หน่วยสืบสวนจานบิน

จากรายงานพบเห็นวัตถุบินลึกลับเป็นจำนวนมากในสหรัฐช่วงทศวรรษที่ 1950 ทำให้รัฐบาลสหรัฐวิตกกังวลว่ามนุษย์ต่างดาวอาจจะแอบมาสอดแนม และบุกเข้ายึดครองโลกวันใดวันหนึ่ง เพื่อเป็นความไม่ประมาทประธานาธิบดี แฮร์รี่ ทรูแมน จึงได้จัดตั้งหน่วยงานลับหน่วยงานหนึ่งขึ้นเมื่อวันที่ 24 กันยายน ค.ศ. 1947 และตั้งชื่อหน่วยงานนี้ว่า "มาเจสติก 12" (Majestic 12)

หลายคนอาจเคยรู้จักหรือได้ยินชื่อหน่วยงานนี้ในชื่ออื่นๆ เช่น เอ็มเจ12 (MJ-12), เมจิ12 (Maji 12),เมจิก12 (Majic 12), หรือ เมจิคอม12 (Majicom 12) ก็ขอให้รับทราบว่าเรากำลังพูดถึงหน่วยงานเดียวกันอยู่

หน้าที่หลักของหน่วยงานนี้ก็คือ การนำข้อมูลและหลักฐานเกี่ยวกับวัตถุบินลึกลับที่ได้มาจากกองทัพหน่วยสืบราชการลับ และหน่วยงานอื่นของรัฐมาศึกษาเพื่อหาข้อเท็จจริง


เมจิก (Majic) เป็นคำที่ย่อมาจากคำว่า Majority Agency for Joint Intelligence Control หรือ หน่วยงานที่เป็นศูนย์กลางของหน่วยสืบราชการลับหน่วยต่างๆ ของสหรัฐ ส่วนมาเจสติก (Majestic) นั้นน่าจะหมายถึง ประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งคณะกรรมการในเมจิก 12 มีหน้าที่รายงานผลการสืบสวนให้กับประธานาธิบดีทราบเป็นระยะๆ

ปฏิบัติการเมเจอริตี้ (Majority Operation) เป็นปฏิบัติการที่มีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ต่างดาว คณะกรรมการที่อยู่ในหน่วยเมจิก12 นั้นจะถูกเรียกแทนด้วยโค้ด เช่น MJ1, MJ2 เรื่อยไปจนถึง MJ12 พวกเขาจะประสานงานกับหน่วยงานอื่นๆ ของรัฐ เช่น หน่วยป้องกันราชอาณาจักร (NSA) ซีไอเอ เอฟบีไอ และหน่วยงานอื่นๆ ของรัฐบาล

National Security Agency headquarters, Fort Meade Maryland

   


จะว่ากันไปแล้ว เมจิก12 ถือกำเนิดขึ้นเมื่อครั้งเกิดเหตุการณ์(อ้างว่ามี)จานบินของมนุษย์ต่างดาวตกที่ รอสเวลล์ เมื่อต้นเดือนกรกฏาคม 1947 ทำให้รัฐบาลสหรัฐแต่งตั้งคณะบุคคลขึ้นสืบสวนเหตุการณ์ในครั้งนั้น มีข่าวลือว่า เมจิก12 ได้ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวเกรย์ส (Greys) โดยมีข้อตกลงกันว่ามนุษย์ต่างดาวจะให้ความรู้ทางเทคโนโลยีแลกเปลี่ยนกับการที่สหรัฐ จะให้พื้นที่ในการสร้างฐานทัพแก่มนุษย์ต่างดาวพร้อมกับมอบมนุษย์ให้เพื่อใช้ในการศึกษา

เมจิก12 ไมได้เพียงแค่มีหน้าที่ในการศึกษาเรื่องวัตถุบินลึกลับหรือสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวเท่านั้น พวกเขายังมีหน้าที่ปกปิดเรื่องราวต่างๆ เหล่านี้ไม่ให้แพร่งพรายออกไปสู่สาธารณชน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้รัฐบาลสหรัฐต้องปกปิดการมีอยู่ของหน่วยงานนี้

   


เมื่อมีรายงานว่ามีผู้พบเห็นวัตถุบินลึกลับ เจ้าหน้าที่ของเมจิก12 ก็จะรุดไปสอบสวน และถ้าหากพยานคนนั้นรู้เห็นมากเกินไป เขาก็จะถูก "แนะ"และ "เตือน" ให้ระมัดระวังการพูดถึงเรื่องราวเหล่านั้นต่อสื่อมวลชนดังที่ วิลเลี่ยม "แมค" บราเซล (William "Mac" Brazel) ผู้พบชิ้นส่วนยานอวกาศตกที่ รอสเวลล์ และได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุท้องถิ่น แต่ภายหลังก็กลับคำให้สัมภาษณ์

