4 เรื่องจริงและ 2 ประเด็นน่าคิด "ผู้ดีเผาเมือง" ณ อังกฤษ

ช่วงสัปดาห์ที่แล้ว ข่าวหนึ่งที่ดังมากๆๆๆ เลยก็เห็นจะไม่พ้นเรื่องของ "การจลาจลครั้งใหญ่ในลอนดอน"เรียกได้ว่าทำเอาหลายคนงงทีเดียวว่า "เฮ้ย เกิดอะไรขึ้นกับเมืองผู้ดี ?" ทำไมคนเมืองผู้ดีถึงลุกมาเผาบ้านเผาเมือง .... ก็นั่นน่ะสิคะ ! ตอนแรก พี่เป้ เองก็สงสัยมากๆ เหมือนกัน จึงไปลองอ่านข่าวรวมถึงถามเพื่อนๆ ที่เรียนอยู่ที่นั่นว่าเรื่องมันเป็นมายังไง เอาล่ะ ใครยังงงๆ ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นได้ยังไง ก็เลื่อนลงไปอ่านข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ได้เลยค่ะ รับรองอ่านง่าย ไม่มึน

 


ข้อเท็จจริง

1. เริ่มเรื่องคือ ในวันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม Mark Duggan (มาร์ค ดักแกน)คนผิวสีที่อาศัยอยู่ในอังกฤษ ผู้ต้องสงสัยว่าลักลอบส่งยาเสพติด ถูกตำรวจตรวจค้นตามแผนปฏิบัติการปราบปรามอาชญากรรมเกี่ยวกับอาวุธที่กำลังระบาด และได้ถูกวิสามัญที่เมือง Tottenham (ท็อตแนม)

Tottenham (ท็อตแนม) อยู่ที่ไหน ??
หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ ท็อตแนมคืออะไร อยู่ตรงไหน เพราะไม่ค่อยคุ้นหูเท่าไหร่ คำตอบคือ ท็อตแนมเป็นย่านๆ หนึ่งในเมืองเล็กๆ ทางเหนือที่อยู่ในเขตปริมณฑลหรือชานเมืองของลอนดอนชื่อเมือง Haringey นั่นเอง และในเมืองนี้ ประชากรส่วนมากเป็นคนผิวสีค่ะ


จากแผนที่กรุงลอนดอน ท็อตแนมอยู่บริเวณเบอร์ 1 ค่ะ

2. วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม มีคนกลุ่มหนึ่งไม่พอใจที่ตำรวจทำวิสามัญมาร์ค ดักแกนเพราะถือว่าทำเกินกว่าเหตุและเค้าก็ไม่ใช่ผู้ต้องหา จึงได้มาชุมนุมกันหน้าสถานีตำรวจในเมืองท็อตแนม ผู้ชุมนุมเรียกร้องให้ตำรวจระดับสูงออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อญาติๆ และครอบครัวของมาร์ค ดักแกน (ที่สำคัญคือเขาเป็นคุณพ่อลูกสี่ด้วย !!) แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนออกมาทำตามข้อเรียกร้อง เรื่องจึงค่อยๆ บานปลายขึ้นเรื่อยๆ ตำรวจจึงต้องทำการปิดถนนบริเวณที่มีการชุมนุมและปรับเปลี่ยนเส้นทางการจราจรใหม่

จนช่วงหัวค่ำวันนั้น ผู้ชุมนุมเริ่มก่อความไม่สงบด้วยการขว้างปาขวดและก้อนหินใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เผารถตำรวจ มีการขว้างปาประทัด ระเบิดเพลิง และเริ่มมีการเผาบ้านเรือนและห้างสรรพสินค้ารวมแล้วกว่า 45 แห่งเลยทีเดียว

3. ในวันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม เรื่องราวเริ่มลุกลามขึ้นกว่าเดิม เหตุการณ์รุนแรงได้ขยายตัวออกไปเรื่อยๆ โดยบริเวณที่เกิดเหตุการณ์รุนแรง ส่วนมากจะเป็นชานเมืองของกรุงลอนดอน ส่วนในเมืองนั้นผู้คนและนักท่องเที่ยวยังใช้ชีวิตกันอย่างปกติแต่ก็ต้องระวังตัวกันมากเป็นพิเศษ ยกเว้นตอนกลางคืนที่อาจมีตำรวจออกมาตรวจตรามากเป็นพิเศษ รวมถึงมีเฮลิคอปเตอร์บินผ่านในช่วงดึก


