แอ๊ปเปิ้ลออกแถลงการณ์วันนี้ (5 ต.ค.)ว่า นายสตีฟ จ็อบส์ ผู้ก่อตั้งบริษัท และอดีตหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) เสียชีวิตแล้ว ในวัย 56 ปี
แถลงการณ์ จากคณะกรรมการบริหาร ยังกล่าวยกย่องนายจ็อบส์ว่าเป็นผู้ที่มีความเฉลียวฉลาด และเต็มไปด้วยพลัง ซึ่งทำให้เขาเป็นบุคคลที่มีความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา และว่า โลกดีขึ้นอย่างมากเพราะการมีนายจ็อบส์
เอเอฟพี – แอปเปิลประกาศ “สตีฟ จ็อบส์” ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทเสียชีวิตแล้วจากโรคมะเร็งตับอ่อน ด้วยวัย 56 ปี ด้านครอบครัวเผยเขาจากไปอย่างสงบ พร้อมกับขอบคุณผู้ที่ให้กำลังใจในการต่อสู้กับโรคร้ายตลอดหลายปีที่ผ่านมา
“พวกเรารู้สึกเสียใจอย่างยิ่งที่จะประกาศว่า สตีฟ จ็อบส์ เสียชีวิตแล้วในวันนี้” คณะกรรมการบริหารของแอปเปิลระบุในแถลงการณ์
“ความหลักแหลม กระตือรือร้น และพลังงานของสตีฟ เป็นที่มาของนวัตกรรมนับไม่ถ้วน ซึ่งเพิ่มคุณค่า และพัฒนาชีวิตของพวกเราให้ดีขึ้น โลกดีขึ้นอย่างสุดประมาณเพราะสตีฟ” แอปเปิลเสริม
ด้านญาติสนิทของเขาเผยว่า “สตีฟเสียชีวิตอย่างสงบในวันนี้ เคียงข้างครอบครัวของเขา” และว่า “ในชีวิตสาธารณะของเขา สตีฟเป็นที่รู้จักในความช่างคิด แต่ในชีวิตส่วนตัวของเขา เขารักและใส่ใจครอบครัว”
“พวกเรารู้สึกขอบคุณหลายๆ คนที่ร่วมแบ่งปันพรของพวกเขา และผู้สวดมนต์อ้อนวอนให้ในช่วงที่สตีฟล้มป่วยในปีที่แล้ว” ครอบครัวจ็อบส์ระบุ โดยว่าผู้ที่ต้องการแสดงความรำลึกถึงสตีฟ จ็อบส์ สามารถส่งอีเมลไปได้ที่ rememberingsteve@apple.com
การเสียชีวิตของจ็อบส์นั้นเกิดขึ้นเพียง 1 วันหลังจากแอปเปิลเผยโฉมสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ไอโฟน 4s ที่สำนักงานใหญ่ในคูเปอร์ติโน แคลิฟอร์เนีย
ขณะที่หน้าเว็บไซต์แอปเปิลได้ขึ้นภาพขาวดำของจ็อบพร้อมกับข้อความว่า “สตีฟ จ็อบส์ 1955-2011” โดยมีรายงานด้วยว่า ทิม คุก ซีอีโอคนใหม่ของแอปเปิลที่เพิ่งทำการเปิดตัวโทรศัพท์รุ่นใหม่ไอโฟน 4s ไปเมื่อวานนี้ได้เขียนจดหมายถึงพนักงานโดยืนยันว่าจะมีการไว้อาลัยเป็นการ ภายในจากการจากไปของจ็อบส์
“ผมมีข่าวน่าโศกเศร้าอย่างยิ่งที่จะบอกกับพวกคุณ สตีฟได้จากไปในวันนี้ แอปเปิลได้สูญเสียผู้ที่มีวิสัยทัศน์ และอัจฉริยะผู้สร้างสรรค์ ส่วนโลกก็ได้สูญเสียมนุษย์ผู้น่าทึ่ง ผู้ที่โชคดีมีโอกาสได้รู้จักและได้ทำงานกับสตีฟได้สูญเสียเพื่อนรักและที่ ปรึกษาผู้สร้างแรงบันดาลใจ สิ่งที่สตีฟได้ทิ้งไว้ก็คือบริษัทที่มีเพียงเขาเท่านั้นจึงจะสามารถสร้าง ขึ้นมาได้ แต่วิญญาณของเขาจะเป็นนิรันดร์ในฐานะผู้ก่อตั้งแอปเปิล” ทิม คุกระบุในจดหมายถึงพนักงาน
