'โบวี่'กับรักต่างวัฒนธรรมต้องอาศัยความเข้าใจ
แม้ภาพลักษณ์ภายนอกจะดูเป็นสาวเซ็กซี่ แต่ โบวี่-อัฐมา ชีวนิชพันธ์ ก็ออกตัวว่าตัวเองไม่ใช่สาวเซ็กซี่อะไร ทุกอย่างเป็นไปตามบทบาทการแสดง บุคลิกเปลี่ยนไปตามเสื้อผ้าหน้าผม วันนี้โบวี่มานั่งคุยบอกเล่าแนวคิดในการทำงานและเป้าหมายในชีวิตของเธอกับ “ดาวต่างมุม” รวมถึงเปิดใจถึงรักครั้งใหม่กับคนเดิม วีเจไมค์-ไมเคิล เคนเนท หว่อง ที่ถึงแม้จะวัฒนธรรมต่างแต่ก็ต้องอาศัยความเข้าใจซึ่งกันและกัน
ตอนนี้ทำงานอะไรอยู่บ้าง
ตอนนี้กำลังถ่ายละครเรื่อง “บันทึกรักซุปเปอร์สตาร์” อยู่ ถ่ายไปออนแอร์ไปนะคะ เหนื่อยเหมือนกัน แต่ก็สนุกดีค่ะ ละครเรื่องนี้แม้จะออนแอร์ที่เคเบิลช่อง 8 แต่กำลังจะได้ไปออนแอร์ที่จีนด้วย เรื่องนี้ก็สะท้อนภาพของวงการบันเทิงเหมือนกัน มันก็มีบางอันที่พอจะเปรียบเทียบกันได้นะคะว่า อ๋อ มันเป็นแบบนี้ บางเรื่องถามว่าแย่มั้ย มันก็ไม่ได้แย่นะ เรียกว่าเป็นกระบวนการในการทำงานในวงการบันเทิงมากกว่า ซึ่งคนทั่วไปอาจจะไม่รู้ แต่บางเรื่องที่แย่ก็มีเหมือนกัน ทำให้คนอื่นเดือดร้อนด้วย ในเรื่องนี้ได้ร่วมงานกับนักแสดงมากมายก็โอเคนะคะ เริ่มคุ้นเคยและสนิทกันมากขึ้น แต่โบเองจะเข้าฉากกับพี่ฟิล์มเยอะสุด เพราะต้องพยายามสร้างข่าว สร้างกระแสให้เป็นแฟนกับพี่ฟิล์มในเรื่องค่ะ
โบวี่เข้าวงการมานานแค่ไหนแล้ว?
ไม่นานเองค่ะ เพิ่งจะเริ่มเล่นละครหลังเรียนจบ น่าจะประมาณ 3-4 ปี สิ่งที่ได้ก็ได้รายได้เป็นหลักเลยค่ะ แต่อย่างอื่นเฉย ๆ นะ เพราะโบไม่ค่อยได้ไปตามกระแสอะไรมากนัก ตัวเองเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น เป็นแค่ผู้หญิงบ้าน ๆ อาจจะมีบางอย่างต้องเปลี่ยนบ้างในเรื่องของการทำงาน สังคมในวงการบันเทิงก็มีไม่ค่อยเยอะนะ สนิทอยู่แค่ไม่กี่คน เพราะบางทีโบรู้สึกว่าสังคมของเขากับของโบมันไม่เหมือนกัน เรื่องที่คุยกันก็ลำบากนิดนึง ก็ทำงานของตัวเองไป แต่จริง ๆ แล้วมันเปลี่ยนชีวิตเราไปเหมือนกัน อย่างเวลาเดินไปไหนคนก็ทักบ้าง ขอถ่ายรูปบ้าง โบพยายามบอกกับตัวเองเสมอว่าเราเป็นใครมาจากไหน ของแบบนี้มันไม่ได้อยู่กับเรานาน เราเห็นวงการนี้มีคนเข้าออกมากมาย มา ๆ ไป ๆ เห็นคนที่ดังแล้วลืมตัวบ้าง โบเองพยายามไม่ไปฟุ้งหรือฝันอะไรมากค่ะ โบถือคติพยายามทำงานทุกชิ้นให้ดีที่สุดค่ะ ผลที่ออกมาเป็นยังไงว่ากันทีหลัง เพราะถ้าเราได้ทำงานให้ดีที่สุดแล้ว เราก็ภูมิใจในสิ่งที่เราทำแล้ว มีข้อผิดพลาดอะไรค่อยมาแก้ไข จะได้ไม่มานั่งเสียใจว่าทำไมตอนนั้นไม่ทำอย่างนี้ไม่ทำอย่างนั้น
รู้สึกอย่างไรที่คนทั่วไปรู้จักโบวี่จากข่าวมากกว่าผลงาน?
