10 โรคประหลาดที่เราไม่เคยเห็น แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว

โรคต่อไปนี้เป็นโรคที่แปลกประหลาด และค่อนข้างหายาก มีโอกาสเกิดขึ้น

น้อย เพราะส่วนใหญ่แล้วเป็นโรคทางพันธุกรรม แต่กระนั้นเมื่อมันเกิดแล้ว

มันก็ได้สร้างความสยดสยองแก่ผู้ป่วยและผู้พบเห็นโดยไม่รู้ลืม และเนื่องด้วย

เป็นโรคหายากทำให้เราไม่เคยเห็นโรคเหล่านี้มาก่อนในชีวิต ต้องครอบคุณอิน

แตอร์เน็ตและเว็บต้นแบบที่ทำให้เราได้เปิดตาว่าโลกเรานี้มีหลายเรื่องที่เราคิด

ไม่ถึง

    (คำเตือน รูปภาพหลายรูป และเนื้อหาสาระอาจทำให้คนอ่านสะอิดสะเอียนและอาจส่งผลต่อการเจริญอาหารหรือสภาพจิตใจได้ ดังนั้นอ่านไปเถอะอย่าคิดมาก เอาไปให้คนอื่นอ่านก็ดี)

 

    โรคที่ 10 Diprosopus

   

    คลิป http://www.youtube.com/watch?v=ktpzcHZb74U

    น่าแปลกโรคนี้ผมไปหาเว็บไทยไม่เจอสักเว็บ อาการผิดปกติหายากนี้บางครั้งก็เรียกว่า(Craniofacial duplication)หรืออาการสองหน้าซ้อนเหมือนอัดสำเนาซ้ำ ซึ่งเป็นภาวะฝาแฝดหน้าติดกันโดยไม่สามารถแยกออกได้ ส่วนมากคลอดออกมาแล้วตาย(ภาพที่เห็นเป็นคนป่วยที่ชื่อ Lali Singh เกิดในปี 2008 ก่อนที่จะตายด้วยโรคหัวใจในไม่กี่เดือนต่อมา) ส่วนสาเหตุของมันยังเป็นที่ถกเถียงแต่คาดว่าน่าจะมาจากโปรตีนที่เรียกว่า Sonic Homolog นอกจากเกิดในคนแล้วยังเกิดกับสัตว์ด้วย(บ้านเรา เช่นวัวสองหน้า เกิดมาแล้วขอหวย)

   

    เห็นภาพนึกถึงอาการผิดปกติ Craniopagus Parasiticus หรือเด็กสองหัวแห่งเบงกอล(Two Heabed Boy of Bengal)  เป็นกรณีที่หายาก ในวงการแพทย์เคยมีกรณีแบบนี้มาแล้วประมาณ 9 รายจากที่ผ่านมา(อัตราการเกิด 9% ของแฝดปกติ ซึ่งคิดเป็น 0.6 ล้านของเด็กเกิดใหม่) โดยศีรษะของฝาแฝดหนึ่งจะติดกันอยู่โดยเอากระหม่อมชนกัน ศีรษะส่วนเกินนั้นไม่สมบูรณ์ ทั้งตา หู และริมฝีปาก โดยมาสิ้นสุดประมาณบริเวณลำคอ มีกริยาอาการอันเป็นอิสระบางประการ เช่นหนังตาขยับ ตอบสนองการสัมผัสโดยตรงด้วยการถูกหยิกที่แก้ม และที่สำคัญคนที่เป็นส่วนมากมักตายตั้งแต่เกิด หรือไม่กี่เดือนต่อมา ยกเว้นกรณีเด็กสองหัวแห่งเบงกอล  ที่เกิดเมื่อปี 1783 และมีชีวิตอยู่ได้ถึง 4 ปี ก่อนที่จะมาตายเพราะงูเห่ากัด

 

    โรคที่ 9 Fetus In Fetu

   

    คลิป http://www.youtube.com/watch?v=u_C74c0DzHw

    ภาพด้านบนที่เห็นนั้นเป็นรูปชายที่ชื่อ Sanju Bhagat จากประเทศอินเดีย เขาอายุ 36 ปี เขามีอาการอาการผิดปกติคือมีตัวอ่อนในครรภ์ เขาท้องเพราะ มีฝาแฝดอยู่ในข้างในครรภ์ของเขา หากแต่ฝาแฝดนี้ไม่ใช้ทารกในระยะฟีตัสธรรมดา แต่เป็นทารกในสถาวะปรสิตที่มีรูปร่างผิดปกติคือ มีกระดูก ฟัน ไขมัน กล้ามเนื้อ เส้นผมดวงตา แต่ไม่มีสมอง และสายสะดือ

