กลายเป็นอีกหนึ่งภาพหวานแห่งปี และดูจะหวานกว่าดยุกและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์
เมื่อสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก กษัตริย์แห่งราชอาณาจักรภูฏานองค์ที่ 5 แห่งราชวงศ์วังชุก พระชนมายุ 31 พรรษา ทรงเชยคางพระราชินีเจตซุน เพมา วัย 21 ปีด้วยความรัก ขณะทรงสวมมงกุฎผ้าไหมให้ราชินีของพระองค์พร้อมรอยยิ้ม ก่อนหอมแก้ม 2 ครั้งและจุมพิตพระชายาเบื้องหน้าพสกนิกรภูฏานอีก 1 ครั้งในพระราชพิธีฉลองอภิเษกสมรสที่กรุงทิมพู
ในวันนั้นไม่เพียงแต่ภูฏานจะเต็มไปด้วยสีสันสดใสทั้งประเทศ แต่ความสุขมวลรวมของชาวภูฏานน่าจะพุ่งพรวดขึ้นไปมากทีเดียว
นับเป็น "รอยัล เวดดิ้ง" ครั้งที่ 3 ในรอบปี หลังจาก เจ้าชายวิลเลียม ทรงเสกสมรสกับพระคู่หมั้น เคท มิดเดิลตัน ที่วิหารเวสต์มินสเตอร์ เมื่อปลายเดือนเมษายน และพิธีอภิเษกสมรสของ เจ้าชายอัลแบร์ที่ 2 ประมุขแห่งโมนาโกกับ ชาร์ ลีน วิตต์สต๊อก พระคู่หมั้น ในเดือนกรกฎาคม
พิธีการอันเรียบง่ายของภูฏานจัดขึ้นที่ป้อมพระอารามศักดิ์สิทธิ์ในเมืองพูนาคา เมื่อวันที่ 13 ต.ค. สร้างความปลื้มปีติไปทั่วราชอาณาจักร
องค์จิกมี บัณฑิตหนุ่มจากมหาวิทยาลัยออกซ์ ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ทรงเป็นที่ชื่นชมและ เป็นที่รู้จักในหมู่ชาวไทยเมื่อครั้งเสด็จฯ ร่วมงานพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ในปี 2549 เมื่อครั้งยังทรงเป็นมกุฎราชกุมาร ก่อนจะเสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2549 ต่อจากองค์ซิงเย นัมชุก พระราชบิดา โดยพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่ทรงพระเยาว์ที่สุดในโลก ด้วยพระชนมายุเพียง 28 พรรษา
กษัตริย์หนุ่มรูปงามทรงมีพระทัยละเอียดอ่อนและยึดมั่นในความรัก มีรับสั่งระหว่างประกาศกำหนดการอภิเษกสมรสต่อหน้าสมาชิกรัฐสภาว่า "ข้าพเจ้าจะมีภรรยาเพียงคนเดียว" นั่นคือประโยคหนักแน่นจากกษัตริย์หนุ่มที่เชื่อมั่นในรัก
แม้กษัตริย์จิกมีจะเพิ่งแนะนำว่าที่ราชินีแห่งภูฏานให้ทุกคนรู้จัก แต่สำหรับพระองค์ เธอคือเด็กหญิงเจตซุน เพมา ลูกหลานเจ้าผู้ครองนครแห่งหนึ่งในภูฏาน ที่เคยพบปะมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ทั้งพระบิดาพระมารดาของพระองค์เองก็ทรงคุ้นเคยกับครอบครัวของเจตซุนเป็นอย่างดี
หญิงสาวเป็นธิดาของนายธอนทุบ กยอลเซน กับนางโซนัม ชูกี สำเร็จการศึกษาระดับมัธยม ศึกษาตอนต้นที่ภูฏาน ก่อนจะเดินทางไปเรียนต่อที่ลอว์เรนซ์สคูล ในซานาวาร์ รัฐหิมาจัลประเทศ และที่เซนต์โจเซฟคอนแวนต์ ในกาลิมพง อินเดีย ภายหลังเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยรีเจนต์คอลเลจ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
