ชีวิตที่สุขสบายและแสงสีเสียงในเมืองคงทำให้ใครหลาย ๆ คนอาจจะลืมตัวใช้ชีวิตอย่างไร้สาระ
และใช้จ่ายฟุ่มเฟือยไปวัน ๆ โดยไม่ได้คิดว่า ในมุมเล็ก ๆ มุมหนึ่งในสังคมก็ยังคงมีอีกหลายชีวิต
ที่ต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อประทังชีวิต รอดอย่างยากลำบาก
และนั่นรวมถึง "บิลลี่" หรือ ยุทธนา นาสวนบริสุทธิ์ วัย 16 ปี หนุ่มน้อยชาวกะเหรี่ยง
ในชุมชนคลิตี้ล่าง อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ที่ ไม่เพียงแต่ไร้ซึ่งโอกาสในการศึกษาเล่า
เรียน อีกทั้งยังต้องทำงานหาเลี้ยงครอบครัวด้วยความขยันขัน แข็งอย่างไม่รู้จัก
เหน็ดเหนื่อยเพื่อดูแลอีก 3 ชีวิตในครอบครัวซึ่งประกอบไปด้วยยาย แม่ และน้อง
ความฝันในการศึกษาเล่าเรียนของบิลลี่มีอันต้องสะดุดลง หลังจากที่เขาต้องออกจาก
โรงเรียนเมื่อ 2 ปีก่อน เพื่อเป็นเสาหลักให้กับครอบครัว หลังจากที่ มะอ่องเส่ง นาสวน
บริสุทธิ์ แม่ของเขาตาบอด ยายก็มีอาการเจ็บป่วย เนื่องจากทั้งสองมีสารพิษสะสมในร่างกาย
ในปริมาณสูง ซึ่ง ไม่เพียงแต่ครอบครัวของบิลลี่เท่านั้นที่ได้รับผลกระ ทบทางร่างกายจาก
สาร ตะกั่วปนเปื้อน แต่ทั้งหมู่บ้านคลิตี้ล่างต่างก็ได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า
ย้อนกลับไปในสมัยก่อน ในหมู่บ้านคลิตี้ล่างแห่งนี้ ชาวบ้านมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย พออยู่พอกิน
และที่สำคัญชาวบ้านก็มีวิถีชีวิตที่ผูกพันอยู่กับสาย น้ำอย่างแนบแน่นร่วม 100 ปี ไม่ว่าจะใช้น้ำ
บริโภค จับปลา ซักผ้า แต่หลังจากที่โรงแต่งแร่ได้เข้ามาก็ได้ทำลายวิถีชีวิตของชาวบ้านไปโดย
สิ้น เชิง เพราะไม่เพียงแต่ชาวบ้านจะล้มตายและเจ็บป่วยด้วยโรคประหลาด ซึ่งแต่ ละคนมี
อาการคล้ายกัน คือ ปวดท้อง ปวดหัว ปวดกระดูก เจ็บข้อ ชาตามร่างกาย ขณะที่เด็กเกิด
ใหม่หลายคนมีพัฒนาการช้ากว่าปกติ อีกทั้งชาวบ้านยังไม่สามารถใช้น้ำแห่งนี้ได้
เหมือนเคยอีกต่อไป
แม้ในปี พ.ศ.2541 กระบวนการทางศาลจะผ่านศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ ซึ่งมีผลให้โรงแต่งแร่ถูก
สั่งปิดไปเป็นที่เรียบร้อยแ ล้ว แต่การเรียกร้องให้บริษัทเจ้าของเหมือง แสดงความรับผิดชอบ
ด้วยการจ่ายเงินค่าชดเชยให้ชาวบ้าน และเร่งฟื้นฟูลำห้วย กลับไม่ได้รับการตอบสนองแต่อย่าง
ใด ทั้งนี้ จากผลกระทบดังกล่าวไม่เพียงแต่ ทำให้แม่ของบิลลี่ตาบอดเท่านั้น แต่มันยังทิ้งภาระ
การดูแลครอบครัวอันหนักอึ้งให้กับเขาอีกด้วย โดยทุก ๆ วัน เขาต้อง ตื่นเช้าหุงหาอาหาร
หุงข้าว ตำกับพริก ให้กับคนในครอบครัวกิน รวมถึงหาเลี้ยงครอบครัว โดยการรับจ้างทำนา ซึ่ง
ต้องเดินทางไปไกลถึง 9 กิโลเมตร ข้ามภูเขา และป่าดงดิบ แม้ทางจะไกลและยากลำบากสักแค่
ไหน แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคที่ทำใ ห้บิลลี่ย่อท้อเลยแม้แต่น้อย เพราะเขาระลึกเสมอว่า การทำนา
เป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้ครอบครัวของเขามีข้าว กินในปีต่อไป
อย่างไรก็ตาม การทำนาก็ใช่ว่าจะได้ผลดีในทุกครั้งไป ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับสภาพดินฟ้าอากาศ
ดังนั้น บางปีบิลลี่ก็มีข้าวไม่พอกิน แต่ด้วยความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของคนในหมู่บ้าน ให้เขา
สามารถหยิบยืม ข้าวมาก่อนได้ และค่อยนำมาใช้คืนในปีถัดไป
ดังนั้น แม้บิลลี่จะต้องรับภาระดูแลทุกคนในครอบครัวอย่างเหน็ ดเหนื่อย แต่ด้วยความรัก
ในครอบครัว ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และความสัมพันธ์แบบพึ่งพาอาศัยกันในหมู่บ้านแห่งนี้
ก็สามารถทำให้ครอบครัวของเขาดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมี ความสุขเช่นกัน
มะอ่องเส่ง นาสวนบริสุทธิ์ แม่ของบิลลี่