   

    อาการที่ว่านั้นเกิดจาก กระบวนการเกิดฝาแฝดนั้นเป็นเช่นเดียวกับกระบวนการเกิดฝาแฝดทั่วไป เพียงแต่ในช่วงเดือนแรกการตั้งครรภ์ ตัวอ่อนที่เป็นปรสิตนั้นมีการเจริญเติบโตในมดลูกแต่ไม่แยกตัวออกมาจากคู่เอ็มบริโอ (เพื่อให้ได้เป็นทารกฝาแฝด 2 คน) แต่เอ็มบริโอปรสิตกลับหยุดการเจริญเติบโตลง แล้วหลบเข้าไปอยู่ในช่องท้องของเอ็มบริโอเด็กหญิงผ่านทางสายสะดือในขณะที่ทั้งคู่ยังอยู่ในครรภ์มารดา เมื่อเด็กหญิงคลอดออกมา ตัวอ่อนปรสิตจึงค่อยๆเติบโตขึ้นในช่องท้องด้านขวาของเด็กหญิงอย่างช้าๆ และบวมขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก ประมาณ 1 ใน 500,000 ซึ่งพบได้ไม่บ่อยนัก มีรายงานว่าฝาแฝดในลักษณะนี้มีประมาณ 90 รายทั่วโลก

 

    โรคที่ 8 Proteus Syndrome

   

    คลิป http://www.youtube.com/watch?v=rlv4mdCdaM4

    ภาพด้านบนคือมนุษย์ช้าง หรือโจเซฟ เมอร์ริค(Joseph Merrick) ผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง เขาเป็นโรค Proteus Syndrome ทำให้ที่ใบหน้าเขาบิดเบี้ยวพิกลพิการตั้งแต่เกิดตั้งแต่เกิด โรคนี้เป็นสาเหตุทำให้การเจริญเติบโตกระดูกมากเกินปกติ และทำให้เจริญเติบโตของผิวหนังมีมากเกินไป ทำให้เกิดเนื้องอกจำนวนมากมายหลายแห่ง โรคนี้ถูกพบเป็นทางการในปี 1979 มีรายงานพบผู้ป่วยเป็นโรคนี้ 200 ราย  แม้โรคนี้จะทำให้สภาพร่างกายผิดปกติ แต่กระนั้นสมองก็ยังทำงานเป็นปกติและฉลาดเหมือนคนทั่วๆ ไป

 

    โรคที่ 7 Möbius syndrome

   

    คลิป http://www.youtube.com/watch?v=3FJPvBcMNAE

    โมบิอุส ดาวน์ซินโดรม โรคนี้ชื่อแปลกดี  เพราะคำว่าโมบิอุสแปลว่าแถบปริศนาที่ไม่สามารถแบ่งด้านนอกและด้านในได้ซึ่งเป็นรู้จักกันดีในวงการคณิตศาสตร์(ใครอ่านการ์ตูนเรื่องเอย์จิคงรู้จัก) และคำว่าโมบิอุสยังถูกนำมาตั้งเป็นชื่อโรคด้วย อยู่ในจำพวกดาวน์ซินโดรมซึ่งเป็นโรคพันธุกรรมที่หายาก ที่แปลกของโรคคือทำให้กล้ามเนื้อเกี่ยวกับหน้าเป็นอัมพาตไม่สามารถแสดงสีหน้าใดๆ ได้ นอกจากนั้นยังไม่สามารถปิดเปลือกตาหรือเคลื่อนย้ายลูกตาจากอีกด้านไปอีกด้านได้ จะกินอาหารจะดูดนมก็ลำบาก นอกเหนือจากนั้นก็เป็นอาการของดาวน์ซินโดรมปกติคือ แขนขาเล็กเติบโตผิดปกติ หน้าตาดูแปลกไปจากปกติคือคางเล็ก  มีปัญหาลำสักทำให้เป็นโรคปอดเรื้อรัง และที่สำคัญไม่สามารถรักษาหายขาดได้

 

