Jerome Nelson
Jerome Nelson
(former USAF nuclear missile launch officer):
ปี 1962-1965 ผมอยู่ที่ Atlas-F ICBM ตำแหน่งรักษาการ หน่วยนาวิกโยธิน
ประจัญบานขีปนาวุธ มีภาระกิจเกี่ยวกับยุทธศาสตร์การรบ ฝูงบินขีปนาวุธที่
579 ใน Roswell, New Mexico
บางครั้งเมื่อเข้าฤดูหนาว ช่วงปี 1963-1964 ซึ่งผมอยู่ในช่วงการเตรียมพร้อม
ปล่อยขีปนาวุธ ที่ศูนย์ควบคุม บริเวณพื้นที่ Atlas 9 ด้านตะวันตกของ Roswell
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ที่อยู่ในตำแหน่งด้านบนสุดของหอ ได้โทรศัพท์
รายงานเข้ามาว่าเห็นแสงสว่างมาก มีความเจิดจ้ารอบๆ วัตถุบางอย่างบินลอย
ไปมาเหนือไซโลที่เก็บขีปนาวุธ และมีแสงสาดส่องลงมาที่นั่น ผมบอกเขาว่าผม
ซีเรียสในสิ่งที่คุณพูด ซึ่งเสียงเขาฟังดูก็มีท่าทางตกใจมาก
ผมเรียกผู้บัญชาการฐาน ให้ออกคำสั่งไปยัง หน่วยเดินตรวจของฐานทัพให้
รายงานสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะผมกังวลว่าวัตถุนี้ อาจเข้ามาก่อวินาศกรรมฐานยิง
ขีปนาวุธ
เดือนต่อมา มีการเกิดขึ้นของสิ่งเหล่านี้ มากหลายครั้ง แต่ละครั้งที่เกิดขึ้น ได้รับ
รายงานว่า เป็นการเผชิญเหตุการณ์ที่เหมือนกัน เป็นการนัดหมายในปรากฎขึ้น
ทั้งผู้เห็นเหตุการณ์ หน่วยรักษาความปลอดภัย ซึ่งแทนที่จะเรียกว่า รายงานการ
เตรียมพร้อมของศูนย์ควบคุมสั่งการ กลับต้อง เรียกว่า รายงาน UFOs
หน่วยรักษาความปลอดภัย เป็นหน่วยที่ต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ตลอดเวลา และ
เป็นอะไรที่ต้องตกใจ อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะวัตถุนั้น ลอยไปลอยมาเหนือ
พื้นที่เรา ทุกคนจะกล่าวแบบเสียงสั่นระริก
เพราะความรับผิดชอบ ต่อการเตรียมพร้อมของศูนย์ควบคุม ผมจึงไม่สามารถขึ้น
ไปในตำแหน่งด้านบนสุด ของหอค้นหาวัตถุนั้นด้วยตนเองได้
หากย้อนหลังไป ทำให้เรารู้ว่า ไม่เพียงทศวรรษที่ผ่านมา อย่างน้อยพบว่าในราย
งานเก่าๆของ Bob Kaplan เจ้าหน้าที่เทคนิคขีปนาวุธ เคยรายงานว่า สำนักงาน
สอบสวนพิเศษของ ทำรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นคล้ายกันนี้
และเขาเป็นผู้เห็นเหตุการณ์พื้นที่ 9 ในช่วงเวลานั้น ในขณะที่มีการปรับปรุงฐาน
เราจะดูแลขีปนาวุธ โดยนาวิกโยธิน และเราจะไม่ทราบว่าเป็นใคร มาจากไหน เพราะคนเหล่านั้นถูกคัดกรองโดย OSI (หน่วยงานสืบสวนพิเศษของกองทัพ
อากาศ) ซึ่งผมไม่ทราบ นั้นคือรายงานของผมทั้งหมด
Atlas-F ICBM ขณะก่อสร้างในปี 1961
Patrick McDonough
Patrick McDonough
(former USAF nuclear missile site geodetic surveyor):
