เปิดหัวอกแม่ "หมอมุก" ในวันที่ลูกแน่นิ่ง..สู่วันที่แม่ยิ้มได้

 

 

 

 

 

เปิดหัวอกแม่ "หมอมุก" ในวันที่ลูกแน่นิ่ง..สู่วันที่แม่ยิ้มได้

 

 

 

 

"มุกเขาเป็นเด็กอดทน และยิ้มสู้กับทุกปัญหา ที่สำคัญเขาเป็นคนหัวเราะเก่ง ใคร ๆ ก็บอกว่าเขายิ้มเก่ง ดังนั้น แม่เชื่อว่าปาฏิหาริย์จะเกิดกับเขา และแม่ก็มั่นใจด้วยว่าลูกของแม่ต้องกลับมาทำงานได้ในเร็ววัน"
       
       ประโยคนี้หลุดลอยขึ้นมาที่บริเวณหน้าห้อง 1428 หอผู้ป่วยศัลยกรรมพิเศษ 14/2 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ พระชนมพรรษา ร.พ.พระมงกุฎเกล้า
       
       เป็นความรู้สึกในหัวอกแม่ที่เต็มไปด้วยความหวังของ พญ.พรรณกร อิ่มวิทยา หลังจากที่ลูกสาว "หมอมุก-พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา" แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านฝังเข็ม ประจำรพ.พระมงกุฎเกล้า ถูกรถคู่กรณีพยายามฆ่าด้วยการขับรถพุ่งชนอย่างเหี้ยมโหดในคืนวันที่ 11 มิถุนายน 2554 ที่ผ่านมา ทำให้อาการเข้าขั้นโคม่า เพราะหัวฟาดพื้นอย่างแรง กลายเป็นข่าวใหญ่ และคดีสะเทือนขวัญที่อยู่ในความสนใจของสังคมอย่างมาก
       
       "หมอมุกเป็นความภูมิใจของแม่ เขาเป็นเด็กเสียสละเพื่อคนอื่น อย่างก่อนเกิดเรื่องไม่นาน เขาบอกกับเราว่า เขาจะไปเป็นแพทย์อาสาที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แม่ต้องทำใจนะ มุกเป็นหมอ มุกต้องไปช่วยคน ซึ่งเราก็ไปหาพระขอพรให้คุ้มครองลูก แต่ไม่นึกเลยว่าเหตุการณ์ร้าย ๆ จะเกิดขึ้นหน้าบ้านของเราเอง" คุณแม่หมอมุกเล่าต่อถึงความตั้งใจของลูกที่จะลงใต้ไปเป็นแพทย์อาสาฯ แต่กลับต้องมาประสบเหตุการณ์อันเลวร้ายที่เกือบจะพรากชีวิตลูกสาวไป
       
       "ในวันเกิดเหตุ ตัวแม่เองเสียใจมาก และได้แต่โทษตัวเองว่าเราทำให้เขาเกิด และต้องมารับกรรมถึงขนาดนี้ ดูสิ ลูกของแม่นอนอยู่กลางถนนในสภาพที่ตัวแม่เองแทบจะขาดใจ อีกอย่างตอนนั้นเรานึกโกรธตัวเองที่ช่วยอะไรลูกไม่ได้เลย ได้แต่นั่งอยู่ข้าง ๆ เป็นเพื่อนลูกเท่านั้น" ความรู้สึกของแม่ในวันที่ลูกสาวสุดที่รักนอนแน่นิ่งอยู่กลางถนน
       
       ด้วยอาการบาดเจ็บทางสมองที่บวม และมีเลือดออก ทำให้หมอมุกมีปัญหาเรื่องความจำ และการดำเนินชีวิตแบบปกติ เรียกได้ว่า ทุกอย่างต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการหัดเดิน หัดพูด และฝึกการใช้สมอง แต่คุณแม่ท่านนี้ก็สู้ไปพร้อม ๆ กับลูกเพื่อให้ลูกกลับคืนสู่สภาพเดิมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