เฉย ๆ นะ จริง ๆ แล้วโบก็มีผลงานออกมาเรื่อย ๆ นะคะ ทั้งหนังทั้งละคร อาจจะไม่ได้เปรี้ยงปร้างมาก แต่คิดว่าน่าจะมีคนที่ติดตามผลงานเรามากขึ้นนะ สังเกตจากคนที่เข้ามาทัก หรือแฟนคลับ แฟนเพจต่าง ๆ โบไม่ได้คาดหวังว่าคนดูจะต้องจำเราจากงานชิ้นนี้ชิ้นนั้น แค่เขาชอบและติดตามดูเราก็รู้สึกดีใจแล้วค่ะ
เข้าวงการมาด้วยภาพเซ็กซี่ แต่ระยะหลังเบาลงหรือเปล่า?
มันแล้วแต่งานแต่ละชิ้นที่พรีเซ็นต์ออกไปมากกว่าค่ะ อย่างละคร “บันทึกรักซุปเปอร์สตาร์” นั้นชุดเซ็กซี่มาก คงแล้วแต่บทบาทค่ะ เพราะอย่างในรายการ “ระเบิดเถิดเทิง” ก็เป็นแบบทอมบอย เพราะเป็นลูกสาวกำนัน เวลาคนมองว่าเซ็กซี่คิดว่าเป็นเหมือนคำชมนะ รู้สึกว่าขอบคุณค่ะ โบไม่ได้มองว่ามันเป็นในแง่ไม่ดีนะ ถ้าถามโบหรือคนใกล้ตัวโบคงไม่รู้สึกว่าโบเซ็กซี่นะ คงต้องถามคนอื่นที่มองเรา แต่คิดว่าคงขึ้นอยู่กับการแต่งตัว เสื้อผ้าหน้าผมด้วย คือถ้าให้แต่งเรียบร้อย โบก็จะดูเรียบร้อยเลยนะ
แล้วมีงานอะไรในวงการบันเทิงที่โบวี่อยากทำแต่ยังไม่ได้ทำ?
ถ้าเป็นไปได้ก็อยากทำงานด้านพิธีกรให้เยอะ ๆ ค่ะ เพราะชอบ แต่ไม่รู้ว่าจะเหมาะกับเราหรือเปล่า ตอนนี้ก็ได้ทำบ้าง เป็นพิธีกรประจำอยู่ที่รายการ “คลิกไอที” และรายการ “อินเทรนด์” ซึ่งในความคิดโบนะ งานพิธีกรมันอยู่ได้นานกว่าเป็นนักแสดง อาจเป็นเพราะมันสนุกกว่า จริง ๆ แล้วงานละครก็สนุกนะ แต่งานพิธีกรมันไม่ค่อยยุ่งเท่าเล่นละครไง ทำให้เรามีเวลาให้ชีวิตมากขึ้น
ตอนนี้มีเป้าหมายอะไรในชีวิตบ้าง?
ตอนนี้ค่อนข้างพอใจกับชีวิตแล้วนะคะ เพราะโบมีธุรกิจด้วยเปิดร้านแฮร์พีซ และเร็ว ๆ นี้กำลังจะเปิดตัวอาหารเสริมลดน้ำหนักที่ตอนแรกพี่เจ้าของเขาให้โบเป็นพรีเซ็นเตอร์ พอโบลองทานแล้วมันเวิร์ก รู้สึกว่าชอบมากก็เลยขอเขาร่วมหุ้นด้วย ได้ช่วยคิดในเรื่องภาพลักษณ์ของตัวสินค้า อยากให้งานนี้ประสบความสำเร็จ ซึ่งโบคิดว่ามันน่าจะโอเคค่ะ โบว่างานในวงการบันเทิงมันไม่แน่นอนก็เลยคิดอยากทำธุรกิจอยู่ตลอดเวลาค่ะ ให้เป็นอาชีพหลักเลย แต่ธุรกิจและการลงทุนมันมีความเสี่ยง ทุกสิ่งที่เราลงทุนไปต้องเตรียมใจไว้เลยว่าถ้าพลาดมันก็ถือเป็นประสบการณ์อย่างหนึ่ง มันคงต้องลองไปเรื่อย ๆ เพราะไม่มีใครทำอะไรได้สำเร็จทุกอย่างหรอก ก็วางแผนไว้ว่าจะไปเรียนต่อปริญญาโทด้านการตลาดหรือบริหารธุรกิจ อาจจะไปเรียนเมืองนอกสัก 2-3 ปี กำลังดู ๆ อยู่ค่ะ
ไปเรียนเมืองนอกแล้วไม่เสียดายงานในวงการบันเทิงเหรอ?
