แม้ว่านาซาจะประสบความสำเร็จในการส่งมนุษย์ไปเยือนดวงจันทร์เมื่อกว่า 40 ปีก่อน แต่มีหลาย
คนไม่เชื่อว่าโครงการ “อะพอลโล” ของสหรัฐฯ จะปฏิบัติภารกิจดังกล่าวได้จริง และยังมีทฤษฎี
มากมายที่เสนอขึ้นมาจับผิดองค์การอวกาศ ซึ่งทางสเปซด็อทคอมได้หยิบ 10 ทฤษฎีจับผิด
และข้อมูลแย้งมานำเสนอ
ทฤษฎีจับผิด 1 : องค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) ส่งยานอวกาศไป
เยือนดวงจันทร์ช่วงปลายทศวรรษที่ 1960 ถึงต้นทศวรรษ 1970 แต่มนุษย์อวกาศของ
สหรัฐฯ ไม่เคยเหยียบดวงจันทร์
ข้อมูลแย้ง : นาซาส่งมนุษย์อวกาศในโครงการอะพอลโล (Apollo) ไปลงดวงจันทร์จริง แต่ข้อ
เท็จจริงดังกล่าวไม่อาจหยุดยั้งทฤษฎีสมรู้ร่วมคิด ว่ามนุษย์ไม่เคยเหยียบบนดวงจันทร์ และยังมี
ทฤษฎีที่เสนอว่าภาพการเหยียบดวงจันทร์นั้นเป็นการจัดฉากหลอกลวงระดับโลก
ทฤษฎีจับผิด 2 : นาซาหลอกลวงเพราะธงชาติสหรัฐฯ ปลิวไสวบนดวงจันทร์
ข้อมูลแย้ง : หากมองดูใกล้ๆ เราจะเห็นว่าที่ขอบธงนั้นถูกตรึงไว้ ซึ่งเป็นผลจากเส้นลวดที่
เสริมเข้าไปในผืนผ้าเพื่อให้ธงขึงตึง ส่วนลักษณะที่คล้ายกับผืนธงปลิวไสวนั้นเป็นผลจากการที่
มนุษย์อวกาศพยายามตั้งธง ด้วยเหตุผลเหล่านี้ทำให้ธงชาติสหรัฐฯ ดูปลิวไสว
ทฤษฎีจับผิด 3 : นักบินอวกาศน่าจะเสียชีวิตเพราะอนุภาคมีประจุจากแถบการแผ่รังสีแวน
อัลเลน (Van Allen Belt)
ข้อมูลแย้ง : แถบการแผ่รังสีแวนอัลเลนนั้นเกิดจากสนามแม่เหล็กโลก ซึ่งช่วยปกป้อง
โลกเราจากรังสีอันตรายที่ดวงอาทิตย์ส่งมา แถบการแผ่รังสีทำหน้าที่สะสมและดักอนุภาครังสี
เหล่านั้นไว้ในชั้นรอบๆ โลก และหากเราไม่นั่งยานอวกาศเข้าไปอยู่ในแถบการแผ่รังสีนี้นาน
หลายชั่วโมงหรือหลายวัน ระดับรังสีที่เราได้รับเมื่อผ่านแถบดังกล่าวยังอยู่ในระดับปลอดภัย
และตลอดภารกิจลูกเรือของยานอะพอลโลผ่านแถบการแผ่รังสีดังกล่าวไม่ถึงชั่วโมง
ทฤษฎีจับผิด 4 : ภาพเงานักบินอวกาศบนดวงจันทร์ที่มีหลายมุมแสดงว่ามีแหล่งกำเนิด
แสงหลายแห่ง คล้ายกับแสงไฟจากสตูดิโอถ่ายทำภาพยนตร์
ข้อมูลแย้ง : นักบินอวกาศถ่ายภาพของพวกเขาบนทำเลที่เต็มไปด้วยเนินและภูมิประเทศ
ที่ค่อนข้างสว่างจ้า ซึ่งขณะนั้นดวงอาทิตย์ค่อนข้างอยู่ใกล้ขอบฟ้า และเส้นโค้งของพื้นดินทำให้
เกิดเงามากมายที่มีความยาวแตกต่างกัน
ทฤษฎีจับผิด 5 : ภายใต้แสงอาทิตย์อุณหภูมิบนดวงจันทร์ควรจะสูงเกิน 130 องศา
เซลเซียส และฟิล์มที่ใช้ถ่ายทำควรจะหลอมละลาย
ข้อมูลแย้ง : ไม่มีใครวางแผ่นฟิล์มเปล่าๆ บนพื้นผิวดวงจันทร์ที่ร้อนจัด ทั้งหมดถูกเก็บไว้ใน
กล่องที่มีการปกป้องอย่างดี นอกจากนี้ ช่วงเวลาที่ยานอะพอลโลลงจอดนั้นเป็นช่วงเวลารุ่งเช้า
