เมื่อขงเบ้งสอนเล่าปี่เกี่ยวกับเทคนิคการบริหารเวลา
ทุกวันทุกคนบนโลกใบนี้มีเวลาเท่าเทียมกัน คือ 24 ชม.
อย่างไรก็ดี มองจากแง่มุมของเศรษฐศาสตร์เวลาของทุกคนมีคุณค่าไม่เท่ากัน
การบริหารเวลาของแต่ละคนจึงหมายถึงความแตกต่างระหว่างความสำเร็จกับความพ่ายแพ้
คำของเวลาเกี่ยวข้องกับสมรรถภาพ ซึ่งในแง่ธุรกิจ คือ ต้นทุน
ฉะนั้นสถาบันศึกษาทุกแห่งที่สอนวิชาการบริหารธุรกิจจึงมีหลักสูตรเกี่ยวกับการบริหารเวลา
ครั้งหนึ่ง เล่าปี่ ขอขงเบ้งให้แนะนำวิธีสร้างตนเป็นอภิมหาเศรษฐีแห่งดินแดน
ขงเบ้ง ว่างานใหญ่เช่นนี้ต้องวางแผนและรู้จักบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ
เล่าปี่ กล่าวว่า ข้าเห็นด้วยในหลักการ แต่ทว่าข้าฯ มีงานมากมายที่ต้องทำทุกวัน
จนเวียนเกล้าเวียนศีรษะ ไม่เคยมีเวลาพอที่จะจัดการกับทุกสิ่งทุกอย่างได้เลย
ขงเบ้ง บอกให้ลุกน้องไปเตรียมก้อนหิน ก้อนกรวด ก้อนทรายและน้ำจำนวนหนึ่ง
พร้อมถังเหล็กใหญ่หนึ่งใบ
เล่าปี่ถามด้วยความแปลกใจ ท่านเตรียมสิ่งเหล่านี้ไว้เพื่ออะไร?
ขงเบ้งยิ้มอย่างมีเลศนัย พร้อมกับตอบด้วยคำถามว่า " ท่านบริหารเวลาด้วยวิธีใด? "
เล่าปี่ตอบว่า
" ข้าฯเคยคิดว่า ข้าฯมีเทคนิคที่ดีอยู่แล้ว คือใช้วิธีมอบหมาย ข้าฯมีผู้ช่วยอยู่รอบด้าน
ตั้งแต่ กวนอู เตียวหุย เจ้าหยุน ฯลฯ ซึ่งช่วยแบ่งเบาภาระหน้าที่ด้านต่าง ๆ แต่งาน
ทั้งหลายก็ยังพันกันอีรุงตุงนัง ไม่สามารถปรับให้ประสิทธิ์ภาพและประสิทธิ์ผลดีขึ้นได้
เดิมข้าฯ คิดว่า คือ แมลงวันไม่มีหัวอยู่ตัวเดียว แต่หลังการใช้ระบบมอบหมายงาน กลับ
กลายเป็นว่าปัจจุบันบริษัทมีแมลงวันหัวขาดเป็นฝูง "
ขงเบ้งฟังแล้วจึงเริ่มอธิบายว่า
" เทคนิคการบริหารเวลาสามารถแบ่งเป็นสามขั้น สูง กลาง และต่ำ
ขั้นต่ำ เน้นการใช้เศษกระดาษบันทึก
ขั้นกลาง ใช้ตารางและโปรแกรมประจำวันซึ่งสะท้อนความสำคัญของการวางแผน
ส่วนขั้นสูง เน้นการจัดการโดยแบ่งแยกประเภทของหน้าที่การงาน
ตามดีกรีควรเน้นการใช้แผนดำเนินงาน ตามสำคัญของงานเพื่อ
พิจารณาลำดับความเร่งด่วนในการจัดการ งานดังกล่าว
ทั้งสามขั้นอันดับ ต่างมีเรื่องการมอบหมายงานเกี่ยวข้องอยู่ด้วยตาม
ความต้องการของปริมาณและลักษณะเฉพาะของงานแต่ละชิ้น "
เล่าปี่สารภาพว่า
" หากพิจารณาตามการแบ่งขั้นของเทคนิคการบริหารเวลาแล้ว ข้าฯ
ยอมรับว่าวิธีของข้าฯ อยู่ที่ขั้นต่ำ เพราะใช้แค่การส่งใบ Slip บันทึก "
ขงเบ้งชี้ไปที่ถังเหล็กกับกองวัสดุที่ผู้ช่วยได้เตรียมเสร็จ ไว้มุมห้องพร้อมกล่าวว่า
" คำตอบของการบริหารขั้นสูงอยู่ในถังเหล็กใบใหญ่นี้แหละ!