ถึงตอนนั้นเราอาจจะแก่แล้ว อาจจะไม่ใช่เวลาของเราในวงการบันเทิงแล้วก็ได้ ตอนนี้ขอทำงานเก็บเงินก่อน เพราะไปเรียนต้องใช้เงินเยอะเหมือนกัน
มองตัวเองในวงการบันเทิงต่อไปอย่างไร?
งานวงการบันเทิงเป็นอะไรที่มองยากและคาดการณ์ยากมาก มันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ไม่ใช่แค่ตัวเราเองคนเดียว โบเลยมองแค่ว่าทำปัจจุบันนี้ให้ดีที่สุด และพยายามมีความสุข สนุกไปกับมัน แต่คงไม่ถึงขนาดเล่นละครไปจนแก่นะ เพราะเดี๋ยวก็จะไปเรียนต่อแล้ว แต่ถ้าเป็นงานพิธีกรก็ไม่แน่ ทำได้เรื่อย ๆ ค่ะ
เรื่องของหัวใจกันบ้าง หลังจากกลับมาคบกับไมค์อีกครั้ง?
ก็โอเคนะคะ รู้สึกดีกับสถานะตอนนี้เลย โบคุยกับไมค์ว่าเราค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปนะ ได้คุยกันเรื่องที่มันเคยเป็นปัญหาก็แก้กันไปทีละเรื่อง สิ่งที่เปลี่ยนคือเรามีความใจเย็นกันมากขึ้นด้วย เมื่อก่อนเวลาทะเลาะมันมองเห็นแค่ปัญหา แต่ตอนนี้เรามองมันจากมุมกว้างมากขึ้นก็จะรู้ว่าปัญหามันเกิดขึ้นได้อย่างไร จะแก้ตรงไหน คงเป็นเพราะเราโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นค่ะ
เหมือนกับตัดกันไม่ขาดหรือเปล่า?
โบว่าต่างคนต่างก็ยังมีความรู้สึกดี ๆ ให้กันอยู่นะคะ เพราะตอนที่เลิกมันก็ไม่ใช่เราหมดรัก แต่เลิกเพราะว่ามันเข้ากันไม่ได้มากกว่า อย่างที่บอกว่าเวลาเราอยู่ใกล้กับปัญหามากเกินไป เราจะมองไม่เห็นภาพรวมทั้งหมดว่าปัญหามันเกิดจากอะไร พอห่างกันมันก็มองเห็นภาพรวมมากขึ้นและรู้เองว่าเราควรจะแก้ปัญหานี้ยังไงค่ะ
ต้องปรับตัวมากน้อยแค่ไหน?
มันมีความต่างของวัฒนธรรมกันบ้าง เพราะเกิดและโตมาไม่เหมือนกัน มีวิธีคิดไม่เหมือนกัน ก็ต้องยอมรับและค่อย ๆ เรียนรู้กันไปว่าเขาเป็นแบบนี้ ส่วนเขาก็ต้องยอมรับว่าเราเป็นแบบนี้ อย่าพยายามเปลี่ยนอีกฝ่าย ค่อย ๆ ปรับเข้าหากัน แต่ไม่คาดหวังว่าเขาจะเหมือนเรา มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว โบชอบไมค์ตรงที่ความแฟร์ ความเท่าเทียมกัน พูดตรง แต่มันก็มีความต่างตรงเรื่องของวัฒนธรรมและรูปแบบการใช้ชีวิต อย่างของคนไทยเราจะช่วยเหลือเกื้อกูลกันมากกว่า แต่ฝรั่งจะไม่เหมือนเรา พออายุสัก 18 เขาจะแยกตัวออกมาอยู่คนเดียว ดูแลตัวเอง ทำทุกอย่างเอง ต่างคนต่างอยู่ มันก็เลยมีความต่างตรงนั้นค่ะ
ข่าวต่าง ๆ ที่ออกมา ทำให้กระทบกระเทือนความสัมพันธ์บ้างไหม?
