เกิดจากความสงสัย จึงได้หาคำตอบ...เราใส่กางเกงใน กันทำไม....?
แล้วมันอยู่ข้างใน จะมีหลายรูปแบบ หลากแฟชั่นไปเพื่อ...?
ยิ่งเดี๋ยวนี้เห็นแฟชั่นของสาวๆแล้ว เห้ย!!ไม่ใส่ดีกว่ามั๊ย จิ๋วได้อีก......จุ๊กกกกรู๊วววววว์
พอหาคำตอบจึงได้รู้ ว่ามันมีประโยชน์มาก และควรให้ความสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว แล้วความรู้ที่หามาจะเก็บไว้คนเดียวทำไมเล่า
อัพลงบล๊อกซะเลย
สรรพนามที่เรียกกันทั่วไปว่า กางเกงใน แต่ ที่รู้จักกันทั่วไปก็จะมีชื่อเรียกอื่นๆอีก เช่น...กางเกงลิง เตี่ยว กกน. เป็นต้น ที่มาของคำว่า "กางเกง ลิง"นั้น น่าจะมาจากคำว่า ลิง เจอรี (lingerie) ที่หมายถึง ชุดชั้นในสตรี
ชุดชั้นในของฝรั่งอาจเป็นแบบที่มีทั้งส่วนบนและส่วนล่างต่อเนื่องกัน มีสิ่ง ประดับสวยงาม แต่ด้วยที่บ้านเราเป็นเมืองร้อนจึงมีการตัดบางส่วนออกไปนำมาใช้เพียงส่วนที่ เป็นกางเกงอย่างเดียว ซึ่งคนไทยรับมาจากต่างประเทศพอนำมาใช้ก็เรียกกันสั้น ๆใช้แค่คำหน้าและด้วยลักษณะการสวมเหมือนกับกางเกงจึงเรียกกันเป็นภาษาพูดว่า กางเกงลิง
ในสมัยโบราณผู้หญิงไทยนุ่งโจงกระเบน เข้าใจว่าคงไม่มีการใส่กางเกงชั้นในต่อมาเมื่อรับกระโปรงแบบแหม่มมาสวมจึง เริ่มใช้ชุดชั้นในแบบแหม่มด้วยแต่นิสัยคนไทยชอบพูดย่อๆ จึงเรียกกางเกงชั้นในแบบแหม่มเพียงคำต้นของ "ลิงเจอรี" ว่า "กางเกงลิง" ชุดชั้นในของสตรีในยุค 1940ลองไปค้นดูประวัติของ lingerie ของฝรั่งอ้างว่า กางเกงชั้นใน lingerie นี้ กำเนิดขึ้นมาหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ประมาณ ค.ศ. 1922 สาวๆเริ่มใส่กระโปรงสั้น สวมหมวกตอนกลางคืนก็ออกไปเฉิดฉายในงานเต้นรำคำว่า lingerie นี้ มาจาก ภาษาฝรั่งเศส "lin" ที่หมายถึง linen
ลินิน เริ่มต้นนั้นการใช้ชุดชั้นใน ก็เพื่อความอบอุ่น เพื่อสุขภาพอวัยวะภายในต่อมาเริ่มมีแฟชั่นพัฒนามากขึ้นอีกคำหนึ่งที่ใช้ คือ panties ก็หมายความถึง lingerie เช่นกันเพราะเป็นเสื้อผ้าที่ใส่ข้างใน ที่เรียกว่า under wear สำหรับผู้หญิง panties เริ่มใช้ในยุคที่การปฏิวัติฝรั่งเศสโดย Catherine de Medici ซึ่งเกิดไอเดียที่ต้องการขี่ม้าโดยวิธีการขี่คร่อมเช่นเดียวกับผู้ชายจึง ต้องมีเสื้อผ้าที่จะสามารถปกปิดร่างกายได้มิดชิดโดยไม่ต้องโชว์หวอสู่สายตา ชาวโลกกล่าวสั้น ๆ คือ ที่เรียกว่ากางเกงลิง เพราะเป็นกางเกงที่ไม่มีขา และทับศัพย์ของคำว่า "ลิงเจอรี-lingerie" โดยพูดสั้น ๆ ว่า "ลิง" จึงกลายเป็นคำติดปากว่า กางเกงลิงนั่นเอง ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับลิงสักตัวเลย555+
ย้อนกลับมาใน เรื่องของสุขอนามัยในด้านสุขภาพ ศ.นพ.อภิชาติ จิตต์เจริญภาควิชาสูติศาสตร์-นารีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาล รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ความรู้ว่าการสวมใส่ชุดชั้นในของสตรีหากคับแน่น รัดเกินไป หนาเกินไปแน่นอนว่าย่อมมีผลต่อสุขภาพ เกิดความอับชื้นได้ง่ายทำให้เกิดเชื้อรานอกจากนี้ชุดชั้นในบางชนิดอาจมีสาร สังเคราะห์ เช่น ไนลอนจะทำให้เกิดการแพ้ ระคายเคืองทำให้เกิดผื่นคันหรือทำให้เกิดเชื้อราได้ง่าย ฯลฯ ควรเลือกใช้ชุดชั้นในที่ทำจากผ้าฝ้าย เพราะจะเกิดเชื้อราได้น้อยกว่า...