วันนี้ที่สดใสของ “หมอมุกและคุณแม่”        "ตอนนี้ ทุกวินาทีของแม่เราให้ลูกหมด ตั้งแต่ตื่นนอนเราไปทำกายภาพบำบัด และฝึกพูดกับคุณหมอด้วยกัน เสร็จแล้วเรากินข้าว ดูทีวีด้วยกัน ส่วนงานของแม่ แม่ละหมด และไม่มีกำหนดด้วย เพราะหากเราไปทำงานแล้วใครจะดูแลลูก เรามีกันแค่ 2 คนแม่ลูกเท่านั้น ส่วนคุณพ่อของมุกเป็นนายทหารหาญที่พลีชีพเพื่อชาติจากการต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายในเขตปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ส่วนหน้า เมื่อปี 2520 ในขณะที่หมอมุกอายุเพียง 9 เดือน"
       
       อย่างไรก็ตาม ถึงแม้วันนี้หมอมุกจะไม่ได้เป็นมุกคนเดิมที่พูดเก่ง และทำงานได้คล่องแคล่ว แต่คุณแม่ท่านนี้ก็มีความเชื่อมั่นว่า ลูกของเธอจะต้องดีขึ้น และกลับมาทำงานรักษาคนไข้ได้เหมือนเดิม รวมทั้งกลับมาใช้ชีวิตตามประสาแม่ลูกที่มีความสุขเล็ก ๆ กับการท่องเที่ยว และไปทำบุญด้วยกัน
       
       "มุกเขาเป็นคนสู้นะ อย่างแปดโมงเช้าเขาต้องไปทำกายภาพบำบัดกับคุณหมอ มุกก็แต่งตัวไปเลย หรือบ่ายโมงเขาต้องไปทำอีกรอบ มุกก็ไปตามนัด หรือเวลาที่คุณหมอให้ทำอะไรมุกเขาจะให้ความร่วมมือดีมาก แม่เห็นแล้วก็อิ่มใจและยิ้มได้ที่ลูกของแม่สู้เพื่อตัวเขาเอง ซึ่งแม่เองก็เต็มใจดูแลลูกของแม่ให้ดีที่สุดเท่าที่คนเป็นแม่จะทำได้"

รอยยิ้มที่สวยงามกำลังจะกลับมา

       ดังนั้น ถามว่าเหนื่อยไหมกับความเป็นแม่ในวันนี้ เธอเผยด้วยรอยยิ้มว่า ไม่เหนื่อย และไม่ท้อด้วย เพราะได้รับความห่วงใยจากสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแจกันดอกไม้มามอบให้ รวมไปถึงกำลังใจจากคนไทยที่เดินทางเข้ามาเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งพลังสำคัญที่หนุนนำให้ลูกสาวและเธอฮึดสู้เพื่อผ่านเหตุการณ์ความเลวร้ายในครั้งนี้ไปได้
       
       "สิ่งที่แม่ยิ้ม และมีความสุขในวันนี้ก็คือ ลูกของแม่ลงจากเตียงเองได้ เข้าห้องน้ำเองได้ ใส่เสื้อผ้าเองได้ ส่วนเวลาพูด มุกเขาเข้าใจนะ แต่ไม่สามารถพูดอย่างเรา ๆ ได้ บางทีเขาก็อึดอัดเหมือนกัน ตัวแม่เองก็เห็นใจเขานะ (เสียงเริ่มสั่น) ซึ่งเราก็ได้แต่ให้กำลังใจเขาบ่อย ๆ ว่า ไม่เป็นไรลูก เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง" เธอเผยด้วยความเชื่อมั่นว่าลูกของเธอจะต้องกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้
       
       พร้อมกันนี้ เธอยังสารภาพความรู้สึกต่อไปอีกว่า ความสุขของแม่คือการได้เห็นลูกมีความสุข ถ้าลูกเจ็บ เธอก็เจ็บปวดไปไม่น้อยกว่าลูก
       
