“ตรี-นันทรัตน์”เด็กรุ่นใหม่หลงใหลนาฏศิลป์
เป็นสาวรุ่นใหม่ที่หลงเสน่ห์ศิลปะไทย เรียนรำตั้งแต่เด็ก จนปัจจุบัน “ศาสตร์แห่งการละคร ฟ้อนรำ และดนตรี” นั้น เรียกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต “ตรี นันทรัตน์ ชาวราษฎร์” ไปแล้ว ทั้งยังพร้อมจะอนุรักษ์ความเป็นไทยไม่ให้เลือนหาย เหตุใดทำให้วัยใสอย่างเธอสนใจ และรักนาฏศิลป์ ศิลปวัฒนธรรมไทย “เดลินิวส์แคมปัส” ชวนแฟน ๆ ไปหาคำตอบกัน
“ตรี” มีดีกรีเป็นมิสเฮลท์ตี้ จากเวที “มิสทีน ไทยแลนด์ 2005” มิสโฟโตจินิค จากเวที “อุทัยทิพย์ เฟรชชี่ ไอดอล 2007” และล่าสุด กับผลงานภาพยนตร์ เรื่อง คนโขน ซึ่งมีกำหนดฉาย 25 สิงหาคมนี้ บทบาทของตรียังใกล้เคียงตัวตน ได้โชว์ “ศิลปะการแสดงประกอบดนตรี ด้านโขน และลิเก” อันอ่อนช้อยอีกด้วย
ชอบรำ และเริ่มเรียนจริงจังตั้งแต่อายุเพียง 7 ขวบ ด้วยช่วงเวลาคลุกคลีที่มีมานานนั้น ตรีจึงตั้งใจศึกษาโดยตรงจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ เอกนาฏยศิลป์ไทย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นเป้าหมายที่วางไว้เมื่อครั้งยังเรียนอยู่ ม.1 เลยทีเดียว กระทั่งวันนี้ตรีก้าวสู่ปีที่ 4 ของการเป็นนิสิตแล้ว
“ตรีรำตั้งแต่เรียนอนุบาลค่ะ เวลามีงานโรงเรียนจะชอบร่วมกิจกรรมมาก คุณครูเห็นแววแล้วมาบอกคุณพ่อคุณแม่ว่าน้องชอบนาฏศิลป์ ชอบรำ น่าจะส่งเสริม (ยิ้ม) จากนั้น เริ่มเรียนจริงจังเมื่ออายุราว ๆ 7 ขวบ ไปสมัครเรียนที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยตามคำแนะนำของคุณครู โดยเรียนมาเรื่อย ๆ จนเข้ามหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 1 ค่ะ ตรีตั้งใจอยากเข้าจุฬาฯ ด้วยคณะนี้ เอกนี้ อยากเรียนมาก ๆ (ยิ้ม) ซึ่งช่วงเตรียมตัวสอบเข้า ด้วยความที่ตรีเรียนสายสามัญ ในขณะที่เพื่อน ๆ หลายคนจะเรียนวิทยาลัยนาฏศิลปมา เราจึงต้องใช้ความพยายามค่อนข้างมาก ขยันซ้อมรำ และอ่านหนังสือด้วย
มีการทดสอบหนึ่งจำได้ว่า เมื่ออาจารย์เปิดเพลงเราต้องรำ เช่น เป็นเพลงภาคอีสานเซิ้งโปงลาง สมมติเรารำไม่ได้ แต่ต้องรู้สิว่าคือทำนองของภาคอีสาน ต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้ได้ว่าจะเอาท่าที่เป็นของภาคอีสาน ท่าเซิ้งมาใส่ให้ลงจังหวะได้อย่างไร ซึ่งอาจารย์ก็คงดูปฏิภาณไหวพริบตรงนี้ด้วย มันตื่นเต้นตรงนี้ (หัวเราะ) เพราะฉะนั้น พื้นฐานจึงต้องแน่น”
