สุรา (liquor หรือ spirit) หมายถึง น้ำเมาที่ได้จากการกลั่นสารบางประเภท
อาทิ เอทิลแอลกอฮอล์ และเมรัย คือ นํ้าเมาที่เกิดจากการหมักหรือแช่ให้เกิดสารบางประเภท
เมื่อดื่มแล้วสารนั้นจะออกฤทธิ์กดระบบประสาทส่วน กลาง หากดื่มไม่มากอาจรู้สึกผ่อนคลาย
เนื่องจากสารกดจิตใต้สำนึกที่คอยควบคุมตนเอง ทำให้กล้าแสดงออกมากขึ้น แต่เมื่อดื่มมากขึ้น
ก็จะกดสมองบริเวณอื่นๆ ทำให้เสียการทรงตัว พูดไม่ชัด จนแม้กระทั่งหมดสติในที่สุด คู่กับ "เมรัย"
อันเป็นเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์อย่างเดียวกัน แต่ผลิตจากการหมักหรือแช่ให้เกิดสารบางประเภท
ทั้งสุราและเมรัยเรียกโดยภาษาปากว่า "เหล้า"
ประเทศต่างๆ ได้วางกฎเกณฑ์สำหรับการผลิต การขาย และการบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
ตัวอย่างเช่น กฎหมายที่กำหนดอายุขั้นต่ำสำหรับผู้ที่สามารถบริโภคได้อย่างถูกกฎหมาย
ซึ่งแตกต่างกันในแต่ละประเทศ เช่น อายุไม่ต่ำกว่า 16 ปีสำหรับประเทศเยอรมนี ฝรั่งเศส
ออสเตรียและสวิสเซอร์แลนด์, ไม่ต่ำกว่า 18 ปีในประเทศไทย หรือไม่ต่ำกว่า 21 ปีในสหรัฐอเมริกา
การบริโภคทั้งสุราและเมรัยเป็นข้อห้ามในข้อสุราเมรยมัชปมาทัฏฐาน หรือข้อที่ 5
แห่งเบญจศีลของพุทธศาสนา ซึ่งว่า "สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺฐานา เวรมณี สิกฺขาปทํสมาทิยามิ"
แปลได้ว่า "เราจักถือศีลโดยเว้นจากการบริโภคสุรายาเมาอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท"
หลักฐานบ่งบอกว่าสุรามีมาแต่สมัยกลาง (ระยะเวลาจากคริสต์ศตวรรษที่ 5 ถึงปลายศตวรรษที่ 14)
โรงเรียนแพทย์แห่งหนึ่งในซาเลอร์ อิตาลี นำเหล้าองุ่นมาต้มให้เดือดให้ไอผ่านท่อที่ทำให้เย็น
ไอจะควบแน่นกลายเป็นหยดแอลกอฮอล์ใช้ผสมยา ตั้งชื่อหยดน้ำนั้นว่า "อควาไวเต้" (Aqua-vitae)
หรือ "น้ำแห่งชีวิต" ด้านจีนและอินเดีย มีหลักฐานยืนยันว่าฮ่องเต้ทุกพระองค์เสวยน้ำจัณฑ์
เช่นกันกับพระจักรพรรดิแห่งอินเดียนับแต่ก่อนพุทธกาล
เหล้ากลั่นมีชื่อเรียกต่างๆ ออกไปตามวัตถุดิบ และกรรมวิธีการผลิต
1.ตากีลา-Tequila จากกระบองเพชร Agave แห่งเมือง Tequila เม็กซิโก
2. จิน-Gin จากข้าวผสม juniper ผลไม้ตระกูลเบอรี่
3. รัม-Rum จากน้ำอ้อยหมัก
4. วอดก้า-Vodka
5. วิสกี้-Whisky/Whiskey จากข้าวบาเล่ย์ ข้าวโพด ข้าวไรน์ กลั่นแล้วบ่มในถังไม้โอ๊ก
มี Scotch Whisky จากสกอตแลนด์ Rye Whisky จากแคนาดา Irish Whiskey
จากไอร์แลนด์ Bourbon Whiskey จากอเมริกา
6. บรั่นดี-Brandy หมักองุ่น กลั่นแล้วบ่ม
7. คอนญัก-Cognac ราชาแห่งบรั่นดี
มนุษย์ค้นพบน้ำเมาจากผลของการหมัก ย้อนไปได้ถึงสมัยบาบิโลนและอียิปต์ที่พบว่า
ถ้าเอาผลองุ่นมาบีบให้แตกแล้ว หมักกับข้าวที่ทำให้ชื้นจะได้น้ำที่มีฟองเล็กน้อย
ดื่มแล้วรู้สึกครึ้มอกครึ้มใจ ส่วนในแง่วิทยาศาสตร์ หลุยส์ ปาสเตอร์ พบเชื้อราชนิดที่เรียกว่ายีสต์
เป็นสิ่งมีชีวิต และใช้น้ำตาลที่ได้จากการย่อยแป้งเป็นอาหาร แล้วถ่ายเอาของเสียออกมา
ซึ่งก็คือแอลกอฮอล์และคาร์บอนไดออกไซด์
เครดิต
http://noo-ddd.blogspot.com/search?updated-max=2011-08-24T02%3A43%3A00-07%3A00&max-results=2&reverse-paginate=true
http://www.free-extras.com/images/tequila-10232.htm
http://www.vbum.com/
http://free-extras.com/images/rum_bottles-10221.htm
http://designcritiques.wordpress.com/
http://popsop.com/5063............................. ถึงโรงเหล้าเตากลั่นควันโขมง
มีคันโพงผูกสายไว้ปลายเสา
โอ้บาปกรรมน้ำนรกเจียวอกเรา
ให้มัวเมาเหมือนหนึ่งบ้าเป็นน่าอาย
ทำบุญบวชกรวดน้ำขอสำเร็จ
สรรเพชญโพธิญาณประมาณหมาย
ถึงสุราพารอดไม่วอดวาย
ไม่ใกล้กรายแกล้งเมินก็เกินไป
ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก
สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน
ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป
แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืนฯ
กลอนสุนทรภู่ บางตอนจาก "นิราศภูเขาทอง