แวมไพร์ (Vampire) ผีชนิดหนึ่งตามความเชื่อของชาวยุโรป ในยุคกลาง เชื่อว่าเป็นผีดิบ ที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์
ผีดูดเลือดหรือแวมไพร์ ( Vampire) เป็นมนุษย์อีกรูปแบบที่มีพลังปีศาจ แม้ว่าผีดูดเลือดจะอยู่ในร่างมนุษย์ แต่ก็ไม่มีความเป็นมนุษย์อยู่ เพราะผีดูดเลือดนั้นมาจากคนที่ตายไปแล้วและลุกขึ้นมาจากโลง มีชีวิตใหม่ โดยทั่วไป แต่มีฟันแหลมคม ดื่มเลือดของมนุษย์ด้วยกันเป็นอาหารเพื่อหล่อเลี้ยง โดยที่แวมไพร์จะมีชีวิตเป็นอมตะ ไม่มีวันตาย จะปรากฏตัวได้แต่เฉพาะเวลากลางคืน เพราะกลางวันแพ้เเสงแดด แวมไพร์จะหลบซ่อนอยู่ในโลงของตนหรือในหลุมในเวลากลางวัน สามารถแปลงร่างได้หลายแบบ เช่น ค้างคาว, นกฮูก,หมาป่า,กบ, คางคก, แมลงเม่า, งูพิษ เป็นต้น สามารถกำบังกายหายตัวได้ ไม่มีเงาเมื่อกระทบกับแสงหรือสะท้อนในกระจก มีแรงมากเหมือนผู้ชาย 20 คน สิ่งที่จะกำราบแวมไพร์ได้คือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา เช่น ไม้กางเขน, น้ำมนตร์ หรือแม้กระทั่งสมุนไพรกลิ่นแรงบางชนิด เช่น กระเทียมวิธีฆ่าแวมไพร์มีมากมาย เช่น ตอกลิ่มให้ทะลุหัวใจ เผา หรือ ตัดหัวด้วยจอบของสัปเหร่อ บุคคลที่ตกเป็นเหยื่อของมัน จะกลายเป็นแวมไพร์ไปด้วย และกลายเป็นสาวกของแวมไพร์ตนที่ดูดเลือดตัวเอง
ชาวยุโรปในยุคกลางนั้น หวาดกลัวแวมไพร์มาก ผู้ที่สงสัยว่าเป็นแวมไพร์ จะตกอยู่ในสถานะเดียวกับแม่มด หรือมนุษย์หมาป่า คือ ถูกตัดสินลงโทษด้วยการเอาถึงชีวิต มีวิธีการป้องกันการรุกรานของแวมไพร์หลายวิธี เช่น บางหมู่บ้านจะโปรยเมล็ดข้าวไว้บนหลังคาบ้าน เพราะเชื่อว่าแวมไพร์จะง่วนกับการนับเมล็ดข้าวเป็นการถ่วงเวลาจนรุ่งเช้า หรือ โรยเศษขนมปังไว้ตั้งแต่สุสานให้แวมไพร์เดินเก็บเศษขนมนั้นวนเวียนไปมา หรือแม้แต่การวางไม้กางเขนหรือดอกกุหลาบที่มีหนามแหลมเพื่อเป็น การพันธนาการไว้ในโลง
เป็นไปได้ว่าความเชื่อเรื่องของแวมไพร์ที่สามารถแปลงร่างเป็นค้างคาวได้ อาจมีที่มาจากที่ทวีปอเมริกากลาง มีค้างคาวขนาดเล็กชนิดหนึ่ง ดูดเลือดสัตว์ที่ใหญ่กว่าเป็นอาหารในเวลากลางคืน ซึ่งค้าวคาวชนิดนี้ก็ได้มีการเรียกชื่อว่า แวมไพร์ เช่นกัน
ผีดูดเลือดปรากฏขึ้นครั้งแรกในอาณาจักร บาบิโลเนีย ใน!บศพที่ถูกปิดมานานกว่า 4,000 ปี มีตำนานเกี่ยวกับผีดูดเลือดมากมายในอินเดีย จีน กรีก โรมัน มาเลเซีย และไทยก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับ ผีดูดเลือดเช่นกัน
ในประเทศมาเลเซีย เชื่อกันว่า ผู้หญิงที่เสียชีวิต ในขณะหรือหลังคลอดลูก จะกลายเป็นผีดูดเลือด และลูกที่ตายพร้อมกันก็จะเป็นผีดูดเลือดด้วย ส่วนของไทย จะรู้จักในนามของกระสือ ปอบ กระหัง ฯลฯ ประเพณีโบราณ มักมีวิธีป้องกันผีพวกนี้ และบางประเพณีก็สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน
ในแถบตะวันตก ผีดูดเลือด เป็นที่รู้จักกันในนาม"แวมไพร์ " ปรากฏในอังกฤษครั้งแรก ในปี พ.ศ.2275 ตามบันทึกว่าเป็น แวมไพร์ชาวเซอร์เบีย(เป็นแคว้นๆหนึ่งอยู่ในประเทศยูโกสลาเวีย) ที่กลับมาจากหน้าที่ทางทหารในกรีก ด้วยท่าทีที่แปลกไป เขาผู้นั้น คืออาร์โนล เปาเล(Arnold Paole) เปาเลยอมรับกับภรรยาในเวลาต่อมาว่า เขาโดนแวมไพร์ดูดเลือดในขณะเดินทางและได้กลายเป็นแวมไพร์ไปด้วย เปาเลประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตในเวลาต่อมา แต่เพื่อนบ้านยังคงเห็นเขาวนเวียนอยู่ ศพของเขาถูกขุดขึ้นมาและพบว่ามีรอยเลือดที่ปาก