ทิม คุก (Tim Cook) ซีอีโอแอปเปิลส่งอีเมลแจ้งแก่ทีมงานแอปเปิลทั่วโลกว่า สตีฟ จ้อบส์ (Steve Jobs) ผู้ก่อตั้งบริษัทได้เสียชีวิตแล้วเมื่อวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมาตามเวลาในสหรัฐฯ โดยในอีเมลระบุว่า"ไม่มีคำใดที่จะอธิบายถึงความเศร้าของทีมแอปเปิลต่อการจาก ไปของจ็อบส์ได้เพียงพอ"
ในอีเมลของทิม คุกระบุว่าการเสียชีวิตของจ็อบส์ถือเป็นการสูญเสียอัจฉริยะผู้สร้างสรรค์และ มอบวิสัยทัศน์ เช่นเดียวกับโลกที่สูญเสียบุคคลทรงคุณค่า โดยจิตวิญญาณของจ็อบส์จะเป็นรากฐานของแอปเปิลตลอดไป
ทิมระบุว่าจะจัดงานแสดงชีวประวัติของจ็อบส์ในเร็ววันนี้ โดยจะเปิดให้ทีมงานแอปเปิลที่ต้องการเสนอความคิด รวมถึงความทรงจำเกี่ยวกับมือหนึ่งในโลกไอทีผู้ล่วงลับ สามารถส่งอีเมลมาได้ที่ rememberingsteve@apple.com
"เราจะให้เกียรติความทรงจำของจ็อบส์ ด้วยการทุ่มเทแรงกายเพื่อสานต่องานที่เขารักมากที่สุด"
สตีฟ จ็อบส์หรือ "สตีเฟน พอล จ็อบส์" นั้นส่งต่อตำแหน่งซีอีโอให้ทิม คุก เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จ็อบส์เกิดเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 1955 ที่เมืองซานฟรานซิสโก มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เป็นบุตรนอกสมรสของนักศึกษาสาวมหาวิทยาลัย กับศาตราจารย์ทางด้านรัฐศาสตร์ มารดายกเขาให้เป็นบุตรบุญธรรมแก่ครอบครัว “จ็อบส์” ซึ่งมีหัวหน้าครอบครัวเป็นช่างเครื่อง โดยขอสัญญาว่าบุตรชายของเธอจะต้องได้รับการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย
เมื่อโตขึ้นจ็อบส์เข้าศึกษาต่อที่ Reed College ในเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน เพียง 6 เดือนจ็อบส์ตัดสินใจลาพักเรียนเพราะเหตุผลว่าไม่เห็นความน่าสนใจของสิ่งที่ เขาเรียนอยู่
แต่เขาก็กลับเข้าศึกษาใหม่อีก 1 ปีครึ่ง โดยลงเรียนเฉพาะคอร์สที่เขาสนใจ เช่น การประดิษฐ์ตัวอักษร (ซึ่งภายหลังเขาได้นำไปใช้ประโยชน์ในการออกแบบตัวพิมพ์ของคอมพิวเตอร์ Macintosh) หลังจากนั้น เขาหยุดเรียนถาวรและไม่ได้ศึกษาจนจบมหาวิทยาลัย
ไม่ว่าจะปรากฏกาย ณ ที่แห่งใด หรือแม้แต่ในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของแอปเปิล สตีฟ จ็อบส์ จะมาในชุดแต่งกายเรียบง่ายคือเสื้อยืดคอเต่าแขนยาวสีดำ ยี่ห้อ St.Croix กางเกงยีนส์ลีวายส์ รุ่น 501 และสวมรองเท้ากีฬายี่ห้อ New Balance รุ่น 992 เป็นประจำจนกลายเป็นเอกลักษณ์
