เป็นความสำเร็จของนักวิจัยชาวไต้หวัน ซึ่งหวังเอาดีทางด้าน “เรืองแสง” นอกจากจะเป็นตลาดใหญ่ส่งออกปลาเรืองแสงแล้ว ยังสร้าง “หมูเรืองแสง” ออกมาได้อีก 3 ตัว ที่สามารถเรืองแสงสีเขียวได้ในที่มืด นับเป็นการทดลองที่ช่วยดึงงานวิจัยทางด้านสเต็มเซลล์ให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น
ไต้หวันซึ่งได้รับการบันทึกว่าสามารถสร้างปลาเรืองแสงตัดต่อพันธุกรรมขึ้นได้เป็นครั้งแรกของโลกเมื่อปี 2003 จน สามารถเบิกตลาดส่งออกปลาเรืองแสงได้จำนวนมาก มาคราวนี้ทีมนักวิทยาศาสตร์ไต้หวันได้ลองฉีดโปรตีนที่สกัดจากแมงกะพรุนเข้า ไปในนิวเคลียสของเซลล์ตัวอ่อนหมูเพื่อเพาะให้เกิดหมูที่มีการเปลี่ยนแปลงทาง พันธุกรรมนั่นก็คือการสร้าง “หมูเรืองแสง” ขึ้น นั่นเอง หมูเหล่านี้เรืองแสงมาจากอวัยวะภายใน การเรืองแสงเช่นนี้จะช่วยให้นักวิจัยเห็นพัฒนาการของเนื้อเยื่อ เมื่อนำสเต็มเซลล์ไปปลูกถ่ายเพื่อซ่อมแซมตามอวัยวะต่างๆ ซึ่งนี่นับเป็นงานทดลองที่สำคัญ เพราะจะช่วยให้ร่นเวลาให้กับการทดลองสเต็มเซลล์มนุษย์ในระบบคลินิก ซึ่งในวงวิทยาศาสตร์เชื่อว่าสภาพร่างกายของหมูมีความใกล้เคียงกับมนุษย์มาก ที่สุด
ศ.อู๋ ชิน-ฉี (Wu Shinn-Chih) คณะสัตวศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน ผู้นำทีมวิจัยสร้างหมูเรืองแสงเปิดเผยว่า หมูเหล่านี้เรืองแสงมาจากอวัยวะภายใน การเรืองแสงเช่นนี้จะช่วยให้นักวิจัยเห็นพัฒนาการของเนื้อเยื่อ เมื่อนำสเต็มเซลล์ไปปลูกถ่ายเพื่อซ่อมแซมตามอวัยวะต่างๆ
"นี่นับเป็นงานทดลองที่สำคัญ เพราะจะช่วยให้ร่นเวลาให้กับการทดลองสเต็มเซลล์มนุษย์ในระบบคลินิก ซึ่งในวงวิทยาศาสตร์เชื่อว่าสภาพร่างกายของหมูมีความใกล้เคียงกับมนุษย์มาก ที่สุด" ศ.อู๋อธิบาย พร้อมทั้งระบุว่าไม่แน่ใจว่าหมูเรืองแสงที่เขาสร้างขึ้นจะเป็นครั้งแรกของ โลกหรือไม่ แต่ว่าเขายังไม่เคยเห็นแบบนี้ที่ไหน ที่หมูทั้งตัวเรืองแสงสีเขียวในที่มืด
ไต้หวันซึ่งได้รับการบันทึกว่าสามารถสร้างปลาเรืองแสงตัดต่อพันธุกรรม ขึ้นได้เป็นครั้งแรกของโลกเมื่อปี 2003 จนสามารถเบิกตลาดส่งออกปลาเรืองแสงได้จำนวนมาก มาคราวนี้ทีมนัก วิทยาศาสตร์ไต้หวันได้ลองฉีดโปรตีนที่สกัดจากแมงกะพรุนเข้าไปในนิวเคลียสของ เซลล์ตัวอ่อนหมูเพื่อเพาะให้เกิดหมูที่มีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมนั่นก็ คือการสร้าง “หมูเรืองแสง” ขึ้นนั่นเอง
ศ.อู๋ ชิน-ฉี (Wu Shinn-Chih) คณะสัตวศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน ผู้นำทีมวิจัยสร้างหมูเรืองแสงเปิดเผยว่า หมูเหล่านี้เรืองแสงมาจากอวัยวะภายใน การเรืองแสงเช่นนี้จะช่วยให้นักวิจัยเห็นพัฒนาการของเนื้อเยื่อ เมื่อนำสเต็มเซลล์ไปปลูกถ่ายเพื่อซ่อมแซมตามอวัยวะต่างๆ
"นี่นับเป็นงานทดลองที่สำคัญ เพราะจะช่วยให้ร่นเวลาให้กับการทดลองสเต็มเซลล์มนุษย์ในระบบคลินิก ซึ่งในวงวิทยาศาสตร์เชื่อว่าสภาพร่างกายของหมูมีความใกล้เคียงกับมนุษย์มาก ที่สุด" ศ.อู๋อธิบาย พร้อมทั้งระบุว่าไม่แน่ใจว่าหมูเรืองแสงที่เขาสร้างขึ้นจะเป็นครั้งแรกของ โลกหรือไม่ แต่ว่าเขายังไม่เคยเห็นแบบนี้ที่ไหน ที่หมูทั้งตัวเรืองแสงสีเขียวในที่มืด
"ผมตกใจเมื่อเห็นหมูเหล่านี้เรืองแสงครั้งแรก" ศ.อู๋กล่าว อีกทั้งแย้งถึงประเด็นที่กลุ่มอนุรักษ์มักอ้างว่าเทคโนโลยีการสร้างสัตว์ตัด ต่อพันธุกรรมนับเป็นการทำร้ายระบบนิเวศน์ว่า หมูเรืองแสงไม่เหมือนกับปลาเรืองแสง เพราะหมูในห้องแล็บคงจะไม่สามารถออกไปผสมพันธุ์กับหมูปกติได้ ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิด “หมูผีดิบ” (Frankenpig) อย่างที่เกิดปลาผีดิบ (Frankenfish) ในสหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี กลุ่มนักอนุรักษ์ได้ออกมาเตือนบริษัทไท้กง คอร์ป (Taikong Corp) ของไต้หวันที่ส่งออกปลาเรืองแสงขายทั่วโลก ว่าปลาตัดต่อพันธุกรรมที่นิตยสารไทม์ยกย่องว่าเป็นสุดยอดนวตกรรมแห่งปี 2003 นั้นกำลังทำลายระบบนิเวศน์ทั่วโลก เพราะปลาเหล่านี้สามารถหลุดรอดไปผสมพันธุ์กับปลาธรรมดาอื่นๆ และจะเกิดปลาสายพันธุ์ใหม่ขึ้นนั่นก็คือ “ปลาผีดิบ” นั่นเอง