ผลสำรวจวงแหวนดาวเสาร์

สวัสดีครับ   เพื่อน ๆ หลายท่านอาจจะพอรุ้เรื่องดาวเสาร์จากการที่เราเคยเรียนมาแล้ว  และหลาย ๆ ท่านอาจยังไม่  รู้เพื่อน ๆ เคยสงสัยไหมว่าทำไมดาวเสาร์จึงมีวงแหวน  แล้ววงแหวนทำไมต้องมีแต่เฉพาะดาวเสาร์    จากการที่เพื่อน ๆ บางคนอาจเคยศึกษามาอาจมีมูลที่ตรงกันหรือไม่ก็ลองศึกษาที่ผมเสนอให้ดูแล้วกันนะลองดูสิว่าที่เราเขาใจกันนั้นตรงกันหรือป่าว  ผมคิดว่าเรื่องของอวกาศนั้นมีมากมายหลายเรื่องตามระยะทางที่ใกล้โพ้นของห้วงจักวาล และเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะทำให้เพื่อน ๆ ได้ความรู้ติดตัวไปไม่มากก็น้อย

บทนี้เรื่อง.....การสำรวจวงแหวนดาวเสาร์

 

 

ตั้งแต่แรกเริ่มมีผู้ศึกษาดาราศาสตร์ และมีผู้ค้นพบว่าดาวเสาร์นั้นมีวงแหวนใหญ่โตล้อมรอบ วงแหวนดาวเสาร์นั้นก็ยังคงเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับวงการดาราศาสตร์ตลอดมา วงแหวนของดาวเสาร์ (The Rings of Saturn) นั้นมีหลายแถบ ถูกตั้งชื่อเป็นตัวอักษรเรียงตามลำดับจากใกล้สุดเป็น A ห่างออกไปเป็น B…C…D…E มีด้วยกัน 7 แถบหลัก และมีแถบย่อยอีกนับพันแถบ ประมาณกันว่าก้อนน้ำแข็งและฝุ่นธุลีที่ปรากฏอยู่ในแถบวงแหวนของดาวเสาร์นั้นมีมวลราว 35 พันล้าน-พันล้าน(trillion-trillion)ตัน หรือคิดเป็น 26 ล้านเท่าของปริมาณน้ำทั้งหมดบนโลกของเรา

 

 

ถึงกระนั้นนักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่ทราบแน่ชัดถึงการกำเนิดวงแหวนดาวเสาร์ มันอาจประกอบไปด้วยสสารที่ไม่มีโอกาสก่อตัวขึ้นเป็นดวงจันทร์เพราะสาเหตุจากแรงเหวี่ยวตัวของดาวเสาร์ หรือไม่ก็อาจเคยเป็นดวงจันทร์หรือดาวหางมาก่อน แต่เข้าใกล้ดาวเสาร์มากไปจนแตกสลายด้วยสนามแรงโน้มถ่วงอันมหาศาล

 

 

สิ่งที่น่าสนใจคือ นอกเหนือจากน้ำแข็งและธุลีแล้ว ยังมีดวงจันทร์ที่ฝังตัวอยู่ในแถบวงแหวนรับได้รวมแล้วถึง 62 ดวง และกล้องสำรวจของยานแคสสินีก็พบว่า ดวงจันทร์เหล่านี้มีอิทธิพลต่อรูปลักษณะของแถบวงแหวนที่ผิดแผกไปจากที่เคยได้เห็น

 

 

ในวันที่ 7 สิงหาคม ค.ศ.2009 ภาพถ่ายที่ได้จากกล้องได้สร้างความตะลึงงันให้บรรดานักดาราศาสตร์ เพราะพวกเขาได้พบว่า อันที่จริงแถบวงแหวนอันสุกใสไม่ได้มีรูปแบบ “แบนแข็ง” แต่มีลักษณะเป็น “หนาม” งอกออกมามากมายเป็นสันเขา บางสันสูงไม่กี่ฟุต แต่บางสันก็ก่อตัวสูงขึ้นเป็นไมล์

 

 

สันเขาบนแถบวงแหวนของดาวเสาร์นี้ เกิดจากแรงดึงดูดของดวงจันทร์ที่ฝังอยู่ในแถบวงแหวนนั่นเอง แรงนี้ทำให้สสารชิ้นเล็กชิ้นน้อยถูกกวาดมารวมกันและมีรูปแบบบิดเบือนไปจากมวลสารอื่น ๆ ที่อยู่ห่างออกไป อย่างเช่น ในแถบวงแหวน A อันกว้างใหญ่และเปล่งแสงโชติช่วง ดวงจันทร์แดฟนิส(Daphnis) ที่ฝังสถิตอยู่ที่ปลายวงแหวนนี้ ก็ได้ส่งแสงดึงดูดจนทำให้เกิดสันเขาที่สูงถึง 2.5 ไมล์ขึ้นมา และความรู้ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณภาพถ่ายจากยานแคสสินี เพราะหากไม่มีมัน ป่านนี้เราคงยังเชื่อว่าวงแหวนของดาวเสาร์นั่นเรียบแบนคล้ายแผ่นกระดาษตามที่เรามองเห็นกันอยู่นั่นเอง

Credit: Nithat
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...