ความจุของถังนี้เปรียบเสมือนขีดความสามารถของคนๆ หนึ่งในช่วงเวลา
หนึ่ง ก้อนกรวด เปรียบได้กับงานที่สำคัญและเร่งด่วน ก้อนหิน คือ
ภาระที่สำคัญแต่ไม่เร่งด่วน เม็ดทรายเปรียบได้กับภาระที่เร่งด่วนแต่ไม่
สำคัญ และน้ำ คือหน้าที่ที่ไม่สำคัญและไม่เร่งด่วน "
ขงเบ้งอธิบายพรางวาดผังประกอบคำอธิบาย ดังในตารางประกอบ
‘ ปกติท่านเน้นงานประเภทใด? ‘ ขงเบ้งถาม ‘ ก็ต้องเป็นประเภท ‘ ก.‘ เล่าปี่ตอบอย่างไม่ลังเล
‘ แล้วงานประเภท ข. ล่ะ? ‘ ขงเบ้งถามต่อไป
เล่าปี่ตอบว่า
‘ ข้าฯตระหนักถึงความสำคัญของงานประเภท ข. แต่ก็ไม่มีเวลาพอที่สนใจมัน ‘ ‘ เป็นอย่างนี้ใช่ไหม
‘ ขงเบ้งถาม พรางใส่กรวดลงไปในถังเหล็กจนเต็ม
แล้วพยายามใส่ก้อนหินเข้าไปซึ่งใส่ไม่ได้ เล่าปี่ตอบว่า ‘ ใช่ ! ‘ ‘ และหากเปลี่ยนวิธีบรรจุใหม่ล่ะ? ‘ ขงเบ้งถามต่อ
พลางใส่ก้อนหินทีละก้อนเข้าไปในถังก่อนจนใส่ไม่ได้แล้ว
จึงถามเล่าปี่อีกว่า ‘ ตอนนี้ถังเหล็กเต็มแล้วจะใส่อะไรลงไปอีกไม่ได้ใช่ไหม?
‘ ซึ่งเล่าปี่ตอบว่า ‘ ใช่ ‘ ‘ จริงหรือ? ‘
ขงเบ้งถามแล้วหยิบก้อนกรวดใส่เข้าไปข้างบนถังแล้วเขย่า
ให้ก้อนกรวดตกลงไปในถังจนหมด
‘ บัดนี้ถังเหล็กใบนี้ใส่อะไรลงไปอีกได้หรือไม่? ‘
ขงเบ้งพูดพรางเทเม็ดทรายลงไปอีก
จนหมด ‘ แล้วทีนี้ละ? ใส่อะไรลงไปอีกได้ไหม? ‘
ขงเบ้งถามต่อไป
แต่ก่อนที่เล่าปี่มีโอกาสตอบ ขงเบ้งก็ตักน้ำที่เตรียมไว้ใส่ลงไปในถังเหล็กอีกจนหมด
‘ ตอนนี้ท่านเข้าใจความหมายของการทดลองนี้แล้วหรือยัง? ‘
เล่าปี่ตอบว่า ‘ เข้าใจแล้ว ‘
พร้อมกับถามต่อว่า ‘ นี่คือสิ่งที่ท่านกล่าวถึงเมื่อสักครู่เกี่ยวกับการจัดการแบบแยกประเภท และเลือกการจัดการก่อนหลังใช่ไหม?