เมื่อถึงวันนี้ การบอกเล่าจากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นของผม ในเดือนกันยายน ปี 1966 ซึ่ง 44 ปีมาแล้ว แต่ประสบการณ์ผมเป็นสิ่งที่ประจักษ์ชัด โดยพื้นฐานมัน
เป็นสิ่งที่ผิดหวังในความจำของผม ผมจะไม่ลืมเรื่องราวทั้งหมด ผมทำเพื่อต้อง
การผลักดันประสบการณ์ที่เกิดขึ้น ให้มีการบันทึกไว้
ผมสมัครเข้าเป็นทหารในกองทัพอากาศ ที่ Berkeley, California พฤศจิกายน
ปี 1962 เป็นช่วงที่เราใช้ขีปนาวุธ โจมตีประเทศคิวบา นับว่าเป็นช่วงวิกฤตและ
ผมศึกษาด้านวิศวกรในวิทยาลัย เมื่อจบแล้ว ทำงานด้านวิศวกรอีก 3 ปี ด้วย
ความรักชาติ กองทัพอากาศพิจารณาพื้นเพผม จึงให้เข้ามาฝึกด้าน Geodetic
(การสำรวจเกี่ยวกับด้านรูปร่างและพื้นผิวโลก)
ผมจึงมีหน้าที่รับผิดชอบ หน่วยสำรวจ Geodetic สำหรับฝูงบิน ใน Orlando,
Florida ปี 1965 ผมย้ายจาก Warren มายังฐานกองทัพอากาศ ใน Wyoming
โดยเฉลี่ยผมย้ายพื้นที่การทำงานทุก 9-10 เดือนในแต่ละคราว เพื่อสำรวจตาม
ตำแหน่งแนว เส้นลองติจูด เส้นละติจูดของโลก บริเวณฐานขีปนาวุธและฐานบิน
เพื่อเป็นระบบนำร่องสำหรับ ตำแหน่งขีปนาวุธและเครื่องบิน โดยพื้นฐาน ฝูงบิน
ขีปนาวุธต้องอาศัย การจัดเตรียมระยะพิกัดทางภูมิศาสตร์ ที่ถูกต้องและแม่นยำ
สำหรับให้ขีปนาวุธหรือเครื่องบินใช้เป็นตำแหน่งในระบบนำร่อง เพื่อเป็นเป้า
หมาย ซึ่งถือว่าเป็นต้องกระทำด้วยความฉลาดหลักแหลม ของข้อมูลเป้าหมาย
กันยายน ปี 1966 ตัวผมและนายทหารอากาศ 2 นาย คือ นายทหารอากาศ
ระดับ 1ชื่อ Al Kramer และนายทหารอากาศ ระดับ 3 ชื่อ Charlie Coatea
เราทั้งหมดรับผิดชอบงาน ชั่วคราวที่ฐานทัพอากาศ Malmstrom
เราไม่มีวิทยุสื่อสาร และอะไรเลยที่นั่น ผมคือหัวหน้าของคณะที่ต้องสำรวจ มีผู้
ร่วมงานเพียง 3 คน โดย Al Kramer มีหน้าที่บันทึก Charlie Coatea มีหน้าที่
พิมพ์ผลลัพท์ ทั้งสองต้องช่วยกันสำรวจและบันทึกข้อมูล เป็นเรื่ืองธรรมดาที่เรา
เข้าไปในเขตฐานยิงขีปนาวุธ ในเวลาก่อนพลบค่ำ (เพราะต้องใช้ดาวบนท้องฟ้า
ช่วยหาพิกัด) ในการสำรวจเพื่อหาค่าพิกัดเส้นลองติจูด เส้นละติจูด
ฐานยิงขีปนาวุธ Malmstrom ในปี 1960
ในคืนวันหนึ่งปรากฎสิ่งนี้เกิดขึ้น เราทั้งหมดเมื่อดำเนินงานต่อเนื่องเสร็จสมบูรณ์
แล้วก็ติดต่อหา กันแจ้งข้อความว่า “ Celestial-astro-azimuth observations” (สังเกตการณ์ เส้นขอบฟ้า-ดาว-เส้นวางราบ) ด้านทิศใต้ของเมือง Conrad และ
เมื่อผมสำรวจจบ Al Kramer ก็จะบันทึกต่อ ส่วน Charlie Coatea จะกำหนด
ด้วย Chronometer (นาฬิกาที่เที่ยงตรงมาก) ต่อจาก Al Kramer โดยเวลาต้อง