    โรคที่ 6 Hutchinson-Gilford syndrome

   

    http://www.youtube.com/watch?v=E0_KTh4fC10

    อยู่ในกลุ่มโรค Progeria หรือโรควัยชราในเด็ก โรคนี้เป็นโรคทางพันธุ์กรรมที่หาได้ยากยิ่ง เพราะโอกาสเด็กที่เป็นโรคนี้มีเพียง 1 ใน 8 ล้านเท่านั้นที่จะมีโอกาสเป็น มีสาเหตุเกิดจากความผิดปกติของพันธุกรรมที่ทำให้นิวเคลียร์พัฒนาผิดปกติ ซึ่งเด็กที่เป็นโรคนี้จะทำให้เจริญเติบโตผิดปกติ เด็กมีผิวหนังเหี่ยวย่นเหมือนคนแก่เพราะไขมันใต้ผิวหนังหายไป, รูปร่างแคระแกรน, หัวโตเกินปกติ, ผมหลุดร่วง. ผิวหนังแข็งบางใสเห็นเส้นเลือดชัดเจน, ไม่มีเล็บหรือไม่ค่อยมี เล็บแตกง่าย, หูหนวก, จมูกเล็กและโด่งแหลมคล้ายหุ่นรูปปั้น เติบโตช้า เตี้ย น้ำหนักน้อย เหนื่อยง่าย และเสียชีวิตในวัยประมาณ 13 ขวบ ด้วยอาการผิดปกติของหัวใจ โรคนี้ไม่มีทางรักษาหายขาดได้ ได้แต่รักษาตามอาการเท่านั้น

 

    โรคที่ 5 Cutaneous Porphyria

   

    โรคโพรพีเรีย มาจากภาษากรีซ คำว่า porphyrus ซึ่งแปลว่า สีม่วง ( purple ) เป็น

โรคที่มีอาการผิดปกติทางผิวหนังเกิดอาการแพ้แสง จะเกิดเป็นแผลพุพอง ทำให้บวม และ

เนื้อเยื่อผิวตายจนเป็นแผล อวัยวะส่วนยื่นเป็นระยางยื่น เช่นจมูก นิ้วมือนิ้วเท้า จะเกิดเป็น

แผลเรื้อรัง จนหลุดขาดออกจากร่างกาย, ริมฝีปากจะเกิดอาการดึงรั้ง จนมองเห็นฟันชัดเจน

นอกจากนั้นยังเห็นเล็บ ปัสสาวะเป็นสีม่วง, ชมพู, สีน้ำตาย หรือดำ ด้วยอาการแพ้แสงทำให้

ผู้ป่วยกลัวแสง และออกจากบ้านเฉพาะเวลากลางคืน ทำให้หลายคนเรียกโรคนี้ว่าโรคผีดูด

เลือด ส่วนการรักษาทำได้โดยการให้เลือด,ถ่ายเลือด(ในสมัยโบราณจะใช้การให้ดื่มเลือด)

และกระเทียมมีการเคมีบางตัวที่ใช้รักษาโรคโพรพีเรีย ทำให้ผู้ป่วยบางคนกลัวกระเทียม

 

    โรคที่ 4 Elephantiasis

   

    คลิป http://www.youtube.com/watch?v=dnWwHthkGkY

    รู้จักกันดีในโรคเท้าช้าง โรคนี้มีหลายคนมักเข้าใจผิดว่าเป็นโรคนี้แล้วจะทำให้เท้า

ใหญ่ขึ้นเหมือนช้าง ความจริงแล้วโรคนี้จะทำให้อวัยวะทุกส่วนในร่างกายบวมใหญ่ขึ้น

เหมือนในรูปที่บวมเฉพาะจ้าวโลก เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่เชื้อพยาธิชอบอยู่อาศัย โดยเชื้อ

พยาธินี้มีชื่อว่าหนอนพยาธิตัวกลมฟิลาเรีย(Filarial worm) โรคนี้มีพาหนะมาจากยุง(ยุง

ลายป่า, ยุงเสือ) โดยยุงจะนำพยาธิเข้าไปในท่อน้ำเหลือง ต่อมน้ำเหลือง เชื่อจะอยู่ในร่าง

กายคน 4-6 ปี ออกลูกออกหลานหลายล้านตัว ทำให้เกิดภาวะอุดตันของท่อน้ำเหลือง เกิด

การคั่งและทำให้ลำตัวส่วนล่าง รวมทั้งขาและอวัยวะเพศบวม

 

    โรคที่ 3 Fibroyssplasia Ossificans Progressiva

   

    เป็นโรคชื่อยาวเป็นบ้า แต่เรียกย่อๆ ว่าโรคเอฟโอพี(FOP) ชายในภาพมีชื่อ Harry

Eastlack เขาเป็นโรคนี้และตายเมื่ออายุ 40 และมีการเก็บกระดูกเขาไว้ในพิพิธภัณฑ์เพื่อทำ

การศึกษา สำหรับโรค “เอฟโอพี” เป็นโรคกรรมพันธุ์ชนิดหนึ่ง ที่ปรากฏอาการขึ้นตั้งแต่

เด็ก และไม่มีทางรักษาเยียวยา โรคทำให้กล้ามเนื้อ, กล้ามเนื้อ เนื้อเยื่อยึดเสริมและเอ็น ใน