เรื่องราวความรักราวเทพนิยายนี้ เริ่มต้นจากความเอ็นดู พัฒนากลายเป็น "ปั๊ปปี้เลิฟ" รักแรกอันหนักแน่น
ราชินีภูฏานในวัยเยาว์บอกกับพระองค์ว่า "ฉันจะไปกับพระองค์ในทุกๆ ที่ที่เสด็จฯ ไป" กษัตริย์หนุ่มยังคงจดจำได้ดี เช่นเดียวกับคำสัญญาที่ว่า "โตขึ้นเราแต่งงานกันนะ" นั่นเอง
นับแต่นั้นมา ความรักและการแสดงออกขององค์จิกมีที่มีต่อเจตซุน ทำให้หลายคนอดอิจฉาไม่ได้ แม้จริงๆ แล้วกษัตริย์ภูฏานจะมีพระชายาได้ถึง 4 พระองค์ แต่กลับรับสั่งว่า "ไม่ ฉันได้เลือกคนที่ดีที่สุดแล้ว และคิดว่าผู้หญิงคนนี้จะอยู่กับฉันตลอดไป เธออยู่เคียงข้างฉันได้ทั้งเรื่องงานและจิตใจ"
นอกจากนี้ยังทรงให้เกียรติราชินีเจตซุนอย่างมาก หลังมีพระราชดำริอยากจัดงานสละโสด ที่ประเทศไทย แต่เจตซุน พระคู่หมั้นในตอนนั้น ทูลว่าจะจัดก็ได้ แต่จะไม่มีงานแต่งงานนะ พระองค์จึงรับสั่งว่าไม่จัดก็ได้
ระหว่างทรงคบหาดูใจ ทรงประสงค์ให้ความ สัมพันธ์ดำเนินไปอย่างเงียบๆ เพราะทรงตั้งพระ ทัยว่าผู้หญิงของพระองค์ต้องมีประวัติขาวสะอาด และเป็นที่ยอมรับของคนในครอบครัว
ที่สำคัญต้องเป็นชาวภูฏานเท่านั้น ไม่เช่นนั้นคนทั้งโลกจะต้องถามว่าแล้วผู้หญิงภูฏานเป็นอย่างไร ทำไมไม่ทรงเลือกเป็นคู่ครอง
หลังผ่านมานานเกือบ 6 เดือน เจตซุน เพมา พระคู่หมั้นขององค์กษัตริย์จิกมี ก็ปรากฏโฉมสวยสง่าในชุดแต่งงานตามขนบประเพณีนิยม ด้วยกระโปรงทอผ้าไหมหลากสี และเสื้อคลุม สีเหลืองทอง ตัดกับแถบแขนเสื้อสีแดงขนาดใหญ่ เดินเคียงข้างสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ในฉลองพระองค์สีสันสดใส พร้อมด้วยมงกุฎสีแดงเข้ม เสด็จออกยังแท่นพิธีด้านหน้าพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่กว่า 30 เมตร
ตามด้วยสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ซิงเย วังชุก อดีตกษัตริย์ภูฏาน พระราชบิดา และสมเด็จพระสังฆราช ที่ทยอยเข้าสู่ซับดรุง สถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับการประกอบพิธี ก่อนสมเด็จพระราชาธิ บดีจิกมี ซิงเย วังชุก พระราชทานผ้าพันคอ 5 แถบสีอวยพรแก่เจตซุน
จากนั้นสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมีเสด็จลงจากพระที่ นั่ง ทรงสวมมงกุฎผ้าไหมปักให้แก่พระชายา เพื่อแต่งตั้งเป็นราชินีพระองค์ใหม่แห่งภูฏาน
ขณะทรงร่วมพิธีและหลังเสร็จสิ้นพระราชพิธี ทั้งสองพระองค์อาจมีพระพักตร์ที่ดูนิ่งเรียบเฉย แต่รอยยิ้มและแววพระเนตรหวานที่ทอดให้แก่กัน รวมถึงพระหัตถ์ที่เกาะกุมกันทั้งขณะประทับยืนและขณะทรงพระดำเนินเคียงข้างกัน
เป็นบทพิสูจน์คำพูดของทั้งสองพระองค์นับแต่นี้ต่อไปว่า
"ฉันจะไปกับพระองค์ในทุกๆ ที่"
และ "ข้าพเจ้าจะมีภรรยาเพียงคนเดียว"