สัมพันธ์กับดาวเหนือ
ความคิดผมมีสิ่งผิดปกติ เรื่องฐานยิงขีปนาวุธ ที่เกิดมีการทำลายประตูเล็กด้าน
บนไซโลที่เก็บขีปนาวุธให้เปิดออก และผิดปกติมากๆ โดยทั่วไปเมื่ิอเราจะเข้าไป
ในฐานยิงขีปนาวุธ ต้องไม่กระทำให้เกิดภาวะ กัมมันตภาพรังสีจากขีปนาวุธ
ดังนั้นที่นั่นต้องถูกปิดสนิท มีเสาหินขนาดใหญ่ถูกทำไว้ ล้อมเป็นสี่เหลี่ยมเป็น
ขนาดใหญ่มากๆ มันเกี่ยวข้องกับตัวพื้นโครงสร้างแน่นหนา มันเป็นพื้นฐานที่แข็ง
แรงใช้ในการยิงออกไป ดังนั้นต้องมีใครเข้าไปที่นั่น ทำลายประตูให้เปิดออก
ขณะที่เราสำรวจและเล็งดาวบนท้องฟ้าใกล้เสร็จ เรายังมีตำแหน่งเสาหินเหลือ
อีก 3 ต้นและผมอยู่ที่เสาหินนั้น สักครู่ต่อมาประตูเล็กด้านบน มันเปิดออก
มันเป็น 1 ใน 30 ช่อง ที่มีอยู่
ผมเชื่อว่า UFOs มาหยุดอยู่ด้านบน เหนือเราแล้วเปิดออก ผมอยากจะพูดว่า
สิ่งที่อยู่เหนือขึ้นไปราว 300 ฟิต ประมาณนั้นอาจจะไม่สูงนัก มันอาจยากเล็กน้อย
แต่ในนั้นมันมืด และมีทรงกลม ผมคะเนมีเส้นผ่าศูนย์ด้านบนราว 50 ฟุต นับว่า
ค่อนข้างใหญ่่ ที่สำคัญคือ มองเห็นแสงที่ผ่านทะลุเข้ามานั้น เต้นเป็นจังหวะรอบๆ
มีแสงสีขาวจากตรงกลาง มองเห็นลงมาถึงด้านพื้นในไซโล
ในนั้นไม่มีลม ไม่มีเสียงรบกวน มันเกิดขึ้นที่นั่น มากที่สุดอาจจะ 20-30 วินาที
เวลานั้นผมต้องจดจำอย่างแน่นอน ตาผมเพ็งมองขึ้นไปที่ดาว อย่างฉับพลัน
จากที่ผมเพิ่งใช้สำรวจเมื่อครู่ เป็นอะไรที่สูงกว่าแนววงกลมของท้องฟ้า ผมพูด
กับตัวเองว่า เกิดอะไรขึ้นถ้ายิงลำแสง ขึ้นไปที่วัตถุนั้น เพื่อวัดระยะทาง พราะมัน
อาจไม่มีทางกลับมายังโลกอีก ? ผมคิดเช่นนั้น นี้เป็นสิ่งที่ อยู่ในหัวผม ซึ่งเป็น
ความคิดอ่านเกินเลย
ด้านทิศใต้ของเมือง Conrad, Montana ในปัจุบัน
นอกเมือง Conrad, Montana ในปัจุบัน
จากนั้นมันหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหว มันยิงลำแสงไปทางทิศตะวันออก มันเหมือน
“สิ่งที่มีอำนาจทำลายล้าง” หลังจาก UFOs ออกไป ผมรีบคว้าเครื่องมือ กระโดน
ขึ้นรถทิ้งเหตุการณ์นั้นไว้ข้างหลัง และถ้ามันกลับมา ไม่ว่าที่ไหนผมไม่อยากเจอ
เรื่องเช่นนี้อีก
เราไม่มีหน่วยรักษาความปลอดภัยสำหรับเรา เหตุผลเพราะที่ๆเราไปทำงานไม่มี
ขีปนาวุธ และเราไม่มีวิทยุสื่อสาร เหตุผลเพราะเราไม่ต้องติดต่อภาระกิจกับฐาน
ของกองทัพอากาศ
ผมไม่ทราบเรื่องใดๆ ที่เคยเกิดขึ้นกับเจ้าหน้าที่ชุดอื่นๆ ผมบอกอย่างตรงไปตรง
มาในสิ่งนี้ พวกเราเพียงออกไปอยู่ที่นั่น ต้องทำในสิ่งที่เป็นงานของเรา ทำในพื้น
ที่นั้นและนำข้อมูลกับมา ผมไม่ทราบว่าที่นั่นมีปัญหาในเรื่อง UFOs
