นักสิ่งแวดล้อมห่วงธารน้ำแข็งกรีนแลนด์-ภูเขาหิมาลัยละลายหมด อาจกระทบ
ชาวโลก 500 ล้านชีวิตต้องไร้ที่อยู่อาศัย
เว็บไซต์ฟอร์บส์ รายงานเมื่อวันที่ 6 กันยายนว่า นายโรเบิร์ต เพอร์เวส ที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อมออสเตรเลีย
และหนึ่งในคณะกรรมการขององค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) แสดงความวิตกว่า
ในอนาคตประชากรโลกกว่า 500 ล้านคนอาจจะไม่มีที่อยู่อาศัย
หากธารน้ำแข็งในกรีนแลนด์ และบนเทือกเขาหิมาลัยละลายหมด ซึ่งเกิดจากสภาพอากาศ
ที่เปลี่ยนแปลง
โดยเมื่อไม่นานมานี้ นายโรเบิร์ต เพอร์เวส เพิ่งได้เดินทางไปสำรวจธารน้ำแข็งที่กรีนแลนด์
ธารน้ำแข็งโคลัมเบียของประเทศแคนาดา และธารน้ำแข็งขนาดใหญ่อีก 12 แผ่นใน
บริเวณใกล้เคียงกัน ซึ่งจากการสำรวจในครั้งนั้น
เขาได้พบว่า อุณหภูมิในทะเลกรีนแลนด์
นั้นอุ่นขึ้นกว่าเดิมมาก จนทำให้เกิดสัตว์น้ำสายพันธุ์ใหม่อีกกว่า 100 สายพันธุ์ใต้ท้องทะเล
นายโรเบิร์ต ระบุว่า ปรากฏการณ์ ที่เกิดขึ้นนี้แสดงให้เห็นว่า กรีนแลนด์กำลังตกอยู่ใน
อันตราย และยิ่งไปกว่านั้น หากธารน้ำแข็งกรีนแลนด์ละลายจนหมด อาจทำให้ระดับน้ำ
ทะเลเพิ่มสูงขึ้นอีก 9-15 ฟุต หรือประมาณ 2.7-4.5 เมตรเลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่า
หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ จะส่งผลกระทบต่อประชากรโลกมากกว่า 500 ล้านคนที่ต้อง
ไร้ที่อยู่อาศัย
เช่นเดียวกับปรากฏการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในเทือกเขาหิ มาลัย ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำสำคัญ
ที่ชาวจีน และชาวอินเดียกว่า 2 พันล้านคนใช้อุปโภคบริโภค เพราะขณะนี้ โรเบิร์ต
เพอร์เวส พบว่า น้ำแข็งที่ปกคลุมเทือกเขาหิมาลัยมีความกว้าง และความหนาลดลงจากเดิม
ที่เคยวัดในช่วงปี ค.ศ.1980 ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ไม่ต่างกับปริมาณน้ำแข็งในมหาสมุทร
อาร์กติกที่ลดลงไป ถึง 50 เปอร์เซ็นต์
เนื่อง มาจากความร้อนที่พัดพาเข้าไปในน้ำทะเล
ทำให้อุณหภูมิของน้ำทะเลเปลี่ยนแปลงไปราว 4-5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเขาย้ำว่า ความจริงที่เกิดขึ้น
ในวันนี้ ทำให้เขาวิตกกังวลต่อผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเป็นอย่างมาก