Gay Bigfoot & the 7 Weirdest Mythical Creatures in the World
คุณเบื่อบิ๊กฟุตหรือเปล่า? คุณเบื่อเนสซีหรือเปล่า? วันนี้ผมจะพาท่องไปเที่ยวรอบโลกไปหาสัตว์ประหลาด(สัตว์ลึกลับ) ซึ่งแต่ละประเทศก็มีสัตว์ประหลาดแบบบิ๊กฟุตที่แตกต่างกันออกไป ใครได้อ่านดู ต้องโอ้ๆๆๆๆ ว่ามันเคยมีคนพบเห็นด้วยเหรอนี้ นึกว่ามีอยู่ในตำนาน
........เกือบลืม นอกจากสัตว์พวกนี้ยังแปลกประหลาดแล้ว สัตว์พวกนี้ยังน่ากลัวเสียด้วยสิ บางตัวสร้างความเสียหายแก่มนุษย์และนำมาซึ่งภัยพิบัตอย่างน่าประหลาด เหลือเชื่อ.......รวมๆ แล้วมี 7 ชนิด 7 สัตว์ประหลาด ซึ่งสัตว์เหล่านี้เหล่านี้เราหวังว่าจะมีการค้นพบเพื่อพิสูจน์ว่ามันเป็นตัวอะไรกันแน่
มีอะไรบ้างไปดูกัน..................+ +
อันดับ7. โพโพบาวะ(Popobawa)
ทรามซิลวาเนีย anzania:mk
ทรามซิลวาเนีย แดนผีดูดเลือด ประเทศที่มีธรรมชาติที่สวยงาม พระอาทิตย์ตกดินก็โรแมนติก แต่พอตกกลางคืนกลับกลายเป็นคืนที่หวาดผวาเมื่อมีสิ่งมีชีวิตลึกลับเคยก่อกวนพวกเขายิ่งกว่าผีดูดเลือด มันคือ.... Popobawa หรือยักษ์บินกินคน....(นึกว่ามีแต่นิยาย)
ในศวรรษที่ 70 ที่โซมิซ (ในปี 1995 ก็ยังเกิดอยู่ โดยเฉพาะที่ทรามซิสวาเนีย ไอร์แลนด์ )เกิดเหตุการณ์สัตว์ลึกลับประหลาดชนิดหนึ่งอาละวาด รูปร่างเหมือนไซครอปสัตว์เทพนิยายกรีกแต่มีขนาดเล็กกว่ามากๆ พอๆ กันค้างคาว มีตาเล็กขนาดใหญ่ หูแหลม ส่งเสียงทางจมูกฟิ๊ตๆและมีกลิ่นเหม็นมากๆ มันชอบทำร้ายคนมากกว่าสัตว์เลี้ยง ชอบก่อกวนหนังคาของชาวบ้านตอนกลางคืน และชอบลับๆ ล่อๆ เข้าไปในบ้านของชาวบ้านเสียด้วยสิ แต่กระนั้นหลายคนก็บอกว่ามันน่าจะเป็นคนปลอมตัวมากกว่า(คงใช้สลิงลอยตัว) เพราะมีรายงานว่ามันตบตีผู้หญิง(แสดงว่าชอบซาดิสต์)แถมยังปล้นสะดมด้วย.........เออ ลืมบอกไป สิ่งที่มันขโมยส่วนใหญ่คือเสื้อผ้า โดยเฉพาะกางเกง.........(เอาไปทำไมเนี้ย)
อันดับ 6 มานานังเกล (Manananggal)
ฟิลิปปินส์
(ลองแปลดูแล้ว อ่านดูนึกว่าเป็นกระสือบ้านเรา) มันเป็นสัตว์ลึกลับ(หรือเผ่าลึกลับหว่า??)ของชาวเกาะในฟิลิปปินส์ โดยรูปร่างของ มานานังเกล มีรูปร่าง และหน้าเป็นผู้หญิงโบราณสวย แต่มีปีกขนาดใหญ่ที่หลังมีความสามารถถอดลำตัวของมันแยกออกได้โดยไม่ตาย(ผีแล้วนั้น) และบินออกไปหาเหยื่อ
เรื่องของเจ้า มานานังเกล นั้นน่ากลัวมาก โดยที่เกาะ วิซายัน จะเห็นผู้คนแขวนกระเทียมจำนวนมาก เพื่อป้องกันเจ้า มานานังเกล (มันเป็นเดร็กคูล่าเหรอเนี้ย) นอกจากนี้ยังมีความเชื่ออีกว่าถ้าเอาเกลือมาพรมที่พักของ มานานังเกล และพรมที่ท่อนบนที่เจ้า มานานังเกล แยกตัวออก(ตรงรอยต่อนั้นแหละ) มันจะตายเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น (ทำไมไม่ใช้ปืนยิงหว่า ง่ายดี ไม่ยุ่งยากด้วย)
ทำไมถึงกลัว ความจริงเจ้าเหรอ มานานังเกล ก็ไม่มีอันตรายอย่างตรงไปตรงมาหรอก เว้นสิ่งเหลวที่พ่นใส่ปากหญิงตั้งครรภ์จะทำลายเด็กในครรภ์ได้ นอกจากนี้มันยังชอบกินหัวใจเด็ก(เหมือนปอบ) นอกจากนี้ยังชอบกินลูกไก่ของชาวบ้านอีกด้วย