แต่การพลิกผัน กรณีคืนนั้นมันเหนือความคาดหมาย โดยสิ้นเชิง เรากลับออก
มาอย่างรวดเร็ว โดยมี Conrad อยู่ด้านหลัง และกลุ่มกองทัพวิศวกร ที่ฐานจรวด
ตลอดแนวถนนที่ผ่านออกมา ซึ่งกำลังขนย้ายขีปนาวุธเข้าไปในพื้นที่ติดตั้ง
แน่นอนว่าที่นั่นคือฐานใหม่ มองดูลงมามีการสร้างถนนที่กว้างมาก ผมอยู่บนแนว
ทิวเขากำลังขับรถ บนที่ไม่ใช่เป็นถนน มันมีเสียง “ทีสสส์”(คล้ายเสียงลูกกอล์ฟ
แหวกอากาศ) ผมพยายามลอง ฟังดูว่ามาจากทางซ้ายหรือทางขวา
ผมดูทางซ้าย เนื่องจาก Conrad อยู่ด้านนั้น และรถถูกเหวี่ยงขึ้นไปในอากาศ
เราร่วงลงมาและอยู่ใต้ท้องรถ โชคยังดีที่พวกเราไม่มีใครบาดเจ็บ เราต้องเดิน
ออกมาใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง พบกับบ้านชาวไร่ ที่อยู่ใกล้ๆ ผมโทรศัพท์ติดต่อ
ไปยัง ตำรวจทางหลวง Montana ให้ช่วยเหลือ โดยชาวไร่ช่วยมาส่งส่งพวกเรา
กลับไปยังจุดอุบัติเหตุ เพราะยังมีอุปกรณ์ต่างๆที่นั่น
เมื่อตำรวจทางหลวงมาถึง เราแจ้งกับเขาว่าเกิดอะไรขึ้น เขาสอบถามพวกเรา
และเราตอบ เขาบอกว่ามีการส่งคนออกไปดู และมีรายงานมากกว่า 20 ครั้ง
ในสำนักงานเรื่อง UFOs บริเวณนี้ในเวลากลางคืน
ผมได้เขียนบันทึกฉับพลัน เพื่อรายงานเรื่องเหตุการณ์ถึงหน่วยงาน ในอุบัติเหตุ
ดังกล่าว คุณทราบไหมว่าผมกลับไม่ได้ยินคำตอบใดๆจากกองทัพอากาศเลย
ไม่มีผลตอบกลับ หรือการชำระสินไหมใดๆ จากการเรียกร้อง ที่ผมร่วงลงมา
และอยู่ใต้ท้องรถในคืนนั้น
จากจุดอุบัติเหตุระยะทาง 18 ไมล์ รถกลับมาในตอนบ่าย มันเป็นรถใหม่ ทั้งนี้
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมต้องกลับใช้ความคิด อยู่ที่พักที่ ฐานทัพอากาศ Warren
ผ่านไปเดือนครึ่ง เหตุการณ์ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่กล่าวถึงเรื่องรถคว่ำที่ Montana
ของผมแม้แต่ครั้งเดียว เขาไม่เคยถามและผมก็ไม่กล่าวถึงมัน
ผมไม่ต้องการต่อรองใดๆ แต่ผมจำเป็นต่อบอกในขณะนี้ ในเรื่องผมตลอด 4 ปี
ที่ทำหน้าที่ หน่วยสำรวจ Geodetic สำหรับฝูงบิน ลักษณะงานผมต้องทำก่อน
ติดตั้งขีปนาวุธและก่อนฝูงบินและต้องทำในทุกๆที่ เพื่อเป็นระบบ นำร่อง
ผมหรือคณะทำงานของผมไม่เคยเห็นอะไร ในข้อสรุปของกองทัพอากาศ ที่จะ
กล่าวอ้าง ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ UFOs มันไม่ทราบว่าเพราะอะไร แต่เราแน่ใจ
ว่าไม่มีการทำอะไรใดๆ ผมไม่เคยเห็นสิ่งใดที่เหมือนสิ่งที่เล่าให้ฟัง โดยมีความ
หวังว่าวันหนึ่งในอนาคตอันใกล้นี้ รัฐบาลจะรับรู้ข้อมูลต่างๆของ UFOs ที่ได้
นำมาแถลง
Bruce Fenstermacher
Bruce Fenstermacher
