ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าจะมีคนที่สามารถจดจำเรื่องราวในอดีตได้ทุกชอต เหมือนกับ จิลล์ ไพรซ์ การที่เธอไม่สามารถปิดสวิตช์ความทรงจำอันน่าทึ่งได้ถือเป็นคำสาป โดยเรื่องนี้สาวใหญ่วัย 42 ปี เปิดเผยตัวต่อสาธารณะ รวมถึงความสามารถพิเศษที่ตัวเธอเองเปรียบเทียบว่า เหมือนชีวิตประจำวันเป็นทีวีที่หน้าจอถูกผ่าครึ่ง ด้านหนึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นปัจจุบัน แต่อีกด้านเป็นความทรงจำที่ย้อนกลับมาไม่ขาดสาย
ความทรงจำเหล่านั้นถูกกระตุ้นจากสิ่งที่ต้องพบเจอทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นเพลง กลิ่น เรื่องราวในทีวี แม้จะหลับอย่างเป็นสุขยังทำไม่ได้ หลายครั้งเรื่องราวเก่าๆ ปลุกให้เธอตื่นขึ้นมากลางดึก ไพรซ์จำทุกฉากทุกตอนในชีวิตได้ตั้งแต่ปี 1980 จำได้ถึงขนาดว่าวันนี้วันนั้นตื่นนอนตอนไหน เจอใครบ้าง ทำอะไร กินอะไร เรียกได้ว่าเป็นไดอารี่มนุษย์คงไม่ผิด หลายปีมานี้ไม่มีใครรู้จักตัวตนของเธอ มีแต่เพียงนำเรื่องราวของเธอไปอ้างอิงโดยไม่ระบุชื่อในวารสารวิทยาศาสตร์
ความสามารถของไพรซ์ไม่ปกติจนถึงขั้นที่นักวิจัยของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย-เออร์วิน นิยามอาการของเธอขึ้นมาใหม่ว่า hyperthymestic syndrome โดย thymestic มาจากภาษากรีกแปลว่าการจดจำ ส่วน hyper หมายความถึงสิ่งใดก็ตามที่เกินระดับปกติ โดยเธอเผยว่า ความทรงจำของเธอเริ่มทำงานหนักกว่าที่ควรจะเป็น หลังจากครอบครัวย้ายไปอยู่ลอสแอนเจลีสตอนที่เธออายุเพียง 8 ขวบ และนับจากอายุ 14 ปี หรือในปี 1980 ไพรซ์เริ่มจำทุกรายละเอียดของชีวิตได้
นักวิทยาศาสตร์ด้านสมอง ระบุว่า ความเศร้าโศกจากการย้ายบ้านอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงในสมอง และการเปลี่ยนแปลงนั้นส่งผลตกค้างเป็นเวลานาน โดยเฉพาะหากเกิดกับเด็กที่ยึดติดกับความทรงจำของชีวิตช่วงก่อนหน้านั้นไพรซ์ กล่าวว่า บางความทรงจำก็แสนดี ทำให้รู้สึกอบอุ่นปลอดภัย ''แต่ฉันก็จำการตัดสินใจแย่ๆ การถูกต่อว่า และช่วงเวลาที่ลำบากและเจ็บปวดใจได้ด้วย หลายปีมานี้ ความทรงจำเก่าๆ บั่นทอนจิตใจฉัน ทำให้ชีวิตจิตใจฉันกลายเป็นอัมพาต''
นอกจากนี้ ไพรซ์ซึ่งมีสถานะเป็นม่ายและทำงานเป็นพนักงานธุรการของโรงเรียนแห่งหนึ่ง กังวลกับอาการของตัวเองกระทั่งในปี 2002 ต้องไปให้ศาสตราจารย์เจมส์ แม็กกัฟ ตรวจหาความผิดปกติ โดยเธอเขียนถึงศาสตราจารย์ผู้นั้นว่า ''ความทรงจำของฉันแน่นหนามาก ราวกับหนังที่ฉายซ้ำไปซ้ำมาไม่มีวันจบ คนส่วนใหญ่เรียกสิ่งนี้ว่าพรสวรรค์ แต่ฉันว่าเป็นความทุกข์มากกว่า ภาพเหตุการณ์ที่ผ่านมาตลอดทั้งชีวิตวนเวียนอยู่ในสมองทุกวันจนฉันแทบบ้า!''
ขณะที่ ศาสตราจารย์แม็กกัฟ ยอมรับว่ารู้สึกทึ่งกับสิ่งที่ได้พบจริงๆ ''คุณอาจสุ่มเลือกวันหนึ่งวันใดในอดีตขึ้นมา แค่ไม่กี่นาทีเธอจะบอกได้ว่าวันนั้นเป็นวันอะไร และมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง''
ที่มาจากหนังสือพิมพ์
http://www.siamdara.com