แม้จะเป็นสาวกิจกรรมตังยง ทั้งยังทำงานด้วย แต่สำหรับการเรียนตรีจะบอกตัวเองเสมอว่าเกรดเฉลี่ยห้ามต่ำกว่า 3 เป็นความคิดที่ไม่ได้เกิดจากแรงกดดันใด ๆ หากแต่เป็นความตั้งใจอยากฝึกวินัย และความรับผิดชอบให้อยู่ในระดับที่ดี
“ช่วงเรียนปี 1 ตรีได้เกรดเฉลี่ยราว ๆ 2 เพราะปรับตัวไม่ทัน (ยิ้ม) ตอนนั้นไม่ได้เรียนรำอย่างเดียว ต้องเรียนวิชานอกคณะที่เป็นวิชาเลือกด้วย ถือเป็นครั้งเดียว และครั้งแรก ก็เครียดนะ จากนั้น จึงต้องพยายามมากขึ้น ไม่อยากให้ผลการเรียนเป็นเลข 2 (หัวเราะ)
เช้าเรียน 09.00 น. เลิก 12.00 น.บ้าง ถ้ามีบ่ายจะเลิก 16.00 น. เย็นก็ทำงาน กลางคืนเป็นเวลาทำการบ้าน (หัวเราะ) ถ้าอาจารย์นัดให้ส่งงานต้องส่งให้ทัน พยายามทำให้เสร็จ ให้ตรงเวลา และเก็บงานให้ครบ ตรีจะไม่ขาดเรียนโดยหายไปเฉย ๆ จะขอให้ทีมงานทำใบลาให้ แล้วตรีเอาไปยื่น และเรียนให้อาจารย์ทราบ ซึ่งตรีจะสบายใจ แล้วมาตามงานทีหลัง สำหรับเพื่อน ๆ น่ารักทุกคน จะช่วยเก็บงาน และคอยเตือนกันเสมอค่ะ (ยิ้ม)”
ถามถึงเสน่ห์ในศาสตร์นี้ ตรีเผยด้วยน้ำเสียงสดใส ใบหน้าเปี่ยมสุข ว่า ตอนเด็ก ๆ ชอบเพราะได้แต่งตัวสวย แต่พอได้เข้ามาสัมผัสแล้ว เป็นสิ่งมีเสน่ห์มากกว่านั้น มีประสบการณ์หนึ่งที่ประทับใจมาก ๆ คือ เมื่อครั้งมีโอกาสสอบ และได้ไปเผยแพร่วัฒนธรรมในต่างประเทศ เดินขบวนเป็นงานเฟสติวัล โดยแต่งตัวแบบไทยที่สุด มีเครื่องทอง ข้อมือ เกี้ยว จอนหู สไบสีทอง เครื่องประดับทอง ซึ่งต่างชาติให้ความสนใจ และชอบมาก รวมถึงการแสดงในโรงละครของเขา พอประเทศไทยแสดงจบ ฝรั่งยืนปรบมือแล้วตะโกน bravo (บราโว) เป็นความรู้สึกประทับใจมากที่สุดค่ะ (ยิ้ม)
สำหรับเส้นทางในวงการบันเทิง ตรีค้นพบว่าเป็นอีกสิ่งที่ชอบ โดยเฉพาะเมื่อได้ใช่ทักษะที่ได้เรียนมา ในอนาคตก็อยากสานต่อความสนใจในนาฏศิลป์ และดนตรีไทย เป็นคุณครูถ่ายทอดความรู้
“หลังจากได้ทำงานในวงการบ้างเล็กน้อย ตรีอยากมีโอกาสเล่นหนัง เล่นละคร หรือทำอะไรก็ได้เกี่ยวกับนาฏศิลป์ไทยทางที่เราเรียน ตรีอยากเล่น อยากทำ อยากรักษาวัฒนธรรมไทย อย่างในภาพยนตร์ เรื่อง คนโขน”
ถ้าถามมุมมองตรีถึงวัฒนธรรมต่างชาติกับวัยรุ่นปัจจุบัน ตรีคิดว่า “จริง ๆ แล้วการที่จะชอบวัฒนธรรมต่างชาติเป็นเรื่องไม่ผิด ปัจจุบันเรารับสื่อทั่วอยู่แล้ว ตรีดูภาพยนตร์เกาหลี ญี่ปุ่นก็ชอบนะ แต่ขอเพียงไม่ลืมรากเหง้าของความเป็นไทยที่บรรพบุรุษสืบสาน และคิดมาเป็นร้อย ๆ ปีค่ะ (ยิ้ม)” คือความรู้สึกของ “ตรี” สาวรุ่นใหม่หลงใหลนาฏศิลป์