(former USAF nuclear missile launch officer):
ผมไม่มีเรื่องตื่นเต้นแบบเรื่องรถคว่ำห่างออกไป 18 ไมล์นั้น ระหว่างปี 1974-1976
ผมเป็นผู้บัญชาการนาวิกโยธิน และมีฐานะเป็นกัปตันในกองทัพอากาศ ที่ฐานทัพ
อากาศ F.E. Warren ในหน่วยที่ 400 SMS มีภาระกิจรับผิดชอบ Romeo Flight
(*แผนที่กลุ่มฐานขีปนาวุธ*)
ปรากฎในช่วงปี 1976 ผู้ช่วยผมบอกว่า “ไม่ทราบว่าใครโทรศัพท์มาหาคุณเพราะ
เขาไม่ยินยอม บอกชื่อให้จดไว้” จึงลองแจ้งคุณดูก่อน เมื่อได้ยินเช่นนั้นผมอยาก
สนทนาด้วย
โดยหัวหน้าผู้ควบคุมระบบรักษาความปลอดภัย NCO (ลำดับแสดงชั้นในกองทัพ
อากาศ) และทีมยุทธศาสตร์การแจ้งเตือนภัย SAT (เกี่ยวกับความละเอียดอ่อน
ด้านการศึกษายุทธศาสตร์) ทั้งนี้เป็นรูปแบบ และหนทางหนึ่งที่จะตรวจสอบคำ
เตือน เพราะ SAT เป็นผู้ช่วยที่มีความสำคัญในเรื่องก่อการร้ายในเวลาที่น่าวิตก
แต่ทันทีทันใดนั้น เราได้ยิน FSC (ชุดสนับสนุนกิจการภายใน) แจ้งไปยัง SAT
ว่า “ให้หยุดรถคันนั้น ตรวจค้นให้ทั่ว” เราไม่ทราบในสิ่งที่เขาบอกว่าอยู่ที่ใดและ
ยังไม่เห็นอะไรใดๆ ผมและเจ้าหน้าที่คนหนึ่งพยายามมองหาสิ่งนั้น มีบางคนพูด
ว่า “คุณเห็นอะไร” ผมตอบว่า “ไม่เห็นอะไร ผมไม่เห็นอะไรเลย”
พระเจ้า..ผมเห็นแสงสีขาวเต้นเป็นจังหวะบนท้องฟ้า อาจมีระยะทางยาว 7-8 ไมล์
FSC ถามเข้ามาว่า มันอยู่ที่ไหน เขาตอบว่า “มันอยู่ทางทิศเหนือ”มันกำลังใกล้
เข้ามาที่เขตควบคุมการเตรียมพร้อมนี้
ผู้ช่วยผมบางคนพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกในประโยคดังกล่าว เราแจ้งขึ้นไปข้างบนและพูด
ว่า “อะไรกำลังเกิดขึ้น ?” เขาตอบกลับมาว่า “กัปตัน คุณต้องไม่เชื่อเรื่ิองที่เกิด
เกิดขึ้นนี้แน่” แต่มันเป็นข้อเท็จจริงสำหรับเรา คิดว่าสิ่งนั้นมันใหญ่มากมีแสงสีขาว
เต้นเป็นจังหวะอยู่เหนือพวกเรา
เพื่อความแน่ใจ ผมจึงแจ้งไปว่าผมยังมองไม่เห็นอะไรเลย เพื่อหยั่งเชิงดู เขาบอก
กลับมาว่า มันมีรูปร่างคล้ายซิการ์อ้วนๆ ผมคิดและพูดว่า “ซิการ์ตั้งท้อง” ซึ่งเป็น
คำพูดี่แหย่ออกไป เขาพูดกลับมาว่า แสงสีขาวเต้นเป็นจังหวะ ระหว่างจังหวะการ
เต้น มองเห็นแสงสีแดงและสีน้ำเงิน มันเงียบมาก
“มันเป็นเฮลิคอป์เตอร์หรือเปล่า ?” เขาตอบกลับว่า “ไม่ใช่ มันเงียบมากๆ” เรารอ
เวลาอีกครู่ แล้วเขาก็พูดว่า “มันเริ่มที่จะเคลื่อนที่ยาวขึ้น ไปตามถนน” ดังนั้นผม
และผู้ช่วยต่างพูดขึ้น เราต้องเตรียมพร้อม “เราจะทำอย่างไร? ในการรายงานเ
รื่องนี้ ” มันเข้าไปที่ไซโลของขีปนาวุธ หนึ่งในพื้นที่เตรียมพร้อมของเราอยู่ใกล้
เพียงมีถนนขั้นกลางเท่านั้น
