เว็บไซต์เดลิเมล์ เผยแพร่ภาพโบราณวัตถุในอุทยานประวัติศาสตร์และวัดต่างๆ
ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาถูกน้ำท่วมสูงเกินกว่าครึ่งของความสูงของวัตถุเหล่า
นั้น ซึ่งถ่ายโดยนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบโบราณวัตถุและใช้เวลาอยู่ในประเทศไทย
หลายเดือน ภาพเหล่านี้นั้นกลายเป็นสิ่งสะท้อนความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจ
ของประเทศได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ ขณะนี้อุทกภัยที่เกิดขึ้นคร่าชีวิตคนไปกว่า 270 คนแล้ว และมีความเสี่ยงที่น้ำอาจ
ท่วมเข้ามาถึงกรุงเทพฯได้ นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
คนปัจจุบัน กล่าวว่าความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากภัยน้ำท่วมซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่
เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา อยู่ระหว่าง 1.9พันล้านดอลลาร์ – 2.6 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งยังไม่
รวมมูลค่าที่ต้องใช้ในการฟื้นฟูสถานที่ต่างๆอีก
ขณะที่ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และทางกรุงเทพมหานครได้ออกมาเรียกร้องให้
ประชาชนอย่าตื่นตกใจ และช่วยกันฟันฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปให้ได้ ในส่วนห้างสรรพสินค้า
สินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นถูกประชาชนกว้านซื้อจนหมดชั้นวางขาย
นอกจากนี้ วิกฤติน้ำท่วมครั้งนี้ยังทำลายผลผลิตและพื้นที่ทางการเกษตรในภาคเหนือ ส่ง
ผลให้ต้องขึ้นราคาผลผลิตต่างๆ โดยเฉพาะราคาข้าว ทั้งยังรวมถึงความเสียหายของ
อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งเพิ่งได้กู้วิกฤติคืนกลับมาได้หลัง
จากเกิดสึนามิที่ญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมา
เว็บไซต์เดลิเมล์ยังระบุอีกว่าอุทกภัยครั้งนี้ถือว่าหนักหนาที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในรอบหลายทศวรรษ ประชาชนกว่า 8.2 ล้านคนใน 60 จังหวัดทั่วประเทศได้รับผล
กระทบจากน้ำท่วมและดินถล่ม และขณะนี้อีก 30 จังหวัด ยังคงถูกน้ำท่วมอยู่ ซึ่งในช่วง
4 เดือนที่ผ่านมานี้ ประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งจีนและญี่ปุ่น มีประชาชน
กว่าหลายร้อยคนเสียชีวิตจากภัยพิบัติต่างๆ นายเฟรด กิบสัน นักเศรษฐศาสร์ยังกล่าวอีก
ว่า หากว่าน้ำท่วมแผ่ขยายไปถึงเขตอีสเทิร์นซีบอร์ดที่ระยอง จะทำลายเขตอุตสาหกรรม
ของไทยกว่า 2ใน 3
อย่างไรก็ตาม เดลิเมล์ระบุว่า เประเทศไทยเป็นประเทศส่งออกข้าวที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ซึ่งใช้เนื้อที่กว่า 67.5ล้านไร่ และอีกกว่า 1.75ล้านไร่ใช้เพาะพืชอื่นๆ มีแนวโน้มที่จะได้รับ
ความเสียหาย