หรือยามเย็นบนดวงจันทร์ ซึ่งทำให้มนุษย์อวกาศรับมือกับอุณหภูมิบนดวงจันทร์ได้ง่าย
ทฤษฎีจับผิด 6 : ถ้าจะฝากรอยเท้าบนดวงจันทร์ดินบนนั้นต้องชุ่มชื้น
ข้อมูลแย้ง : ไม่จริงเสมอไป หากเราเทผงที่มีความละเอียดมากๆ ลงบนพื้น อย่างเช่นผงแป้ง
ทัลคัม เราจะทำให้เกิดร่องรอยบนผงเหล่านั้นได้อย่างง่ายดายและยังคงรักษารูปร่างของร่อง
รอยนั้นได้ ซึ่งอนุภาคผงรักษาตำแหน่งเดิมด้วยการเสียดสีระหว่างกัน
ทฤษฎีจับผิด 7 : ในอวกาศนั้นเต็มไปด้วยอุกกาบาตขนาดเล็กที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง
ซึ่งสามารถพุ่งทะลุยานอวกาศและฆ่ามนุษย์อวกาศได้
ข้อมูลแย้ง : อวกาศยังมีเรื่องให้ประหลาดใจอยู่เสมอ ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าจะมีเศษซากเล็กๆ จำนวน
มากล่องลอยอยู่ในระบบสุริยะด้วยความเร็วราวๆ 200,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่อวกาศอัน
กว้างไกลทำให้ความหนาแน่นของเศษซากอุกกาบาตเหล่านั้นค่อนข้างต่ำ และโอกาสที่จะมี
อุกกาบาตขนาดเล็กพุ่งเข้ามาในพื้นที่ประมาณ 1 ตารางเมตรนั้นมีค่าเกือบเป็นศูนย์ นอกจากนี้ชุด
อวกาศที่มีชั้นของเส้นใยเคฟลาร์ (Kevlar) ก็ช่วยปกป้องนักบินอวกาศจากการปะทะของเศษชิ้น
ส่วนเล็กๆ ในอวกาศ
ทฤษฎีจับผิด 8 : ทำไมไม่เกิดหลุมลึกเมื่อโมดูลลูนาร์เอ็กซ์เคอร์ชัน
(Lunar Excursion Module) หรือเล็ม (LEM) ลงจอดบนพื้นผิวดวงจันทร์ซึ่งเต็มไปด้วยฝุ่น
ข้อมูลแย้ง : ใต้ชั้นฝุ่นบนดวงจันทร์นั้นเป็นชั้นที่มีความหนาแน่นมาก ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า
ในภาพยนตร์สารคดีนั้นมนุษย์อวกาศเตะฝุ่นขึ้นมา
ทฤษฎีจับผิด 9 : เป็นไปไม่ได้เลยที่ยานซึ่งมนุษย์อวกาศขับบนดวงจันทร์นั้นจะใส่เข้าไปใน
โมดูลลงจอดเล็กๆ ได้
ข้อมูลแย้ง : ยานขับสำรวจบนดวงจันทร์ถูกสร้างขึ้นมาอย่างอัจฉริยะ ด้วยวัสดุที่มีน้ำหนักเบา
มากๆ และถูกออกแบบให้สามารถพับเก็บชิ้นส่วนให้มีขนาดกระชับพอดีได้ จัดเป็น
“ยานทรานสฟอร์เมอร์” (Transformer) ของจริง
ทฤษฎีจับผิด 10 : อวกาศเกลื่อนไปด้วยจุดเล็กๆ ของดวงดาว แล้วดาวเหล่านั้นหายไป
จากภาพถ่ายปฏิบัติการลงจอดบนดวงจันทร์ได้อย่างไร
ข้อมูลแย้ง : หากเราออกไปถ่ายภาพตอนกลางคืน เราก็จะไม่เห็นวัตถุจางๆ ที่อยู่แสนไกล นั่น
ไม่ใช่เพราะอากาศกั้นแสงไม่ให้มาถึง แต่เป็นเพราะความสว่างของวัตถุที่อยู่ใกล้ๆ บดบังวัตถุ
เหล่านั้นจนไม่ปรากฏในภาพถ่าย และในความเป็นจริงหากเรายืนอยู่ด้านสว่างของดวงจันทร์ เรา
ก็จำเป็นต้องหาวิธีบังภูมิประเทศบนดวงจันทร์ เพื่อให้สายตาเราสามารถมองเห็นดาวดวงอื่นๆ ได้
ทั้งนี้ ยานอวกาศในโครงการอะพอลโลได้ลงจอดบนดวงจันทร์ครั้งแรกเมื่อ 20 ก.ค.