ผมต้องสั่งการให้ ชุดปฎิบัติการ SAT เข้าไปใน พื้นที่นั้น และเขาแจ้งกลับมาว่า
ต้องกลับไปเอาแบตเตอรี่ เพราะเหลือน้อยมาก ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น จะช้าลงไปอีก
ผมจึงออกคำสั่งให้เขา “ไปก่อน เข้าไป เข้าไป”
ในเวลาเดี๋ยวกัน เราติดต่อผู้บัญชาการ SAT ที่กองรักษาการณ์ ใน F.E. Warren
และ NCO เพื่อตอบ คำถามและเล่าเรื่องราวให้เขาทราบ เขากลับหัวเราะ และ
พูดว่า “เป็นเวลากินอาหาร แล้วจะติดต่อกับ” ด้วยเหตุนี้ชุดปฎิบัติการ SAT ไป
ไม่ถึงที่นั่น
เราเรียกชุดปฎิบัติการ SAT ไป 3-4 ครั้งอีก ซึ่งเมินเฉยไม่สนใจ ครั้งสุดท้ายผมพูด
ว่า “คุณจะบันทึกเรื่องนี้ไหม?” เขาตอบว่า “ไม่” ผมจึงพูดต่อไปว่า “บอกผมว่าคุณ
มีหน้าที่ดูแล รับผิดชอบสิ่งใด” คำตอบที่ได้รับคือ “คุณวุ่นวายแท้”
ชุดปฎิบัติการ SAT กลับมาพร้อมคำพูดเหลวไหล เขาบอกว่ามีรถเข้ามาก่อกวน
ทำความวุ่นวาย ต้องติดตามไป 5 ไมล์เกือบชั่วโมง มันเหมือนเรื่องยาวแต่สั้น
ฐานทัพ อากาศ F.E. Warren
วันต่อมาผมได้ขึ้นไปยังชั้นบนซึ่งเป็นที่ตั้ง ของ FSC จอมปลอมตำแหน่งประธาน
จวนเจียนเหมือนตำแหน่งทารกที่อยู่ในครรภ์ ผมพูดกับเขา เขารู้สึกหวาดกลัว
เขาบอกว่า “ผมนอนไม่หลับ ในความรู้สึกผม ผมคิดอะไรไม่ออก” ผมจึงพูดว่า
“ชุดปฎิบัติการ SAT เป็นอะไรที่น่ารำคาญ”
เขาพูดอีกว่า “เราทั้งคู่เป็นผู้รักษาการ เราต้องทำ เรื่องที่สำคัญก่อน ดังนั้นเรา
ต้องเดินไปข้างหน้าด้วยกันอีกยาวนานด้วยการสนับสนุนซึ่งกันและกัน ถ้าคุณ
สัญญา ก็ไม่จำเป็นต้องบอกใคร”
เขาบอกผมต่ออีกว่า เขาจะไม่ไปไหนในพื้นที่นี้ทั้งสิ้น คิดว่าสิ่งนั้นมันมาอยู่เหนือ
พวกเราไม่มีคำสั่งโดยตรง ไม่มีอะไร ในข้อเท็จจริงไม่เคยเกิดอะไรที่ พื้นที่ควบคุม
การเตรียมพร้อม
ผมเดินออกมาสวนกับ ชุดปฎิบัติการ Quebec ซึ่ง Quebec นั้นไปทางเดียวกับ
Romeo และ ชุดปฎิบัติการ SAT ชอบที่จะร่วมเดินทาง พูดคุยเรื่องไร้สาระไป
ด้วยกัน เขาทั้งหลายมักพูดถึงเรื่อง ในค่ำวันนั้นของเราที่ผ่านมา
ผมจึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น ? คุณรายงานมันหรือเปล่า ?” เขากล่าวตอบมาว่า
“คุณจิตฟั่นเฟือน หรือเปล่า? ” เราไม่มีรายงาน เราไม่ได้ออกไปจึงไม่ต้องราย
งานมัน ผมพูดต่อไปอีก “ดีแล้ว แต่ผมทำ” เขาพูดขึ้นว่า “ดี ถ้าคุณบอกอะไร
ที่เกี่ยวกับเรา” เราก็จะบอกว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
ในกรณีของผมนี้ ผมต้องการลุกขึ้นและพูดว่า “สิ่งไหนคือมัน ?” มันไม่เกิดขึ้น
หรือ มันเป็นความลับสุดยอด ? กันแน่
ขอบคุณที่รับชมค่ะ^^~
Credit:
sunflowercosmos