ผู้ก่อตั้งบริษัท Apple Inc. และผู้บริหารระดับสูงของค่ายพิกซาร์ แอนิเมชัน สตูดิโอ (Pixar Animation Studios) อย่างจ็อบส์นั้นนับถือพุทธศาสนานิกายเซนอย่างเปิดเผย ตามประวัติระบุว่าจ็อบส์เป็นผู้ที่สนใจอ่านวรรณกรรมทางพุทธศาสนาหลายเล่ม และหนังสือที่มีอิทธิพลสูงสุดกับเขาคือ Zen Mind, Beginner’s Mind ซึ่งเขียนโดยชุนริว ซูซุกิ กล่าวกันว่า หลังการศึกษาหลักธรรมของเซน จ็อบส์เริ่มมีความเชื่อว่า การหยั่งรู้โดยสัญชาตญาณนั้น ก่อให้เกิดปัญญา เขาจึงเริ่มฝึกสมาธิในห้องนอนแคบๆ ที่แชร์ร่วมกับ “แดเนียล คอตคี” เพื่อนสนิท ท่ามกลางกลิ่นธูป
ปี 1974 จ็อบส์ในวัย 19 ปีได้ขอลาพักงานประจำที่ทำอยู่ในบริษัทเครื่องเล่นวิดีโอเกมส์ Atari เพื่อเดินทางไปอินเดีย เป็นเวลา 1 เดือน พร้อมกับเพื่อนรัก “แดเนียล คอตคี” เพื่อแสวงหาคำตอบเกี่ยวกับการรู้แจ้งเห็นจริงด้านจิตวิญญาณ และเมื่อเดินทางกลับสหรัฐฯ อีกครั้งหนึ่ง เขากลายเป็นพุทธศาสนิกชน สวมเสื้อผ้าแบบอินเดียโบราณและโกนศีรษะ หลังจากนั้น จึงเริ่มฝึกการบำบัดแบบกรีดร้องดังๆ และรับประทานผลไม้เป็นอาหาร และผลไม้ที่เขาโปรดปรานเป็นพิเศษก็คือ แอปเปิล
ปี 1976 ขณะอายุ 21 ปี จ็อบส์ได้เข้าทำงานกับบริษัทฮิวเลตต์-แพคการ์ด และเริ่มต้นศึกษาพุทธศาสนานิกายเซนอย่างจริงจังกับ “โกบุน ชิโนะ โอโตโกวะ” พระอาจารย์ชาวญี่ปุ่น ที่ศูนย์เซน ลอส อัลทอส (ซึ่งภายหลัง เมื่อจ็อบส์เข้าพิธีแต่งงานแบบเซน กับ “ลอรีน เพาเวล” ในวันที่ 18 มีนาคม 1991 พระอาจารย์โอโตโกวะได้มาเป็นประธานในพิธี)
ในปีเดียวกัน จ็อบส์และเพื่อนสมัยเรียน “สตีฟ วอซเนียก” ได้ร่วมกันก่อตั้งแอปเปิลขึ้นที่โรงรถในบ้านของจ็อบส์ เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่จ็อบส์กับวอซเนียกได้นำเสนอออกสู่สายตา ได้แก่เครื่อง Apple I และเพียง 10 ปีให้หลัง Apple ก็เติบโตจากคนเพียง 2 คนกลายเป็นบริษัทใหญ่โตที่มีมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ และพนักงานมากกว่า 4,000 คน
หนึ่งในมรสุมชีวิตของจ็อบส์เกิดขึ้นเมื่อจ็อบส์อายุ 30 ปี หลังจากเพิ่งเปิดตัว Macintosh เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ดีที่สุดของตัวเองได้ปีเดียว เขาถูกไล่ออกจากบริษัทที่ตนเองเป็นผู้ก่อตั้ง หลังจากทะเลาะกับผู้บริหาร และกรรมการบริษัทก็เข้าข้างผู้บริหารคนนั้น ครั้งนั้นจ็อบส์กล่าวว่า เขาได้สูญเสียสิ่งที่ได้ทำมาตลอดชีวิตไปในพริบตา ถึงกับคิดจะออกจากวงการคอมพิวเตอร์ไปชั่วชีวิต โดนไม่ได้ทำงานเป็นชิ้นเป็นอันหลังจากนั้นอีกหลายเดือน