มาดูประเภทของกางเกงในกันดีกว่า
เริ่มจากของผู้ชายก่อน
กางเกงในแบบขาสั้น (Boxer) เป็นกางเกงในไม่กระชับ ใส่สบาย แต่ไม่สามารถใส่เคลื่อนไหวมากนัก เช่น การออกกำลังกาย เป็นต้น ที่เป็นที่นิยมคนไทยอย่างเราๆได้รับอิทธิพลมาจากชาวตะวันตก ส่วนมากจะมีความยาวครึ่งต้นขา
กางเกงในขาสั้นรัดรูป
ที่ต่างจากแบบแรก ตรงที่ว่ากางเกงในแบบนี้เพิ่มความกระชับให้สะดวกต่อการเคลื่อนไหวมากยิ่ง ขึ้น แต่ไม่ได้โอบอุ้มกุ๊กกู๋ของท่านชายมากนัก
กางเกงในขาสั้นแบบกระชับ (Pouch boxer)
อีก ชนิดหนึ่ง ที่โอบอุ้มกุ๊กกู๋ได้เป็นอย่างดี กางเกงในแบบนี้เราคงเห็นมากันตั้งแต่จำความ ได้ กางเกงในประเภทนี้ในเมืองไทยมีหลายยี่ห้อหลายรูปแบบ แต่ปัจจัยที่จำเป็นต่อการเลือกนั้น คือ คุณภาพของเนื้อผ้า การระคายเคือง และที่สำคัญอย่างเลือกที่กระชับมากจนเกินนัก เพราะอาจจะทำให้น้องกุ๊กกู๋ของคุณเจ็บปวดตาลาลาได้ (- __-") กางเกงในแบบนี้สบายตรงที่เปิดต้นขาสูง เอวต่ำ เพิ่มเสน่ห์ของคุณต่อสาวๆ (อ่ะ..จริงดิ้) รูป แบบนี้ อาจจะมีปัญหากับผู้สวมใส่บางท่าน เพราะขอบยางที่มีเฉพาะกางเกงในแบบนี้ทำให้ผู้สวมใส่บางท่าน เกิดการระคายเคืองเนื่องจากการเสียดสี ระหว่างขอบกางเกงกับเนื้อของท่านชายเมื่อเคลื่อนไหว เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ค่อยมั่นใจในรูปร่างของตัวเอง
สุดท้าย ผู้ชายก็มี จีสตริง นะเอ้อ เซ็กซี่มั๊ยล่ะ 55+ (บรรยายไม่ถูกเลย บอกได้คำเดียวที่ใส่ อารมณ์ล่วนๆ)
มาดูของคุณผู้หญิงกันมั่ง
เราเชื่อว่าหลายคนคงคุ้นตากับกางเกงชั้นในแปลกแหวกแนวนี้ แต่จะมีสักกี่คน ที่คุ้นชินหรือเคยสวมใส่กางเกงชั้นในสไตล์เปรี้ยวปรอทแตกกัน จริงๆ ในยุคที่สาวมั่นใจเกินร้อยดาษดื่นทั่วเมือง กางเกงชั้นในนี่ล่ะ จะเป็นดัชนีบ่งชี้หรือตัววัดดีกรีความเปรี้ยวว่าเปรี้ยว จริงทั้งในและนอก หรือเปรี้ยวหลอกๆอย่าบอกใคร คำเตือน : โปรด ระวัง! ขณะที่คุณสวมใส่ชั้นในดังกล่าว คุณอาจได้รับการทาบทามให้เป็นนางเอกมิวสิควิดีโอเคียงคู่กับ จัสติน ทิมเบอร์เลค โฮ๊ะๆๆๆ
แบบที่สอง (Thong)