       "ถ้าเลือกเจ็บแทนลูกได้ แม่ขอรับความเจ็บนั้นไว้เอง เพราะชีวิตเราตอนนี้ปาเข้าไป 70 ปีแล้ว แต่ลูกของแม่ยังมีเวลาทำสิ่งดี ๆ เพื่อสังคมอีกมากมาย พอลูกต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้ แม่เองก็สงสารเขานะ แต่แทนที่แม่จะโกรธหรือแค้นคนที่ทำลูกของแม่ แม่เอาเวลามาดูแลลูกจะดีกว่า และแม่ก็เชื่อว่าเวรกรรมมีจริง ใครทำสิ่งใดย่อมได้สิ่งนั้น"
       
       นับเป็นคุณแม่อีกหนึ่งท่านที่แสดงให้เห็นถึงบทบาท และการทำหน้าที่ของแม่ด้วยความเสียสละความรักที่ไม่มีข้อแม้ โดยเธอได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่า กำลังใจจากผู้เป็นแม่สามารถเยียวยาให้ลูกอยู่อย่างมีความหวัง และอาจสร้างปาฏิหาริย์ให้หมอมุกกลับมาทำอาชีพแพทย์ได้ในเร็ววัน เปรียบได้กับท้องฟ้าที่พอผ่านพายุหนัก ๆ ไปแล้วย่อมกลับมาสดใสเสมอ
       
       ////////////
       
       ข้อมูลประกอบข่าว
       
       พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือหมอมุก เป็นลูกสาวคนเดียวของ พ.ต.ประสิทธิ์ และพญ.พรรณกร อิ่มวิทยา จบการศึกษาชั้นต้นจากโรงเรียนจิตรลดา แล้วเข้าศึกษาต่อวิชาแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล เมื่อจบการศึกษาแล้วก็เข้ารับราชการในกรมแพทย์ทหารบก โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ได้ไปทำงานเป็นแพทย์ใช้ทุนที่โรงพยาบาลค่ายทหารอานันทมหิดล จ.ลพบุรี แล้วจึงเข้ามาศึกษาต่อเฉพาะทางสาขาเวชศาสตร์ครอบครัวที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า มีความสนใจในศาสตร์เรื่องการฝังเข็ม จึงสมัครเข้าไปเพิ่มพูนทักษะวิชาฝังเข็ม ที่กรมการแพทย์กระทรวงสาธารณสุข ก่อนที่จะไปเป็นแพทย์ประจำการที่โรงพยาบาลค่ายสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ที่ จ.ร้อยเอ็ด
       
       หมอมุกสูญเสียคุณพ่อตั้งแต่อายุได้ 9 เดือน เนื่องจากคุณพ่อพลีชีพเพื่อชาติจากการต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายในเขตปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ส่วนหน้า เมื่อปี 2520 เมื่อความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับหมอมุกไว้ในพระบรมราชินูปถัมภ์ พระราชทานทุนการศึกษาตลอดมา จากความเสียสละกล้าหาญของผู้เป็นพ่อที่ได้รับการยกย่องเชิดชูจากทางราชการ ให้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดีเหรียญกล้ากลางสมร ก็ได้กลายเป็นความภาคภูมิใจและขวัญกำลังใจให้ พญ.พรรณกร มีกำลังใจเข้มแข็ง ในอันที่จะเลี้ยงดูฟูมฟักให้ลูกสาวคนเดียวเติบโตมาอย่างเห็นคุณค่าของการดำรงชีวิต เพื่อทำประโยชน์ให้แก่สังคมชาติบ้านเมือง ด้วยการเรียนแพทย์เพื่อเจริญรอยตามแม่แล้วเป็นทหารเจริญรอยตามพ่อ
       
       ปัจจุบันหมอมุกได้ประจำการอยู่ที่ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ซึ่งเป็นแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการฝั่งเข็มเป็นอย่างมาก อีกทั้งเป็นแพทย์ในโครงการของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์พระบรมราชินีนาถ โดยสังกัดอยู่ที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และก่อนที่หมอมุกจะถูกรถของคนใจร้ายชน เธอได้ทำเรื่องขอไปสังกัดที่ 3 ชาย

 

Credit: http://www.toptenthailand.com/news_detail.php?id=7926
8 ส.ค. 54 เวลา 18:21 5,046 6 80
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...