ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหาข่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา เกิดเหตุกระแสไฟฟ้าช็อต คนขับขี่

รถจักรยานยนต์ เข้าไปในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยา ส่งผลให้มี

ผู้เสียชีวิตจากกระแสไฟฟ้าช็อตทันที ถึง 4 ราย จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณ ประตูบี ซึ่งมี

น้ำท่วมขัง และมีกระแสไฟฟ้ารั่ว เนื่องจากบริเวณภายในโรงงานนั้น กระแสไฟฟ้าถูก

ตัดแล้ว แต่บริเวณไฟส่องสว่างด้านนอก เจ้าหน้าที่การไฟฟ้ายังไม่เข้ามาตัดไฟ

ล่าสุด เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือกู้ศพ โดยการนำรถออฟโรด แล้วใช้เชือกลากศพผู้เสียชีวิต

นำศพออกจากพื้นที่ ส่วนระดับน้ำ ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ ขณะนี้มีปริมาณสูง

รถยนต์เล็ก ไม่สามารถผ่านได้

อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่ตัวเมืองพระนครศรีอยุธยา ก็มีผู้ถูกกระแสไฟฟ้าช็อตเสียชีวิต

อีก 1 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ประสานเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าเข้าทำการตัดกระแสไฟฟ้า

ขณะที่ด้าน นายณรงค์ศักดิ์ กำมเลศ ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ที่ลงพื้นที่

จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อตรวจสอบการจ่ายกระแสไฟฟ้า ภายหลังระดับน้ำท่วมขึ้นสูง โดย

กล่าวถึง กรณีที่มีการตัดไฟในเขตตัวเมือง จ.พระนครศรีอยุธยา ในช่วงเช้าว่า เป็นเพราะ

ระดับน้ำขึ้นสูงในบริเวณเกาะเมือง จนถึงระดับที่ไม่ปลอดภัย ซึ่งบริเวณดังกล่าว ประชาชน

ได้มีการทยอยอพยพออกนอกพื้นที่แล้ว และตนได้ลงพื้นที่ดูจุดที่มีปัญหา ในช่วงบ่าย

ก็ได้ทยอยปล่อยกระแสไฟฟ้า โดยสามารถจ่ายไฟคืนในจุดที่ต้องจ่ายไฟ เช่น

โรงพยาบาล ได้หมดแล้ว จากนี้ก็ต้องพยายามรักษาจุดสำคัญต่อไป แต่จะมีการตัดไฟอีก

หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์น้ำ

นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวต่อว่า การดูแลการจ่ายไฟฟ้าในพื้นที่น้ำท่วมหนัก เช่น จ.ลพบุรี

จ.นครสวรรค์ นั้น ไม่ว่าจังหวัดใด กฟภ.จะดูแลในลักษณะเดียวกัน คือ ใช้วิธีย้ายมิเตอร์ให้

สูงขึ้น เพื่อให้ประชาชน หน่วยงานต่างๆ ยังมีไฟฟ้าใช้อย่างต่อเนื่อง ตรงไหน ที่ไม่

สามารถย้ายมิเตอร์ได้ จึงตัดไฟ และหลังน้ำลดมาดูแลกันอีกที ซึ่งถ้าไม่จำเป็น เราจะไม่

ตัดไฟ ยกเว้นไม่ปลอดภัยจริงๆ เช่น มีน้ำท่วมสูงมาก ซึ่งพื้นที่ที่ถูกตัดไฟจากเหตุน้ำท่วม

ทั่วประเทศมีไม่มาก ถ้ามีพื้นที่ที่มีการตัดไฟนานๆ อาจเป็นพื้นที่ที่น้ำท่วมสูง จนไม่มีคนอยู่

เป็นเวลานาน ซึ่งเมื่อประชาชนกลับเข้าไปอยู่ได้ ก็จะเรียก กฟภ. เข้าไปต่อไฟฟ้า สำหรับ

ความเสียหายของ กฟภ.ครั้งนี้ ยังไม่มีการคำนวณเป็นทางการ คาดว่า น่าจะหลาย

ร้อยล้านบาท