เปิดหัวอกแม่ "หมอมุก" ในวันที่ลูกแน่นิ่ง..สู่วันที่แม่ยิ้มได้
"มุกเขาเป็นเด็กอดทน และยิ้มสู้กับทุกปัญหา ที่สำคัญเขาเป็นคนหัวเราะเก่ง ใคร ๆ ก็บอกว่าเขายิ้มเก่ง ดังนั้น แม่เชื่อว่าปาฏิหาริย์จะเกิดกับเขา และแม่ก็มั่นใจด้วยว่าลูกของแม่ต้องกลับมาทำงานได้ในเร็ววัน"
ดังนั้น ถามว่าเหนื่อยไหมกับความเป็นแม่ในวันนี้ เธอเผยด้วยรอยยิ้มว่า ไม่เหนื่อย และไม่ท้อด้วย เพราะได้รับความห่วงใยจากสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแจกันดอกไม้มามอบให้ รวมไปถึงกำลังใจจากคนไทยที่เดินทางเข้ามาเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งพลังสำคัญที่หนุนนำให้ลูกสาวและเธอฮึดสู้เพื่อผ่านเหตุการณ์ความเลวร้ายในครั้งนี้ไปได้
"สิ่งที่แม่ยิ้ม และมีความสุขในวันนี้ก็คือ ลูกของแม่ลงจากเตียงเองได้ เข้าห้องน้ำเองได้ ใส่เสื้อผ้าเองได้ ส่วนเวลาพูด มุกเขาเข้าใจนะ แต่ไม่สามารถพูดอย่างเรา ๆ ได้ บางทีเขาก็อึดอัดเหมือนกัน ตัวแม่เองก็เห็นใจเขานะ (เสียงเริ่มสั่น) ซึ่งเราก็ได้แต่ให้กำลังใจเขาบ่อย ๆ ว่า ไม่เป็นไรลูก เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง" เธอเผยด้วยความเชื่อมั่นว่าลูกของเธอจะต้องกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้
พร้อมกันนี้ เธอยังสารภาพความรู้สึกต่อไปอีกว่า ความสุขของแม่คือการได้เห็นลูกมีความสุข ถ้าลูกเจ็บ เธอก็เจ็บปวดไปไม่น้อยกว่าลูก
"ถ้าเลือกเจ็บแทนลูกได้ แม่ขอรับความเจ็บนั้นไว้เอง เพราะชีวิตเราตอนนี้ปาเข้าไป 70 ปีแล้ว แต่ลูกของแม่ยังมีเวลาทำสิ่งดี ๆ เพื่อสังคมอีกมากมาย พอลูกต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้ แม่เองก็สงสารเขานะ แต่แทนที่แม่จะโกรธหรือแค้นคนที่ทำลูกของแม่ แม่เอาเวลามาดูแลลูกจะดีกว่า และแม่ก็เชื่อว่าเวรกรรมมีจริง ใครทำสิ่งใดย่อมได้สิ่งนั้น"
นับเป็นคุณแม่อีกหนึ่งท่านที่แสดงให้เห็นถึงบทบาท และการทำหน้าที่ของแม่ด้วยความเสียสละความรักที่ไม่มีข้อแม้ โดยเธอได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่า กำลังใจจากผู้เป็นแม่สามารถเยียวยาให้ลูกอยู่อย่างมีความหวัง และอาจสร้างปาฏิหาริย์ให้หมอมุกกลับมาทำอาชีพแพทย์ได้ในเร็ววัน เปรียบได้กับท้องฟ้าที่พอผ่านพายุหนัก ๆ ไปแล้วย่อมกลับมาสดใสเสมอ
////////////
ข้อมูลประกอบข่าว
พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือหมอมุก เป็นลูกสาวคนเดียวของ พ.ต.ประสิทธิ์ และพญ.พรรณกร อิ่มวิทยา จบการศึกษาชั้นต้นจากโรงเรียนจิตรลดา แล้วเข้าศึกษาต่อวิชาแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล เมื่อจบการศึกษาแล้วก็เข้ารับราชการในกรมแพทย์ทหารบก โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ได้ไปทำงานเป็นแพทย์ใช้ทุนที่โรงพยาบาลค่ายทหารอานันทมหิดล จ.ลพบุรี แล้วจึงเข้ามาศึกษาต่อเฉพาะทางสาขาเวชศาสตร์ครอบครัวที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า มีความสนใจในศาสตร์เรื่องการฝังเข็ม จึงสมัครเข้าไปเพิ่มพูนทักษะวิชาฝังเข็ม ที่กรมการแพทย์กระทรวงสาธารณสุข ก่อนที่จะไปเป็นแพทย์ประจำการที่โรงพยาบาลค่ายสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ที่ จ.ร้อยเอ็ด
หมอมุกสูญเสียคุณพ่อตั้งแต่อายุได้ 9 เดือน เนื่องจากคุณพ่อพลีชีพเพื่อชาติจากการต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายในเขตปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ส่วนหน้า เมื่อปี 2520 เมื่อความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับหมอมุกไว้ในพระบรมราชินูปถัมภ์ พระราชทานทุนการศึกษาตลอดมา จากความเสียสละกล้าหาญของผู้เป็นพ่อที่ได้รับการยกย่องเชิดชูจากทางราชการ ให้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดีเหรียญกล้ากลางสมร ก็ได้กลายเป็นความภาคภูมิใจและขวัญกำลังใจให้ พญ.พรรณกร มีกำลังใจเข้มแข็ง ในอันที่จะเลี้ยงดูฟูมฟักให้ลูกสาวคนเดียวเติบโตมาอย่างเห็นคุณค่าของการดำรงชีวิต เพื่อทำประโยชน์ให้แก่สังคมชาติบ้านเมือง ด้วยการเรียนแพทย์เพื่อเจริญรอยตามแม่แล้วเป็นทหารเจริญรอยตามพ่อ
ปัจจุบันหมอมุกได้ประจำการอยู่ที่ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ซึ่งเป็นแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการฝั่งเข็มเป็นอย่างมาก อีกทั้งเป็นแพทย์ในโครงการของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์พระบรมราชินีนาถ โดยสังกัดอยู่ที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และก่อนที่หมอมุกจะถูกรถของคนใจร้ายชน เธอได้ทำเรื่องขอไปสังกัดที่ 3 ชาย