เอนซีลาดัส(Enceladus)

ขณะที่เราพยายามสืบเสาะหาสัญญาณของสิ่งมีชีวิตโดยเพ่งเล็งไปยังดาวเคราะห์ต่างที่ดูมีโอกาสมากกว่า แต่บางครั้งดวงจันทร์ดวงเล็ก ๆ ก็ไม่อาจถูกมองข้ามไป…

ในวันที่ 2 พฤศจิกายน ค.ศ.2009 ยานอวกาศแคสสินี(Cassini) ที่องการนาซ่าปล่อยขึ้นไปโคจนรอบดาวเสาร์ ได้ใช้กล้องสำรวจพบปรากฏการณ์ประหลาดบนดวงจันทร์เอนซีดาลัสซึ่งหมุนเวียนวนอยู่รอบนอกของดาวเสาร์ ปกติดวงจันทร์ทั่ว ๆ ไปนั้นจะค่อนข้างนิ่ง เพียงแต่ส่องแสงสะท้อนเรืองรองบนพื้นผิวเท่านั้น แต่ขณะที่กล้องสำรวจกำลังตรวจจับอยู่นั้น ฉับพลันก็บังเกิดน้ำพุ(geysers) พุ่งออกมาจากรอยแยกบนเปลือกนอกของเอนซีลาดัส แล้วก็โปรยปรายกลายเป็นน้ำแข็ง เมื่อกระทบกับความเย็นจัดที่ห่อหุ้มอยู่ ซึ่งน้ำพุที่พุ่งออกมานี้สูงละลิ่วเป็นร้อย ๆ ไมล์ ด้วยความเร็วถึง 1,400 ไมล์ต่อชั่วโมงเลยทีเดียว

เอนซีลาดัสนั้นเป็นดวงจันทร์ขนาดเล็ก ทางขั้วโลกใต้มีแถบรอยแยกแคบ ๆ ชื่อ “แถบพยัคฆา (Tiger Stripes)” น้ำพุที่พุ่งขึ้นมาจากแถบไทเกอร์นี้นับได้ถึง 30 แห่ง เป็นน้ำร้อนที่อัดแน่นอยู่ภายใต้บาดาล อุณภูมิสูงเบื้องล่างนั้นคาดว่าเกิดจากการสลายตัวของสารกัมมันตรังสี หรือมิฉะนั้นก็เกิดจากการไหลของกระแสน้ำที่เก็บกักอยู่ในโพรงบาดาล

นักดาราศาสตร์อธิบายว่า การโคจรของเอนซีลาดัสนั้นเป็นรูปวงรี บางขณะก็เข้ามาใกล้ แต่บางขณะก็ไกลจากดาวเสาร์ ยามเข้าใกล้จะเกิดแรงโน้มถ่วงต่อน้ำสูงกว่ายามอยู่ไกล ทำให้มีการเคลื่อนไหวเสียดสีรุนแรงจนเกิดความร้อนหลอมละลายแร่ธาตุใต้ดิน และความร้อนก็เก็บกักอยู่ในมวลน้ำดังกล่าว

สิ่งที่น่าสนใจคือ ปริมาณน้ำเก็บกักใต้ดวงจันทร์นี้มากน้อยเพียงใด ขนาดเท่ามหาสมุทรย่อม ๆ ได้หรือไม่ และที่สำคัญกว่านั้นคือ มีสารอินทรีย์เป็นองค์ประกอบอยู่ในมวลน้ำนี้หรือไม่ เพราะหากมี ก็ย่อมหมายความว่า มีโอกาสสูงที่จะมีสิ่งมีชีวิตอยู่บนดาวเอนซีลาดัสนั่นเอง ซึ่งเรื่องนี้ยังคงเป็นที่สนใจและศึกษาค้นคว้ากันเรื่อยมา…

เป็นอีกเรื่องที่น่าสนใจค่ะ

ขอบคุณที่รับชมค่ะ^^~