ตัวคนแปรสภาพเป็นกระดูกไป โดยเฉพาะเอ็นซึ่งเป็นอวัยวะที่เป็นเหมือนสายเชือก ที่ยึด

ข้อต่อต่างๆไว้ หากมันกลายเป็นกระดูก คิดดูว่าคนที่เป็นโรคนี้จะเป็นอย่างไร มันเหมือนกับ

คนป่วยถูกรัดด้วยเชือกที่มองไม่เห็นหรือไม่สามารถแก้ได้ตลอดกาล  ไม่อาจเคลื่อนไหวได้

เหมือนอยู่ในกรงขัง เพราะภายในมีสภาพเหมือนกับมีโครงกระดูกซ้อนขึ้นมาอีกโครงหนึ่ง

และยังไปบีบรัดอวัยวะภายในอื่นๆ ในเวลาต่อมา(เฉลี่ยผู้ป่วยเป็นโรคนี้จะตายเมื่อ 30 ปีเศษ

เป็นตั้งแต่ทารกจนตาย)  จนเป็นเหตุให้ผู้ป่วยเสียชีวิตในที่สุด(นอกจากนี้ยังมีอาการแทรก

ซ้อนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องปอดและระบบหายใจ)


    โรค “เอฟโอพี” เป็นโรคที่พบได้น้อยและไม่สามารถหาสาเหตุของโลกชัดเจน มี

รายงานผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้เพียงสองร้อยราย(หนึ่งใน 1.64 ล้านคน)

 

    โรคที่ 2 Lewandowsky-Lutz Dysplasia

   

    เป็นกรณีโรคหูดชนิดหนึ่งที่หายาก เป็นโรคที่ทำให้ผิวหนังเกิดสเก็ต และงอก

ยาวออกมาคล้ายรากไม้และลุกลามไปส่วนต่างๆ จนไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้ตามเนื้อตัว

คล้ายเปลือกต้นไม้ในที่สุด สาเหตุของโรคนั้นเกิดจากเชื้อไวรัส ที่ชื่อว่า Human Papilloma

Virus (HPV) ซึ่งติดมาโดยมีเพศสัมพันธ์ คนทั่วไปจะทำให้เกิดเป็นหูดเล็ก แต่สำหรับใน

กรณีของ คนป่วยโรคนี้จะแตกต่างกัน ตรงที่จะต้องมีร่างกายที่ขาดภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกาย

ไม่สามารถกำจัดหูดได้ และเชื้อไวรัส ได้บุกยึด cellular machinery ภายในเซลผิวหนัง  ทำ

ให้ผิวเกิดเป็นหูด ขึ้นทั่วทั้งร่างกายในที่สุด  ในปี 2007 มีผู้ป่วยรับทุกข์ทรมาณจากหูดที่ขึ้น

ตามตัว และเมื่อทำการศัลยกรรมตัดหูดออกมาชั่งดูพบว่ามันมีนักหนักถึง 5.8 กิโลกรัม(ตัด

หูดออก 95%)

 

    โรคที่ 1 Diphallia

   

    ไดฟัลลัส หรือ Penile Duplication(PD), Diphallic terata,และ Diphallasparatus ดู

ภาพก็คงรู้แล้วใช่เปล่าครับ เป็นโรคที่เกิดเฉพาะในผู้ชายที่ทำให้มีองคชาติ  2 อันงอกเกิน

ออกมา มันเป็นกรณีที่หายาก(สุดขีด) ในอดีตที่ผ่านมามีเพียง 1,000 กรณีเท่านั้น(รายงาน

โดย Johannes Jacob Jacob Wecker ในปี 1609) อัตราการเกิด 1 ใน 5.5 ล้านคน ในสหรัฐมี

เพียง 2 ราย คนที่เป็นอาการนี้ปกติจะสามารถขับปัสสาวะได้อันเดียวหนึ่ง(เพราะอีกอัน

หนึ่งไม่พัฒนา) มีน้อยมากที่จะขับปัสสาวะทั้งสองอันพร้อมกันได้ กรณีส่วนใหญ่ทั้งสองจะ

มีขนาดเท่ากันหรือใกล้เคียงกัน มีส่วนน้อยที่อันหนึ่งใ

Credit: /atcloud.com
#10 #โรคประหลาด
ningachamil
ตัวประกอบ
สมาชิก VIP
16 ธ.ค. 52 เวลา 10:14 5,935 38 228
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...