาหารกระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมปัง ไข่ไก่ ข้าวสาร อาหารแห้ง ฯลฯ ก็เป็นเหมือนกัน

บางอย่างเริ่มขาดตลาด หาซื้อยาก บางอย่างหาซื้อไม่ได้มานานตั้งแต่น้ำท่วมนครสวรรค์ใหม่ๆ ก็ยังหาซื้อไม่ได้จนบัดนี้

แต่น่าเจ็บใจที่สุดคือสินค้าที่พอมีเหลืออยู่บ้างตามร้านชำในตรอกซอกซอย หรือตามแผงริมฟุตปาธ พ่อค้าแม่ค้าก็ยึดหลักแปรวิกฤตเป็นโอกาส

โก่งราคาเพิ่มหลายเท่าตัว

โดยเฉพาะอาวุธต่อสู้น้ำท่วม เสื้อชูชีพสีส้มๆ แพงขึ้น 1-2 เท่า จาก 300 เป็น 600 ถุงบรรจุทราย-ทรายบรรจุถุง ไม่ใช่แค่แพงแต่ยังหายาก อิฐบล็อกก้อนละ 7 บาท ตอนนี้ 30-35 บาท

ประมาณการกันว่าหลังน้ำท่วม คนขายตั้งตัวส่งลูกเรียนเมืองนอกได้เลย

นี่แหละ วิกฤตซ้ำวิกฤตของแท้
 

#วิกฤตซ้ำ
FREE ME
นักแสดงนำ
สมาชิก VIP
27 ต.ค. 54 เวลา 09:57 6,245 13 130
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...