กะลาเพื่อสุขภาพ' ภูมิปัญญาไทย...
กะลามะพร้าว เป็นวัสดุเหลือใช้ที่มีคุณค่าและสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ ปัจจุบันมีการนำกะลามะพร้าวมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ เพื่อเพิ่มมูลค่าหลากหลายรูปแบบมากขึ้น อาทิ เครื่องประดับ ของชำร่วย และของตกแต่งบ้าน ซึ่งได้รับความนิยมไม่น้อยทั้งภายในและต่างประเทศ ขณะเดียวกันยังมีการพัฒนาต่อยอดภูมิปัญญาดั้งเดิมของไทยโดยนำกะลามะพร้าวมาทำ “กะลาเพื่อสุขภาพ” ทำให้กลุ่มผู้ผลิตมีรายได้หล่อเลี้ยงครอบครัว
การทำกะลาเพื่อสุขภาพมีขั้นตอนดังนี้ คือ 1. คัดเลือกกะลามะพร้าวที่มีขนาดเท่ากันหรือใกล้เคียงกัน จำนวน 5 กะลา นำไปตากแดดให้แห้ง 2. นำมาขัดให้เรียบและสะอาด ปัดขนออกให้เกลี้ยง 3. เตรียมแผ่นไม้ขนาดความกว้างเท่ากับเส้นผ่าศูนย์กลางของกะลามะพร้าว ยาวประมาณ 40 เซนติเมตร 4. เจาะแผ่นไม้เป็นร่องเท่ากับขอบกะลา แล้วนำกะลามาคว่ำลงตรงร่องที่เจาะ 5. ยึดกะลาแต่ละอันติดกับแผ่นไม้โดยใช้กาวและขี้เลื่อย ปล่อยให้แห้ง 7. นำมาขัดด้วยกระดาษทราย 8. เคลือบด้วยน้ำยาเคลือบเงา ก็จะได้กะลาเพื่อสุขภาพสำหรับนวดบริหารฝ่าเท้า นอกจากจะส่งผลดีต่อสุขภาพผู้ใช้แล้ว ยังเป็นการนำเศษวัสดุเหลือใช้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ และช่วยลดปัญหาขยะจากบ้านเรือนอีกด้วย
นางเบญจา นันทะเสน ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนการผลิตสินค้าตากะลาเพื่อสุขภาพ ตำบลไทรน้อย อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ปัจจุบันกลุ่มวิสาหกิจชุมชน การผลิตสินค้าตากะลาเพื่อสุขภาพ ดำเนินการผลิตกะลาเพื่อสุขภาพส่งจำหน่ายโดยสำนักงานเกษตรอำเภอบางบาลได้เข้ามาช่วยส่งเสริมด้านการตลาดซึ่งได้รับการตอบรับดี โดยกลุ่มฯ ส่งผลิตภัณฑ์สินค้าให้กับร้านค้าที่ตลาดน้ำอโยธยา รวมทั้งออกบูธจำหน่ายในงานต่าง ๆ เช่น งานมรดกโลก งานแสดงสินค้า และส่งให้ลูกค้าที่สั่งซื้อจากต่างจังหวัดด้วย ขณะนี้มีลูกค้าเพิ่มมากขึ้น มีทั้งกลุ่มผู้สูงอายุและลูกค้าวัยหนุ่มสาว ในจำนวนนี้มีนักกีฬาทีมชาตินำกะลาเพื่อสุขภาพไปใช้ในการบำบัดอาการบาดเจ็บได้ผลดี ทั้งนี้ ควรรักษาควบคู่ไปกับแพทย์แผนปัจจุบัน
กะลาเพื่อสุขภาพของกลุ่มฯจำหน่ายในราคาชุดละ 259 บาท ขณะเดียวกันกลุ่มฯ ยังได้ทำกะลาสำหรับเด็ก เพื่อช่วยฝึกการทรงตัวของเด็ก ราคาคู่ละ 40 บาท นอกจากนั้นยังได้ผลิตถ้วยไอศกรีมจากกะลามะพร้าวส่งให้กับร้านไอศกรีมในตลาดน้ำ
อโยธา วันละเกือบ 200 ถ้วย ช่วยสร้างรายได้ให้กับสมาชิกเพิ่มมากขึ้น
“ภายหลังเกิดปัญหามะพร้าวราคาแพงและขาดตลาด ส่งผลให้เกิดปัญหาขาดแคลนกะลามะพร้าวที่จะนำมาทำกะลาเพื่อสุขภาพและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ กลุ่มฯ ได้แก้ไขปัญหาโดยเชื่อมโยงกับกลุ่มขนมไทยและกลุ่มน้ำพริกแกงซึ่งอยู่ในพื้นที่อำเภอบางบาล เพื่อรับกะลามะพร้าวจากกลุ่มฯ ดังกล่าวมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตซึ่งสามารถแก้ปัญหาได้ระดับหนึ่ง”หากสนใจผลิตภัณฑ์ “กะลาเพื่อสุขภาพ” สามารถติดต่อได้ที่ สำนักงานเกษตรอำเภอบางบาล โทร. 0-3530-7787 หรือ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนการผลิตสินค้า(ตากะลาเพื่อสุขภาพ) ต.ไทรน้อย อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา โทร.08-1803-5197