ซีเอ็นเอ็นรายงานเมื่อ 19 ต.ค. ว่า กระแสฮิตประกวดขาอ่อนของสาวจีนยุคปัจจุบัน ซึ่งกล้าใส่บิกินีเดินโชว์บนเวที ต่างจากสมัยเมื่อ 20 ปีก่อนอย่างสิ้นเชิงนั้น สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในสังคมจีน และบ่งบอกว่ารัฐบาลคอมมิวนิสต์ยอมรับกระแสวัฒนธรรมดังกล่าวมากขึ้นอีกด้วย
ทุกวันนี้มีประเภทของการประกวดมากมายในจีน มีตั้งแต่เวทีเฟ้นหานางแบบ นางงามเด็ก ไปจนถึงเวทีสาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในจีน รวมถึงมิสไชนีสคอสมอส เป็นเวทีสำหรับสาวงามเชื้อสายจีนที่อาศัยอยู่ในประเทศอื่น หรือแม้แต่ "มิสสาวท้อง" ก็ยังมีการประกวดอีกด้วย
การเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจอีกหนึ่งอย่างคือ กลุ่มสิทธิสตรีในจีนที่ครั้งหนึ่งเคยต่อต้านการเปลี่ยนสภาพผู้หญิงให้กลายเป็นวัตถุทางเพศ ในรูปแบบการแข่งขันประชันความงาม ยอมจำนนกับกระแสดังกล่าวด้วยการแถลงอย่างไม่เต็มใจว่า อย่างน้อยผู้ชนะก็ควรสวยทั้งภายในและภายนอก แต่ไม่ลืมเสริมว่า การประกวดก็ยังคงเป็นการแสดงเพื่อสนองตัณหาของเพศชายอยู่ดี
สำหรับหน่วยงานท้องถิ่นในจีนกลับเห็นว่า ความนิยมในลักษณะนี้ส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นไปตามนโยบายที่รัฐบาลมุ่งเป้าใช้พลังวัฒนธรรมในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจ
ดร.เอ็ดเวิร์ดส์ หลุยส์ ผู้เชี่ยวชาญจีนศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยฮ่องกง อธิบายว่า กระแสความนิยมนี้เริ่มมาตั้งแต่ปี 2523 สตรีจีนเลิกใส่เสื้อสูทแบบประธานเหมา มาใส่บิกินีขึ้นเวที โดยมองว่าเป็นการต่อต้านระบบศักดินาแบบหนึ่ง ซึ่งสาวยุคใหม่ถือเป็นสิทธิโดยชอบธรรมที่จะโชว์ความงามนั่นเอง
"จีนเป็นประเทศที่ต้องการเป็นที่หนึ่งในทุกด้าน ไม่เว้นแม้แต่ตำแหน่งมิสเวิลด์ หรือมิสยูนิเวิร์ส" ดร.เอ็ดเวิร์ดส์ กล่าว ด้านน.ส.หลิว เฉิน มิสเวิลด์ไชน่าปี 2554 วัย 25 ปี กล่าวว่าตนเองโชคดีที่ได้เป็นตัวแทนชาวจีน เพื่อแสดงให้โลกเห็นประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมจีน รวมทั้งความสวยงามด้วย