แต่จ็อบส์ก็ค้นพบว่า ตัวเองยังคงรักในสิ่งที่ตัวเองเคยทำมา และความล้มเหลวที่แอปเปิลไม่อาจเปลี่ยนแปลงความรักที่เขามีต่องานด้านไอที จ็อบส์จึงตัดสินใจเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด โดยเริ่มตั้งบริษัทใหม่ชื่อ NeXT และลงทุนใน Pixar ซึ่งขณะนี้เป็นสตูดิโอผลิตการ์ตูนแอนิเมชันที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดใน โลกอย่าง Toy Story ไม่นาน แอปเปิลตัดสินใจซื้อบริษัท NeXT เพื่อทำให้จ็อบส์ได้กลับคืนสู่แอปเปิลอีกครั้ง ทำให้เทคโนโลยีที่เขาคิดค้นขึ้นที่ NeXT กลายเป็นหัวใจในยุคฟื้นฟูของแอปเปิล
กลางปี 2004 จ็อบส์ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งตับอ่อนชนิดพิเศษที่พบเพียงแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วย ซึ่งรักษาได้ด้วยการผ่าตัด ในปี 2009 จ็อบส์เข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายตับที่เมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซี่ และกลับไปทำงานที่แอปเปิลอีกครั้ง หลังลาหยุดเป็นเวลา 6 เดือน ก่อนจะลางานรักษาตัวอีกครั้งช่วงเดือนมกราคม 2011 ที่ผ่านมา และลาออกจากตำแหน่งซีอีโอแอปเปิลในเดือนสิงหาคม ก่อนจะเสียชีวิตในเดือนตุลาคม 54 รวมวัย 56 ปี
ขณะนี้ โลกออนไลน์ทั้งเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์เต็มไปด้วยข้อความอาลัย รวมถึงยกย่องว่าผลงานของสตีฟ จ็อบส์โดยเฉพาะการสร้างสรรค์นวัตกรรมไอทีทั้งไอโฟน ไอแพด ไอพ็อด คอมพิวเตอร์แมคอินทอช รวมถึงหลากแนวคิดด้านการทำงาน จะเป็นแรงบัลดาลใจในการใช้ชีวิตให้ทุกคนทั่วโลกโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ ข่าวกรุงเทพธุรกิจ
คนที่รวยสุดๆไม่ว่าขนาดไหนก็ตาม ..อย่าง Steve Jobs เป็นต้น ...เมื่อจากไป ก็เอาอะไรไปกับตัวไม่ได้เลย ... สิ่งที่ทิ้งไว้คือ ผลงานสร้างสรรค์ และ ตำนาน ที่ทิ้งไว้กับโลกนี้ต่างหาก ..." -- บางครั้งเราวิ่งหาเงิน จนเราลืมไปว่า เงินเป็นเพียง สิ่งที่สุดท้ายจะเปลี่ยนเป็นสิ่งของ ซึ่งจะให้เราได้ในรูปของการ ครอบครองชั่วคราว ..เพราะสุดท้ายสิ่งของต่างๆ ก็คือ ขยะ ..หรือ ไม่เช่นนั้น เราก็จากไปก่อนที่สิ่งนั้นๆจะเปลี่ยนเป็นขยะในวันหนึ่ง -- สิ่งที่ยิ่งใหญ่ ในการมีชีวิต คือ เราได้สร้างประโยชน์ให้ผู้อื่นมากเท่าไหร่ต่างหาก
...หลัก การที่ยิ่งใหญ่ของความสำเร็จในยุคนี้ ก็คือ "เมตตา" ยิ่งคุณให้ผู้อื่นมากเท่าไหร่ และสิ่งนั้นมีประโยชน์ต่อคนอื่นมากเท่าไหร่ ...คุณก็จะได้กลับมาแบบไร้รู้จบ !! "ยิ่งให้ ยิ่งได้