วิธีการที่หน่วยงานนี้ใช้ในการ "กลบข่าว" นั้นดูจะโหดอยู่สักหน่อยถึงแม้จะไม่มีหลักฐานว่ามีพยานคนใดถูกฆาตกรรมแต่พยานหลายคนก็หายสาบสูญไปเฉยๆ ส่วนเรื่องข่าวที่หลุดออกไปสู่สายตาสาธารณชนนั้น ใช่ว่ารัฐบาลจะเพียงออกมาแก้ข่าวให้ประชาชนหายตื่นตระหนกต่อข่าวนั้น แต่พวกเขากลับสร้างหลักฐานออกมาค้านมากมายจนทำให้ดูเหมือนกับว่าผู้ให้ข่าวเป็นตัวตลกที่เพ้อเจ้อไปเอง

   


ใครเป็นใครใน "เมจิก 12"

MJ1 พลเรือตรี รอสโค ฮิลเลนโคเอทเตอร์ (Rear Adm. Roscoe H. Hillenkoetter)

ผู้อำนวยการ ซีไอเอ (1947-1950) ถูกสงสัยว่าเป็นหัวหน้าทีมเมจิก12 อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลและกองทัพสหรัฐเคยกล่าวยืนยันว่า มีกลุ่มผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาลติดต่อกับมนุษย์ต่างดาว และในปี ค.ศ. 1960 ตัวนายพล รอสโค เองก็เคยยอมรับว่ามีการศึกษาเรื่องวัตถุบินลึกลับอย่างลับๆ

   


MJ2 ดร. แวนเนวาร์ บุช (Dr. Vannevar Bush)

ประธานคณะกรรมการร่วมสภาวิจัยและพัฒนา (1945-1949) เป็นที่ปรึกษาประธานาธิบดี ผู้คิดค้นเครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคแรกๆ หนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ที่ร่วมสร้างระเบิดปรมาณู วิลเบิร์ท สมิธ (Wilbert Smith)

วิศวกรโครงการป้องกันภัยของรัฐบาลแคนาดา ได้เขียนบันทึกไว้ในปี ค.ศ. 1950 ว่า"ยานอวกาศมนุษย์ต่างดาวมีจริง แต่ยังไม่มีใครรู้ว่ามันทำงานอย่างไร ขณะนี้มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่นำทีมโดย ดร. แวนเนวาร์ บุช กำลังศึกษาเรื่องนี้อย่างขมักเขม้น"

   


MJ3 เจมส์ ฟอร์เรสตอล (James Forrestal)

รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม (1947-1949) เขาเกิดอาการโรคประสาทและทำอัตวินิบาตกรรมในปี ค.ศ. 1949 ผู้ที่ได้รับเลือกเข้ามาแทนที่คือ พลเอก วอลเตอร์ บีเดลล์ สมิทธ์ (General Walter Bedell "Beetle" Smith) เอกอัครราชทูตประจำรัสเซีย (1946-1949) และผู้อำนวยการ ซีไอเอ (1950-1953)

ในปี ค.ศ. 1991 พันเอกพิเศษ อาร์เธอร์ เอ็กซอน (General Arthur Exon) อดีตผู้บัญชาการฐานทัพอากาศ ไรท์-แพทเทอร์สัน กล่าวว่าเขาไม่รู้จัก "เมจิก12" แต่ทราบว่ามีหน่วยงานลับชื่อ "13 ผู้ฝ่าฝืน(พระเจ้า)" (Unholy Thirteen) กำลังศึกษาเรื่องวัตถุบินลึกลับ

13 ผู้ฝ่าฝืนที่เขากล่าวถึงอาจเป็นเมจิก12 กับประธานาธิบดีสหรัฐ

   


MJ4 พลอากาศเอก นาธาน ทวินิง (General Nathan F. Twining)

ผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการยุทธปัจจัยทางอากาศแห่งฐานทัพไรท์ ต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานของเสนาธิการทหาร ซึ่งเป็นตำแหน่งทางทหารที่สูงที่สุดของกองทัพสหรัฐ ดร. เอริค วอลเกอร์ (Eric Walker) อดีตประธานสถาบันวิเคราะห์การป้องกันภัย อ้างว่าเขาเคยร่วมสัมมนาเกี่ยวกับการค้นพบยานอวกาศมนุษย์ต่างดาวที่ฐานทัพไรท์-แพทเทอร์สัน เขายังกล่าวอีกด้วยว่าเขารู้จัก "เมจิก12" ทุกคนมานานกว่า 40 ปีแล้ว!