1969โดยยานอะพอลโล 11 (Apollo 11) ซึ่งมีมนุษย์อวกาศเดินทางไปทั้งหมด 3 คน และ
นีล อาร์มสตรอง (Neil Armstrong) คือมนุษย์คนแรกที่เหยียบพื้นผิวดวงจันทร์ จากนั้น
เอ็ดวิน “บัซ” อัลดริน (Edwin "Buzz" Aldrin) นักบินผู้ขับโมดูลลูนาร์ จึงตามลงไป ทั้งคู่
ใช้เวลาอยู่บนดวงจันทร์ 21 ชั่วโมง 36 นาที ซึ่งรวมเวลาในการพักผ่อนด้วย 7 ชั่วโมง
ส่วน ไมเคิล คอลลินส์ (Michael Collins) ทำหน้าที่ขับยานอวกาศและรอรับมนุษย์อวกาศ 2
คนที่ลงไปสำรวจดวงจันทร์กลับโลก
มีการถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์ของปฏิบัติการลงจอดบนดวงจันทร์ดังกล่าวไปทั่ว
โลก และประมาณว่ามีคนทั่วโลกราว 530 ล้านคนได้ชมภาพที่อาร์มสตรองเหยียบลงบน
พื้นผิวดวงจันทร์ และได้ยินเขาพูดประโยคอันเป็นอมตะว่า “ก้าวเล็กๆ ของมนุษย์คนหนึ่ง
แต่เป็นก้าวกระโดดที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ” (...one small step for a man, one giant
leap for mankind) ระหว่างการถ่ายทอดโทรทัศน์ปฏิบัติการดังกล่าว
อย่างไรก็ดี ทางนาซาจะปล่อยภาพบริเวณที่ยานอวกาศลงจอดบนดวงจันทร์ภาพ
ใหม่ในวันอังคารที่ 6 ก.ย.54 เวลา 22.45 น. ตามเวลาประเทศไทย ระหว่างการแถลงข่าว
ต่อสื่อมวลชน ซึ่งภาพดังกล่าวเป็นภาพที่บันทึกโดยยานสำรวจดวงจันทร์ลูนาร์เรคองเน
ซองส์ออร์บิเตอร์ (Lunar Reconnaissance Orbiter) หรือยานแอลอาร์โอ (LRO) ที่ถูกส่ง
ขึ้นไปโคจรรอบดวงจันทร์ตั้งแต่เดือน มิ.ย.2009 และยานอวกาศลำนี้ได้บันทึกภาพ
บริเวณดังกล่าวครั้งแรกเมื่อเดือน ก.ค.2009
รอยเท้าลูกเรืออะพอลโล 11 บนดวงจันทร์ (NASA)
โมดูลลูนาร์ของอะพอลโล 11 ขณะลงจอดบนดวงจันทร์ (NASA)
โลกกำลังโพล่พ้นขอบดวงจันทร์ ซึ่งบันทึกโดยลูกเรืออะพอลโล 11 (NASA)
ลูกเรืออะพอลโล 11 (ซ้ายไปขวา) อาร์มสตรอง , คอลลินส์ และอัลดริน (NASA)
หน่วยกู้ชีพเข้าช่วยเหลือลูกเรืออะพอลโล 11 หลังกลับสู่โลก (NASA)
หินดวงจันทร์ที่ลูกเรืออะพอลโล 11 นำกลับโลก (NASA)