‘ ขงเบ้งตอบว่า
‘ ใช่แล้ว การทดลองชี้ให้เห็นว่าหากถังเหล็กตั้งแต่แรกก็เติมเต็มไปด้วยก้อนกรวด ทราย และน้ำ ก็คงไม่มีโอกาสใส่ก้อนหินลงไปได้ แต่ถ้าใส่ก้อนหินลงไปก่อนในถังยังมีเนื้อที่ที่จะใส่สิ่งอื่นๆ เข้าไปได้อีก ดังนั้น การบริหารเวลาที่ได้ผลต้องดูว่า อะไรคือก้อนหิน อะไรคือก้อนกรวด เม็ดทราย และน้ำฯลฯ และไม่ว่าจะเป็นประการใดก็ต้องใส่ก้อนหินลงไปในถังเป็นอันดับแรก ‘
เล่าปี่ยังถามว่า ‘ แล้วการวิเคราะห์แยกแยะเรื่องต่างๆ ออกเป็นสี่หมวดนี้มีผลอย่างไรล่ะ? ‘ ขงเบ้งตอบว่า
‘ บุคคลจำพวกที่ว้าวุ่นอยู่กับเรื่องราวประเภทก้อนกรวด ย่อมมีความรู้สึกถูกเวลากดดันและวนเวียนอยู่ในแดนวิกฤตจนอ่อนล้า พวกที่เน้นเรื่องประเภทเม็ดทรายจะขาดพลังสร้างสรรค์ ชอบฟังคำพูดเพราะหู คบคนแบบผิวเผิน พวกที่นิยมเรื่องราวประเภทน้ำมักบกพร่องเรื่องสำนึกรับผิดชอบ แม้กระทั่งเรื่องสารทุกข์สุกดิบของตนเอง ‘
เล่าปี่ถามว่า ‘ เป็นไปได้ไหมที่ว่าถ้าเน้นก้อนหินมากเกินไปจะมองข้ามก้อนกรวด เพราะก้อนกรวดมากับความเร่งด่วน? ‘
ขงเบ้งตอบ
‘ ท่านทราบไหมว่าก้อนกรวดมาจากไหน? ก็มาจากก้อนหินที่แตกสลายไง! ‘ และเสริมว่า
‘ คนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องประเภทก้อนหินจะมีก้อนกรวดน้อย คนที่เน้นก้อนกรวดก็จะมีก้อนกรวดเยอะตลอด
‘ ขงเบ้งสอนต่อไปว่า
‘ คนที่อิงเรื่องประเภทก้อนหินเป็นคนมีประสิทธิภาพเพราะเขาจะเก่งในการ วิเคราะห์สถานการณ์ เวลา และสิ่งแวดล้อม สามารถจับประเด็นหลักของปัญหา สามารถจัดการกับเรื่องเร่งด่วน และควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เกินกว่าเหตุ กล้าฟันธงและใช้มาตรการป้องปราม บุคคลจำพวกนี้จะมีวิสัยทัศน์ มีอุดมการณ์ เคารพระเบียบ สามารถควบคุมตัวเอง ดำเนินชีวิตอย่างมีวินัย และสามารถทำงานชิ้นใหญ่ได้ ‘
เล่าปี่ชื่นชอบทฤษฎี ‘ วัตถุในถัง ‘ ของขงเบ้งเป็นอย่างมาก พร้อมกับสารภาพว่า ‘ มาวันนี้ข้าฯถึงเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่า การต่อสู้ของข้าฯทำไมจึงยังลุ่มๆ ดอนๆ เพราะแม้ว่าข้าฯมีขุนพลเก่งๆ เช่น กวนอูและเตียวหุย แต่พวกเขาจะก้าวหน้าได้อย่างไรตราบใดที่คนที่มีประสิทธิภาพสูงอย่างพวกเขาจม ปลักอยู่กับเรื่องจิ๊บจ๊อย กับทำงานลักษณะ ‘ เก็บเม็ดงาแต่ทิ้งแตงโม ‘ (เจี่ยนเลอจือหมาติวเลอซีกวา) ขืนดำเนินตามวิธีนี้ต่อไป ความพยายามของข้าฯที่จะเป็นอภิมหาเศรษฐีนัมเบอร์วันในแผ่นดินก็คงเป็นได้แค่ ความฝัน ! ‘