ดูคลิปนี้ได้ที่ http://www.youtube.com/watch?v=OPLjcWTU6aI
อันดับ 5 โวลเปอทิงเกอ (Wolpertinger)
เยอรมัน
กระต่ายเขากวาง หลายคนอาจรู้จัก ซึ่งมันอาศัยอยู่ในอเมริกาตะวันตก แต่ที่เยอรมันนั้นต่างกัน รูปร่างของมันก็เหมือนกระต่ายแหละเพียงแต่มันมีปีกเหมือนเป็ด มีเขี้ยว และเขาเหมือนกวาง ที่อยู่อาศัยของมันอยู่ที่ป่าสีดำของเบนาเซียว่ากันว่าสัตว์ลึกลับตัวนี้เกิดจาก ไวรัส Shope Papilloma เป็นสาเหตุมันกลายพันธุ์ โดยเป็นเนื้องอกมะเร็งคล้ายเขากวางบนหัวของกระต่าย (แต่มะเร็งไม่ได้ทำให้มันบินได้หรอกน่ะ) ซึ่งมันก็ไม่น่ากลัวอะไรหรอก(ใครจะบ้ากลัวกระต่าย) เพียงแต่มีข่าวลือกันว่ามันอาจเป็นพาหนะแพร่เชื้อโรค หรือเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้นกะหล่ำของชาวบ้านตาย อีกทั้งมันอาจกัดคุณได้ถ้าคุณไปเล่นหัวมัน(ดูเขี้ยวสิ) นอกจากนี้มียังมีนิสัยชอบหนุ่มหล่อ-สาวสวยอีก(โหย)
อันดับ 4 หนอนมรณะ (The Death Worm)
มองโกเลีย
อัลกอย คอคอย หรือ หนอนมรณะ(บางที่เรียกว่าหนอนไฟฟ้า) ถ้าคุณจะไปทะเลทรายโกบี หรือทะเลทรายมองโกเลียละก็ระวังมันให้ดี เจ้าหนอนชนิดนี้มันจะฝังตัวในทะเลทราย และเมื่อมันหิวเมื่อไหร่มันจะออกล่า อูฐ และม้า ซึ่งเป็นอาหารโปรดของมัน โดยทั่วไปรูปร่างของมันจะคล้ายๆ ลำไส้วัวตัวเมีย มีสีแดงเข้ม มีท่าไม้ตายคือถ่มน้ำลายที่มีพิษเหมือนพิษงูเหลืองซึ่งเป็นอันตรายถึงตายได้ทันทีที่สัมผัสมัน นอกจากนี้มันยังสามารถปล่อยกระแสไฟฟ้าแรงสูงเพื่อฆ่าเหยื่อได้ด้วย(ปิกาจูหรือเปล่านั้น)
ว่ากันว่าเจ้าหนอนตัวนี้เกิดขึ้นเพราะการทดลองของทหาร ซึ่งเขาใช้พื้นที่ทะเลทรายทดสอบอาวุธนิวเคลียร์เข้าบางที่หนอนนั้นอาจเกิดกลายพันธุ์ดังกล่าว และหนอนชนิดนี้เป็นที่สนใจของชาวตะวันตกมากถึ้งขั้นแต่งเป็นนิยายวิทยาศาสตร์ โดย อีวาน แมคเคิล นักประพันธ์รัสเซีย
อันดับ 3 พญานาค (Phaya Naga)
ประเทศลาว , ไทย (เย้ๆ ประเทศไทยติดอันดับโลก)
พญานาค เป็นสัตว์มหัศจรรย์ ที่บ้านเราเชื่อว่าเป็นงูยักษ์ แต่ทางฝรั่งคิดว่าเป็นปลามากกว่า
น่าเหลือเชื่อว่าพญานาคบ้านเราติดอันดับ 3 ด้วยเหตุผลมันพ่นไฟได้ (ความจริงพญานาคพญานาค มีพิษร้าย สามารถทำอันตรายผู้อื่นได้ด้วยพิษ ถึง 64 ชนิดแต่ฝรั่งไม่ยักสน)...................
เรื่องของเรื่องคือแม่น้ำโขงไงครับ พระจันทร์เต็มดวงเดือนตุลาคม บั้งไฟพญานาค ที่ฝรั่งมาเห็นโอ้ มายก็อด นั้นคืออะไรนี้ ไฟขึ้นจากน้ำกลมๆ สีแดง แถมเยอะอีก ลอยบนไฟด้วย นั้นขีปนาวุธหนักเปล่าหว่า และเมื่อฝรั่งได้ยินคำตอบว่า ไฟนี้เกิดจากปลา(หรืองู)ชนิดหนึ่งชื่อ พญานาค ก็ร้องโอ้อีกแล้วพูดว่า "ฉันพึ่งเคยได้ยินนี้แหละ ว่าบนโลกใบนี้มีปลา(หรืองู)ที่สามารถสร้างขีปนาวุธติดวัตถุระเบิดแล้วพ่นทางปลาด้วย ฝรั่ง งง........."