คือ กางเกงชั้นในประเภทที่ขอบด้านข้างแคบเรียวเล็ก และปกปิดบั้นท้ายช่วงบนเพียงเล็กน้อย กางเกงชั้นในประเภทนี้ถูกแยก และเรียกชื่อแตกต่างกันออกไปอีกตามรูปแบบการตัด เย็บ เช่น "G-string" ซึ่งเผยให้เห็นบั้นท้ายชัดเจนยิ่งขึ้น ส่วน " T-string หรือ T-back " มีเพียงเส้นสายเป็นรูปตัว T พาดผ่านบั้นท้ายเท่านั้น หลายคนอ้างว่ากางเกงชั้นในสไตล์นี้ดูหวือหวาเกินจะรับได้ แต่รับประกันว่า คุณจะไม่เสียใจที่เลือกใส่กางเกงชั้นในแบบนี้กับกางเกงหรือ ชุดเข้ารูปฟิตเปรี๊ยะ เพราะปราศจากรอยขอบชั้นในมากวนใจ
แบบที่สาม (Boy Shorts)
หาก คุณเน้นความสบายเป็นหลัก กางเกงชั้นในที่ดูคล้ายกางเกงผู้ชาย เป็นอีกทางเลือกนอกเหนือจากบิกินี่ ดีไซน์แนวสปอร์ตนี้คล้ายถุงมือที่กระชับพอดี เหมาะกับทุกกิจกรรมที่ต้องการความคล่องตัว เมื่อใดที่สวมกางเกงยีนหรือกระโปรงสั้น โปรดอย่ามองข้ามกางเกงชั้นในประเภทนี้ เพราะกางเกงที่ยาวคลุมปกปิดบั้นท้ายทั้งหมด ทำให้ไม่ทิ้งร่องรอยขอบกางเกง ชั้นใน จึงช่วยเสริมความมั่นใจและคล่องตัวยิ่งขึ้น ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า กางเกงในแบบนี้สวมสบายมากจนสาวๆเลือกสวมเวลานอน ........อันนี้ จขกท ขอยืนยันว่าจริงค่ะ~~(o__0")แหะๆ
แบบที่สี่ (Full-Coverage)
กวาด สายตาดูให้ดีแล้วคุณจะพบว่าเทรนด์ฮ็อตในช่วงนี้ หนีไม่พ้นกางเกงหรือกระโปรง เอวสูง ดังนั้นกางเกงชั้นในแบบเต็มตัวจึงเป็นอีกทางเลือกที่คุณไม่ควรพลาด โดยเฉพาะสาวเจ้าเนื้อควรสวมกางเกงชั้นในประเภทนี้เพื่อป้องกันภาวะ "ปลิ้นเป็นปล้อง" ที่จะเกิดขึ้น กางเกงชั้นในเต็มตัวส่วนใหญ่ มักมีขอบเอวอยู่ที่ระดับเอวหรือต่ำกว่าเล็กน้อย และด้านหลังจะปกปิดบั้นท้ายได้มิดชิด นอกจากนี้หากตัดเย็บด้วยผ้าใยสังเคราะห์อย่างสแปนเด็กซ์ จะช่วยเก็บหน้าท้องและบั้นท้ายที่หย่อนคล้อย ให้กระชับเข้ารูปมากยิ่งขึ้น
แบบที่ห้า (Bikini)
นับ ว่าเป็นกางเกงชั้นในที่พบเห็นเป็นส่วนมากในตู้เสื้อผ้าของหญิงสาว กางเกงในแบบบิกินี่โดยมากจะเว้าช่วงหน้าขาสูง ที่เรียกว่า (High-cut หรือ French Cut) ขอบกางเกงต่ำกว่าระดับเอว และมีแถบด้านข้างแคบหรือเป็นสายเดี่ยว ซึ่งในบางครั้งเรียกกันว่า String Bikini ส่วนด้านหลังจะปิดคลุมบั้นท้ายได้พอประมาณ ไม่เผยให้เห็นบั้นท้ายมากจนเกินไป จึงเป็นกางเกงในยอดฮิตที่สวมใส่ง่ายและสบาย หากคุณสวมชั้นในที่เบาสบาย เหมาะกับรูปร่าง คุณจะรู้สึกดีไปทั้งวัน