“ทุกคนขุดหลุมศพตัวเองด้วยปากและฟันทุกๆวัน” ซึ่งบางคนอาจจะยังไม่รู้ว่า การบริโภคน้ำอัดลมเป็นประจำวันนั้น ส่งผลเสียต่อร่างกาย และอันตรายถึงขั้น เสียชีวิต เพราะการดื่มน้ำอัดลมทุกวันหรือทุกมื้ออาหาร จะทำให้ร่างกายได้รับน้ำตาลมากเกินความจำเป็น จนทำให้คุณเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วน และโรคเบาหวานได้ อีกทั้งน้ำอัดลมไม่มีคุณค่าทางโภชนาการแต่อย่างใด (ในแง่ของวิตามิน และแร่ธาตุ) แต่จะมีส่วนผสมของน้ำตาลสูง มีกรดสูงมาก และมีสารปรุงแต่งจำพวกวัตถุกันเสียและสีมากกว่า บางคนชอบดื่มน้ำอัดลมเย็นๆ หลังรับประทานอาหารในแต่ละมื้อ ก็จะส่งผลต่อระบบทางเดินอาหาร เพราะร่างกายของคนเราขณะย่อยอาหารจะมีอุณหภูมิ 37 องศา แต่น้ำอัดลมเย็นๆ ที่ดื่มเข้าไปมีอุณหภูมิต่ำกว่า 37 องศามาก และมีอุณหภูมิเกือบจะ 0 องศาในบางครั้ง ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพในการย่อยอาหารของร่างกายต่ำลง ทำให้ย่อยอาหารได้ยากขึ้น และย่อยอาหารได้น้อยลง และผลเสียที่ตามมาอีกทอดหนึ่งก็คือ อาหารในร่างกายจะเสียและส่งแก๊สที่มีกลิ่นเหม็นออกมา อาหารจะเน่าเปื่อย และทำให้เกิดสารพิษ ซึ่งจะถูกดูดซึมและทำการไหลเวียนไปทั่วร่างกาย ส่งผลให้เชื้อโรคต่างๆ เจริญเติบโตได้ดี
คิดให้ดีก่อนที่คุณจะดื่มน้ำอัดลม!
มีคนใส่ฟันซึ่งหลุดออกมาแล้วลงไปในขวดเป๊ปซี่ และมันก็ถูกกัดกร่อนในเวลา 10 วัน ฟันและกระดูกเป็นอวัยวะในร่างกายเพียงอย่างเดียว ซึ่งสามารถคงอยู่ได้อีกหลายปีหลังจากที่มนุษย์เสียชีวิตลง ลองคิดดูสิว่า น้ำอัดลม จะมีผลอย่างไรต่อลำไส้อ่อนๆ และกระเพาะอาหารของเรา
และน้ำอัดลมยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเกาต์ โดยเฉพาะหากดื่มวันละ 2 กระป๋องขึ้นไป จะมีโอกาสป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับไขข้อชนิดนี้ เพิ่มขึ้นถึง 85% เมื่อเทียบกับคนที่ดื่มน้ำอัดลมเดือนละไม่ถึงหนึ่งกระป๋อง เนื่องมาจากน้ำอัดลมรสหวานประกอบด้วยฟรุกโตส ปริมาณมาก ทั้งนี้ ฟรุกโตส ซึ่งเป็นน้ำตาลตามธรรมชาติที่พบในผลไม้ และเป็นสาเหตุของโรคเกาต์ เนื่องจากทำให้ระดับของกรดยูริก (สาเหตุของการเกิดโรคเกาต์) ในกระแสเลือดเพิ่มขึ้น
เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว เราก็ไม่ควรปล่อยให้น้ำอัดลมบุกจู่โจมทำร้ายสุขภาพ และควรเตรียมตัวป้องกันด้วยการระมัดระวังในการดื่มน้ำอัดลม เพื่อการดำเนินชีวิตตามปกติอย่างมีความสุข