มีค่ะ อย่างตอนที่เลิกกัน มีข่าวว่าไมค์ให้สัมภาษณ์พูดถึงโบไม่ดี ไมค์บอกไมค์ไม่ได้พูดแบบนั้นนะ แต่เราก็เข้าใจเขานะ ด้วยความเป็นฝรั่ง ไมค์ก็พูดตรง ๆ ไปบ้าง เขาไม่รู้จักดาราไทย ไม่เคยอ่านข่าวบันเทิงไทย ไม่ได้ดูทีวีไทย เขาไม่รู้หรอกว่าเวลาคนไทยตอบสัมภาษณ์ต้องตอบยังไง เขาเป็นฝรั่งก็พูดเลย อาจจะดูโผงผาง เขาบอกเขาคิดว่าเขาไม่ได้พูดอะไรไม่ดีเลยนะ แต่ไม่รู้ว่าคนไทยเอาไปตีความยังไง ตอนนั้นที่เห็นข่าวโบก็รู้สึกเซ็งเหมือนกันนะ
ตอนเลิกกับไมค์คราวก่อน มีหนุ่มมาจีบบ้างหรือเปล่า?
จะเป็นแบบพอมีข่าวออกไปว่าโบโสด มีเพื่อน ๆ โทรฯมาหาเลยบอกว่ามีคนอยากแนะนำให้รู้จักนะ โบเองก็ไม่ได้ปิดกั้นอะไร อยากคุยก็คุยมา ก็ดีนะยังมีคนอยากรู้จักเรา ส่วนไมค์ก็มีคุยกับคนอื่นบ้างนะ แต่พอเวลาผ่านไปสักระยะ ไมค์บอกโบว่าความสัมพันธ์แบบนี้มันไม่เวิร์กที่เรา 2 คนยังคุยกันอยู่ แต่ก็มีคุยกับคนอื่นอีกด้วย เขาอยากหยุดคุยกับคนอื่นและขอให้โบหยุดด้วย เพื่อจะได้กลับมาคุยกันแค่ 2 คนดีกว่า โบก็โอเคเห็นด้วยนะ พอกลับมาคบกันใหม่ก็รู้สึกดีนะ เหมือนเราได้กลับมาออกเดทครั้งแรกเลย มันโรแมนติกดีนะ รู้สึกว่ามันดีกว่าเดิมด้วยซ้ำไปค่ะ
มุมมองความรักของโบวี่เป็นอย่างไร?
โบว่ามุมมองความรักมันเปลี่ยนไปได้เรื่อย ๆ นะ พอโตขึ้นมีประสบการณ์มากขึ้นมันก็เปลี่ยนแปลงไป โบมองว่าคนเรามันต้องถ้อยทีถ้อยอาศัยกันนะ เพราะเป็นเรื่องของคน 2 คนที่แตกต่างกัน ไม่ได้หมายถึงจะต้องเป็นคนต่างชาตินะ แค่คนไทยเหมือนกันมันก็มีความต่างกันแล้ว หากมาอยู่ด้วยกันก็ต้องเรียนรู้ความต่างนั้นค่ะ แต่เรื่องแต่งงานคิดว่ายังห่างไกลมากเลย เพราะคิดว่าตัวเองยังเด็กอยู่ แต่มันก็มีแวบเข้ามาในความคิดบ้างเหมือนกันนะว่าถ้าเราแต่งงาน ครอบครัวเราจะเป็นยังไง แต่ในความจริงมันช่างห่างไกลเหลือเกิน ขนาดเพื่อน ๆ โบเองก็ยังไม่มีใครแต่งงานกันเลย ทุกคนบอกว่าจะแต่งตอน 30-35 โน่นเลย
ฝากถึงแฟน ๆ ของโบวี่หน่อย?
ขอขอบคุณมากนะคะที่คอยติดตามผลงานและให้กำลังใจกัน รู้สึกดีมากเลยเวลาคนเข้ามาบอกว่าชอบโบวี่นะ โบวี่เป็นไอดอล โบจะตกใจทุกครั้งที่มีคนเห็นเราเป็นไอดอล เราไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีคนมาชื่นชอบเราขนาดนี้ จนมันทำให้เราอยากจะทำตัวและวางตัวดี ๆ ไม่ให้คนที่ชอบเราต้องผิดหวังค่ะ
แหม...ก็ต้องมาช่วยกันลุ้นให้ความรักของโบวี่กับหนุ่มไมค์สมหวังอย่างที่ตั้งใจ เชื่อว่าถ้ามีความรักที่มั่นคงต่อกัน แม้จะมีอุปสรรคเรื่องเชื้อชาติ ก็ไม่สามารถทำอะไรได้แน่นอน