การที่จะพิสูจน์ว่า เป็นแวมไพร์หรือไม่นั้น ทำได้โดยตอกหมุดไม้ลงไปที่หัวใจ ศพของเปาเล ถูกพิสูจน์ น่าประหลาดใจ ในขณะที่ตอกหมุดนั้น มีเลือดทะลักออกมาและมีเสียงกรีดร้องตามมาด้วย
ศพของเปาเลถูกเผาตามขั้นตอนพิธีกรรมทางความเชื่อ หลายปีต่อมา ก็ยังมีกรณีของแวมไพร์ตัวอื่นอยู่ ซึ่งเชื่อว่า เป็นเหยื่อของเปาเล จึงสรุปได้ว่า แวมไพร์ถ่ายทอดได้โดยการถูกกัด
บันทึกในปี พ.ศ.2306 ของนักเขียนชาวฝรั่งเศสชื่อ ฌอง จาก รูสโซ(Jean-Jacques Rousseau) ในปีนั้น มีพยานหลายคน ทั้งที่เป็นแพทย์ นักบวชและพนักงานปกครอง ได้พบเห็นแวมไพร์ เรื่องราวได้เริ่มถูกนำไปแต่งเป็นวรรณกรรม
จนกระทั่งในต้นพุทธศตวรรษที่ 24 แวมไพร์ก็เป็นที่ยอมรับว่ามีอยู่จริง มีทั้งสองเพศ แต่โดยมากจะเป็นเพศชาย มีเขี้ยวยาว ผิวซีดเซียว และมีดวงตาที่แข็งกร้าว มักจะออกหาเหยื่อในเวลากลางคืน และเหยื่อก็จะเป็นเพศตรงข้าม ป้องกันได้โดยใช้กระเทียม แวมไพร์เป็นคนบาปที่ดำเนินชีวิตอย่างชั่วร้าย บุคคลที่มีความแตกต่างจากคนอื่นและตายอย่างประหลาดมักจะถูกเชื่อว่า เป็นแวมไพร์ หลังจากนั้นเขาก็จะถูกกีดกันออกจากสังคม
การกำจัดแวมไพร์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องทำเฉพาะเวลากลางวัน ตอนที่มันไม่มีอำนาจเท่านั้น เชื่อว่าหลุมศพใดมีโพรงอยู่ แสดงว่าศพในหลุมนั้นเป็นแวมไพร์ โดยความเชื่อของชาวโรมัน ให้เทน้ำเดือดลงไปในโพรงเพื่อกำจัดแวมไพร์หรือตอกหมุดไม้ลงไปที่หัวใจ
ปลายศตวรรษที่ 19 นักเขียนชาวไอริช ชื่อ บราม สโตกเกอร์ (Bram Stoker) ได้แต่งนิยายเรื่อง แดรกคูลา (Dracula) ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของคำอีกคำหนึ่งซึ่งแปลว่า ผีดูดเลือด แดรกคูลา เป็นลูกชายของแดรกคูล (Dracul) กษัตริย์โรมันที่โหดร้ายทารุณ แดรกคูลเป็นสมญานามที่แปลว่า ปิศาจ ซึ่งกษัตริย์ได้สมญานามมาจากการปกครองที่โหดร้าย กระหายเลือด และแดรกคูลา ก็แปลว่า ลูกชายของปีศาจ
นำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ ละคร ละครเวที หรือแม้แต่กระทั่งภาพยนตร์การ์ตูนมากมายตราบจนปัจจุบัน เช่น ภาพยนตร์เรื่อง Nosferatuในปี ค.ศ. 1922 เป็นต้น
ในนิยาย แดรกคูลาเกิดในทรานซิลวาเนีย(Transylvania) และมีความโหดร้ายเช่นเดียวกับพระบิดา ทรงสร้างศัตรูมากมาย มีการตายอย่างลึกลับ ไม่มีใครพบศพและไม่ได้ฝังศพตามประเพณี
แม้สโตกเกอร์จะไม่ได้กล่าวในนิยายของเขาว่า แดรกคูลา ที่เขาอธิบายมีความละม้ายคล้ายคลึงกับแวมไพร์อย่างเหลือเกิน เช่น มีพลังผิดมนุษย์ ไม่มีเงา แปลงร่างได้ กลัวกระเทียม กลัวไม้กางเขนและกระแสน้ำไหล ไม่สามารถเข้าไปในบ้านได้ถ้าไม่ได้รับเชิญ และต้องนอนในโลงศพเท่านั้น
ปัจจุบัน "แวมไพร์" ก็ยังเป็นเรื่องที่น่าหลงไหลและน่าสะพึงกลัว มีผู้คนที่เชื่อว่า แวมไพร์ มีจริง ยิ่งกว่านั้น ยังมีศูนย์วิจัยแวมไพร์ในนิวยอร์ก ที่ศึกษาและค้นคว้าเกี่ยวกับเกี่ยวกับ "แวมไพร์"ในยุโรปและอเมริกาอีกด้วย