   

MJ5 พลเอก ฮอยท์ แวนเดนเบิร์จ (General Hoyt Sanford Vandenberg)

หัวหน้าหน่วยข่าวกรองกองทัพในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และเป็นผู้อำนวยการ ซีไอเอ (1946-1947)

   


MJ6 ดร. เดท์เลฟ บรอง (Dr. Detlev Bronk)

นักชีวฟิสิกส์ หัวหน้าสมาคมนักวิทยาศาสตร์ และประธานที่ปรึกษาทางการแพทย์ของคณะกรรมการพลังงานปรมาณู

   


MJ7 ดร. เจอโรม ฮันเซเกอร์ (Dr. Jerome Hunsaker)

นักออกแบบเครื่องบินผู้มีชื่อเสียง และประธานคณะกรรมการให้คำปรึกษาวิชาการบิน

   

MJ8 พลเรือตรี ซิดนีย์ โซเออร์ (Rear Admiral Sidney Souers)

ผู้อำนวยการ ซีไอเอ (1946) และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเลขานุการบริหารของสภาความมั่นคงแห่งชาติในปี ค.ศ. 1947

ดอน เบอร์ลิงเจอร์ (Don Berlinger) นักเขียนเรื่องวิทยาศาสตร์และนักสืบสวนเรื่องวัตถุบินลึกลับได้รับฟิล์มถ่ายรูปเอกสาร "คู่มือปฏิบัติการพิเศษมาเจสติก 12" (Majestic - 12 Group Special Operations) ลงวันที่เดือน เมษายน 1954 จำนวน 23 หน้า จากผู้ไม่ประสงค์ออกนามเมื่อปี 1994

   

MJ9 กอร์ดอน เกรย์ (Gordon Gray)

ผู้ช่วยเลขานุการกองทัพ ต่อมาเป็นที่ปรึกษาสภาความมั่นคงและผู้อำนวยการฝ่ายยุทธจิตศาสตร์ของ ซีไอเอ

   

MJ10 ดร. โดนัลด์ เมนเซล (Dr. Donald Howard Menzel)

ศาสตราจารย์ทางฟิสิกส์ดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด และนักพิสูจน์ วัตถุบินลึกลับ(ว่าไม่จริง) ได้รับหน้าที่กี่ยวกับโครงการลับสุดยอดหลายโครงการและยังเป็นที่ปรึกษาของประธานาธิบดีหลายสมัย

   

MJ11 พลตรี โรเบิร์ท มอนตากู (Maj. Gen. Robert Montague)

หัวหน้าโครงการอาวุธพิเศษของคณะกรรมาธิการพลังงานปรมาณู

   


ภายใต้โครงการเมจิก (Majic Projects) ยังมีการแบ่งงานกันทำออกเป็นโครงการย่อยๆ อีกมากมายคือ

ซิกม่า (Sigma)
ทำหน้าที่ในด้านทำการติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาว

พลาโต้ (Plato)
สร้างความสัมพันธ์ทางการทูตกับมนุษย์ต่างดาว

อควาริอัส (Aquarius)
ศึกษาเปรียบเทียบประวัติศาสตร์โลกและเผ่าพันธ์มนุษย์ กับการปรากฏตัวของมนุษย์ต่างดาว

การ์เน็ท (Garnet)
ควบคุมข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ต่างดาว

พลูโต (Pluto)
ประเมินข้อมูลที่ได้จากวัตถุบินลึกลับเพื่อนำมาใช้ในเทคโนโลยีทางอวกาศ

พันซ์ (Pounce)
กู้ยานอวกาศที่ตกหรือลงจอด และยังทำหน้าที่สร้างเรื่องเพื่อปกปิดความจริงไม่ให้ออกสู่สายตาสาธารณชน โครงการนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูงและปัจจุบันยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่

เอ็นอาร์โอ (NRO)
องค์กรลาดตระเวณแห่งชาติ (National Recon Organization) มีสำนักงานอยู่ที่ป้อมคาร์สัน รัฐโคโลราโด รับผิดชอบทางด้านความปลอดภัยที่อาจเกิดจากมนุษย์ต่างดาว

เดลต้า (Delta)
เป็นกองกำลังให้กับเอ็นอาร์โอ มีรหัสเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "ชายชุดดำ" (Men In Black) เป็นที่มาของภาพยนตร์เรื่อง Men in Black

   


บลูทีม (Blue Team)
เดิมทีคือ โครงการศูนย์บัญชาการยุทโธปกรณ์การบิน รับผิดชอบเหตุการณ์ยานอวกาศมนุษย์ต่างดาวตกหรือร่อนลงจอด และการปรากฏตัวของมนุษย์ต่างดาว

ไซน์ (Sign)
โครงการสัญลักษณ์ทำหน้าที่รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อดูว่ามนุษย์ต่างดาวที่พบนั้นมาดีหรือร้าย