เอาเถอะ.......แม้มีผลวิจัยบอกว่า บั้งไฟพญานาคเกิดจากแก๊สธรรมชาติก็เถอะ ชาวบ้านแถบลุ่มน้ำโขงก็ไม่เชื่ออยู่ดีแหละ เพราะความเชื่อพญานาคนั้นมันฝังลึกในสมองของพวกเขาแล้ว และพอถึงปี 2003 สถานีโทรทัศน์ประเทศไทย(ไอทีวี) ได้ออกมาเสนอข่าวว่าบั้งไฟพญานาคนี้มาจากพลุไฟของทหารลาว ที่ยิงมา
จากเรือลอยน้ำที่จุดขึ้นบนฟ้าเพื่อเฉลิมฉลองงานเลี้ยงที่Buddhist ต่างหาก และเมื่อสถานีแฉเสร็จก็โดนด่าจากคนทั้งประเทศสิ แถมมีการฟ้องร้องอย่างใหญ่โตอีก เรียกเงินค่าเสียหายนับล้าน
แม้ไม่มีรายงานความเสียหายบั้งไฟพญานาคตกใส่คน หรือทำอันตรายต่อผู้พบเห็น แต่ก็ถือว่ามันก็สร้างความเสียหายแบบอ้อมๆ แหละ กับสถานีโทรทัศน์ไอทีวี เพราะหมดเงินค่าเสียหายเยอะน่าดู
อันดับ 2 ทิคบาลัง (Tikbalang)
ฟิลิปปินส์
ออกไปนอกโลกเลยคราวนี้ กับอันดับ 2 กลับมาที่ ฟิลิปปินส์อีกครั้ง แม้เห็นรูปร่างแบบนี้ก็เถอะแต่มันก็น่ากลัวไม่ใช่ย่อยเลย เพราะมันฆ่าคนด้วย..............
ทิคบาลังเป็นสัตว์ลึกลับ ครึ่งคนครึ่งม้า ตาสีแดง รูปร่างเหมือนคน หัวเป็นม้า แต่มีสี่ขาเหมือนเซนเทอร์(สัตว์ในตำนานของกรีก) ขาของมันค่อนข้างยาวสามารถกระโดดได้ไกลมาก ที่อยู่อาศัยของมันอยู่ที่ป่าลึกของฟิลิปปินส์ โดยตามความเชื่อของชาวบ้าน ทิคบาลังชอบกินคน โดยการล่อลวงเหยื่อเข้าไปในป่า แล้วทุบตีอย่างไร้ความปรานี
อันดับ 1 กษัตริย์หนู (Rat King)
ยุโรป
และแล้วก็มาถึงอันดับ 1 ของเราที่ผมก็ไม่รู้ว่ามันติดเพราะอะไร เพราะมันไม่ใช้สัตว์ลึกลับ แต่เป็นปรากฏการณ์ลึกลับที่แปลกประหลาดที่ไขปริศนามากกว่า ว่าเป็นเพราะอะไรมันถึงต้องทำอย่างนั้น
ปรากฏการณ์ราชาหนูหรือพญามุสิกนั้น เป็นปรากฏการณ์ที่ หนูเป็นๆ กลุ่มหนึ่ง อายุรุ่นคราวเดียว มัดหางติดกันทั้งกระจุกและถ้าเราให้แพทย์ไปทำการเอ็กซ์เรย์จะพบว่ากระดูกท่องหางของมันมัดอย่างหนาแน่น กระดูกบางชิ้นมีรอยหัก แสดงว่าหนูพวกนี้มีหางติดกันมานาน และพยายามดึงตัวให้ออกพันธนาการแต่ไม่สำเร็จ
ปรากฏการณ์พญามุสิกนี้ ในช่วง ค.ศ. 1562 ถึง 1963 ได้เกิดขึ้น 57 ครั้ง ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในเยอรมัน ซึ่งทุกรายเป็นหนูสีดำ จำนวนหนูในแต่ละกระจุกนั้นมีระหว่าง 5 ถึง 12 ตัว และเป็นหนูวัยเดียวกัน อายุยังไม่โตเต็มที่ มักพบที่ที่มีรูเพดาน ฝาบ้าน ในครัว ในยุ้ง พร้อมกับเสียงร้องจี๊ดจ๊าดกันระงมในรังที่อยู่อาศัยของมัน และเมื่อใดที่ผู้คนพบเห็นปรากฏการณ์นี้จะเป็นการทำนายคร่าวๆ ว่า "จะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นในไม่ช้านี้" เช่นเหตุการณ์โรคระบาดอหิวาของยุโรป, สงครามโลก