4. นอกจากนี้ ยังมีเหตุการณ์ทำนองเดียวกันในต่างเมืองที่น้องๆ อาจจะคุ้นชื่อกันดี เช่น เบอร์มิงแฮม แมนเชสเตอร์ ลิเวอร์พูล บริสตอล ลีดส์ คือมีการเข้าปล้นสะดมในร้านและห้างสรรพสินค้า เผาทำลายสถานีตำรวจ ขว้างปาทำลายสถานที่ราชการ ซึ่งจากการจับกุมผู้ก่อการร้าย พบว่าส่วนมากเป็นคนผิวสีและคนเอเชียใต้ และล่าสุด มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้แล้วทั้งหมด 5 คน แต่ที่ถูกจับนั้นมีเป็นพันคนเลยทีเดียวค่ะ

ประเด็นน่าคิด

1. เป็นที่น่าสังเกตว่า แค่ภายในเวลา 2-3 วัน เหตุการณ์รุนแรงได้แพร่หลายไปรวดเร็วมาก น้องๆ สงสัยมั้ยคะว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้มีการรับข่าวสารกันไวขนาดนี้ ??? ใช่แล้วค่ะ เจ้าโทรศัพท์มือถือ blackberry นั่นเอง ถือเป็นอาวุธสำคัญที่ใช้ในการชักชวนให้ผู้ที่เราแชทด้วยออกมาร่วมชุมนุมประท้วง ก่อกวน ปล้นสะดม รวมถึงนัดแนะว่าจะออกไปรวมตัวกันที่ไหน ซึ่งแน่นอนว่า ข้อความที่แชทกันนั้นถือเป็นความลับและเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถค้นหาหรือเจาะข้อมูลเข้าไปดูได้ว่าข้อความที่แชทกันนั้นมีอะไรบ้าง (เคยได้ยินมั้ยคะว่าประเทศในแถบตะวันออกกลางบางแห่งเคยแบน blackberry สาเหตุก็คือกลัวผู้ก่อการร้ายนัดแนะก่อการร้ายกันผ่านเจ้านี่แหละค่ะ)

2. อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ เรื่องนี้น่าจะคาบเกี่ยวกับ "การเหยียดสีผิวและเชื้อชาติ" หรือภาษาอังกฤษว่า RACISM เนื่องจากมาร์ค ดักแกนเป็นคนผิวสี ซึ่งถ้าพูดกันตามตรงแล้ว ตำรวจผิวขาวมักจะขอตรวจค้นตัวคนผิวสี เพราะอาจสงสัยว่าค้ายาหรือเป็นอาชญากร จนในที่สุดเกิดเป็นการวิสามัญและกลายเป็นการจลาจลครั้งยิ่งใหญ่ในอังกฤษ แต่บางคนก็คิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะใช่เรื่องการเหยียดสีผิวและเชื้อชาติ เพราะคนที่ออกมาประท้วงและชุมนุมนั้น ก็มีคนผิวขาวอยู่ไม่น้อย

จนถึงวันนี้สถานการณ์คลี่คลายลงมากแล้วแต่ก็ยังไม่ 100% (เพราะนายกอังกฤษบอกว่า ถ้ายังไม่เลิก จะยิงกระสุนยางนะจะบอกให้) ดังนั้นสำหรับน้องๆ ที่กำลังจะเดินทางไปลอนดอนและกังวลใจเรื่องนี้ พี่เป้ แอบไปถามรุ่นพี่ที่อยู่ที่นั่น และเค้าให้คำแนะนำมาตามนี้ค่ะ

1. ในตัวเมืองสถานการณ์ปกติ แต่มีบ้างที่จะได้ยินเสียงรถหวอดัง สามารถใช้ชีวิตได้ปกติทั่วไป แต่ควรระมัดระวังตัวด้วย
2. ควรกลับถึงที่พักก่อน 5 โมงเย็นจะดีที่สุด


นั่นก็คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในลอนดอนในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมานั่นเองค่ะ น้องๆ คิดยังไงกับเรื่องนี้บ้าง ? ส่วนตัว พี่เป้ คิดว่า น่าจะเกี่ยวกับเรื่องสีผิวและเชื้อชาติด้วยส่วนหนึ่ง เพราะเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องอ่อนไหวอยู่แล้ว ส่วนคนผิวขาวที่ออกมาร่วมด้วยนั้น ส่วนมากเป็นวัยรุ่น ดังนั้นน่าจะเป็นเพราะอารมณ์ฮึกเหิมและถูกชักชวนจนกลายเป็นพฤติกรรมเลียนแบบมากกว่า (ความเห็นส่วนตัวนะคะ)



อ่านต่อ : http://www.dek-d.com/content/studyabroad/25806/4-เรื่องจริงและ-2-ประเด็นน่าคิด-ผู้ดีเผาเมือง-ณ-อังกฤษ.php#ixzz1VTeQpx7O

19 ส.ค. 54 เวลา 19:29 6,075 8 150
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...