เรดไลท์ (Red Light)
ทำการทดสอบยานอวกาศมนุษย์ต่างดาวที่ยึดมาได้ โครงการนี้ทดลองกันในพื้นที่ 51 แต่หลังจากที่ล้มเหลวจากการทดสอบ และมีนักบินหลายคนเสียชีวิต โครงการนี้ถูกยกเลิกไปช่วงหนึ่งแต่ก็กลับมารื้อฟื้นอีกครั้ง ในปี ค.ศ. 1972 การทดลองประสบความสำเร็จขั้นหนึ่งและปัจจุบันโครงการนี้ยังดำเนินอยู่

สโนวเบิร์ด (SnowBird)
เป็นโครงการที่สร้างขึ้นมาเป็นฉากบังหน้าโครงการเรดไลท์ เป็นการสร้างเครื่องบินที่มีรูปร่างเหมือนจานบินของมนุษย์ต่างดาวแต่ใช้เทคโนโลยีของเครื่องบินธรรมดา เพื่อสร้างข่าวส่งไปยังสื่อมวลชนทำให้ประชาชนเข้าใจว่า จานบินที่ตนเห็นนั้นแท้จริงแล้วก็คือ เครื่องบินรุ่นใหม่ที่กองทัพอากาศสหรัฐ
กำลังศึกษาและทดลองอยู่ แต่โครงการนี้จะทำเป็นช่วงๆ เฉพาะตอนที่รัฐบาลต้องการสงบข่าวเวลาที่มีคนร่ำลือกันว่าเห็นยานอวกาศมนุษย์ต่างดาว

บลูบุ้ค (Blue Book)
โครงการนี้เริ่มขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1947 และถูกยกเลิกเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 1969 เป็นโครงการที่เก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุบินลึกลับและมนุษย์ต่างดาว โครงการอควาริอัส มารับหน้าที่ต่อจากโครงการนี้


  ที่มา
หนังสือ "ร้ายสาระ" โดย ศิลป์ อิศเรศ
http://en.wikipedia.org/wiki/Majestic_12
http://www.ofesite.com/hangar51/incred/stories/maj12.htm
www.majesticdocuments.com
  

 

ดูเอกสารตัวจริงได้ตามลิงค์นะคะ

http://www.majesticdocuments.com/pdf/fdr.pdf
http://www.majesticdocuments.com/pdf/marshall-fdr-march1942.pdf
http://www.majesticdocuments.com/pdf/fdr_22feb44.pdf
http://www.majesticdocuments.com/pdf/oppenheimer_einstein.pdf
http://www.majesticdocuments.com/pdf/eisenhower-ireland-30june47.pdf
http://www.majesticdocuments.com/pdf/ipu_fieldorder.pdf
http://www.majesticdocuments.com/pdf/bush-truman_5jul47.pdf
http://www.majesticdocuments.com/pdf/twining_truman.pdf
http://www.majesticdocuments.com/pdf/metallurgical_lab.pdf
http://www.majesticdocuments.com/pdf/rdlab_analyticalrpt2sept47.pdf

cr.http://www.educatinghumanity.com

ไม่มีใครรู้ว่าจริงๆแล้วสำนักงานของ Mj อยู่ที่ใด อาจจะตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ 51 ก็ได้ใครจะรู้...

   เรื่องนี้ถูกอุบมานานแสนนาน จนกระทั่งเมื่อปี 1995 วุฒิสภาสหรัฐ นำโดยวุฒิสมาชิก สตีฟ ชิฟฟ์ ได้ร้องขอให้มีการตรวจสอบหน่วยงาน Magestic 12 และเสนอแถลงการสู่สาธารณชนผลคือทางหน่วยสอบสวนพิเศษของกองทัพอากาศสหรัฐออกมาปฏิเสธเรื่องนี้ว่าไม่มี มันเป็นเรื่องที่คนกลุ่มหนึ่งกุขึ้นมาเล่น ๆ เท่านั้นเอง ......   

ปล.ถ้ามีจริงสหรัฐคงออกมาแถลงนะ ว่ามีหน่วยงานลับ มีตัวตนและกำลังดำเนินการอยู่จริงอ่ะ...ออกมาบอกแล้วมันจะเรียกว่า "ลับ" เรอะ   

เรื่องที่รอสเวลล์ก็โดนปิดมานาน(คหสต.อีกรอบค่ะ)

ใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ อิอิ

ด้านล่างเป็นสารคดี Majestic 12 มี 5 ตอนค่ะ

ขอบคุณที่รับชมค่ะ^^~

Credit: redghost77
10 ก.ย. 54 เวลา 23:08 5,621 9 180
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...