นำขึ้นทูลเกล้าฯ 9ส.ค. 'ครม.ปู1' 'วิทยา' นั่งว่าการวิทย์
สันติคุมไอซีที-'ปลอด' บัวแก้ว 'เพรียวพันธ์' ผงาดขึ้นผบ.ตร.
เปิดโผ 'ครม.ยิ่งลักษณ์ 1' ใกล้ลงตัวทูลเกล้าฯ 9ส.ค. หลายกระทรวงยังนิ่ง 'ยุทธศักดิ์' เหนียวคั่วเก้าอี้ รมว.กลาโหม หลายกระทรวงส่อพลิกโผ 'ปลอดประสพ' นั่งรมว.การต่างประเทศ หลัง “จุลพงศ์” ติดเงื่อนไขรับตำแหน่งไม่ได้ “เหลิม” นั่งรองนายกฯ คุมตำรวจ ด้าน “เจ๊แดง” กวาดเรียบดันเด็กในสังกัด “สันติ” ไอซีที “วรวัจน์” แรงงาน “วิทยา” คุมวิทยาศาสตร์ ขณะที่ “เจ๊หน่อย” ส่ง “วิชาญ” คุมสาธารณสุข สำเร็จ ขณะที่เด็กพท. อกหักก่อหวอด จ่อบุกคุย “ยิ่งลักษณ์” ฉุน “พายัพ” ประธานภาค ไร้น้ำยา เทียบ “เจ๊แดง” ส่งเด็กในสังกัดเหนือเข้าตามเป้า ด้าน “นิรันดร์” รับ ส.ส. อกหักเคลื่อนไหวจริง สอนอย่าฝันเกินตัว ชี้เก้าอี้ รมต. ขึ้นอยู่กับด-ว-ง สะพัด! เพื่อไทย” วางคิวจัดแถว ขรก. จ่อดัน “วิเชียร” พ้นเก้าอี้ผบ.ตร. ส่งรับตำแหน่งปลัดสำนักนายกฯ เปิดทาง “เพรียวพันธ์” คุมสตช. หลังปัดรับเก้าอี้รองนายกฯ เหตุหวังรับบท “แม่ทัพสีกากี” ก่อนเกษียณอายุราชการ ขณะที่ “จตุรงค์” จำใจสวมบทที่ปรึกษานายกฯ ด้าน ผบ.ตร. ยันองค์กรสีกากีเป็นกลไกของรัฐ พร้อมสนองตอบนโยบายฝ่ายบริหาร ด้านว่าที่นายกฯ หญิงเก็บตัวในบ้านพัก ปล่อยสามีเปิดใจสื่อนอก ขอเป็นที่ปรึกษาเฉพาะที่บ้าน ปูดภรรยายึดกฎต้องทำถูกเสมอ
“ยิ่งลักษณ์”เก็บตัวเงียบ
เมื่อวันที่ 7 ส.ค. สำหรับความเคลื่อน ไหวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี ซึ่งมีกำหนดการรอรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีในวันที่ 8 ส.ค. นี้โดยตลอดช่วงเช้าได้เก็บตัวอยู่ในบ้านพักซอยโยธินพัฒนา 3 เขตบึงกุ่ม โดยใช้เวลาว่างทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัว และ ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร หรือน้องไปป์ ท่ามกลางสื่อมวลชนจำนวนมาก ที่มาปักหลักเฝ้ารอติดตามทำข่าวภารกิจของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่าในช่วงเที่ยงน.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมคนใกล้ชิดเดินทางไปรับประทานอาหารนอกบ้านร่วมกับครอบครัวด้วย
อนึ่งเมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็เก็บตัวอยู่ในบ้านพัก โดยไม่ให้สัมภาษณ์ใด ๆ ทั้งสิ้นกับสื่อมวลชน
พท.นัดพร้อม 17.00 น.
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า พรรคเพื่อไทยได้จัดเตรียมที่ห้องประชุมชั้น 7 ไว้เป็นสถานที่รับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ นายกรัฐมนตรี เนื่องจากเป็นสถานที่ที่กว้างขวาง สามารถรับรองสมาชิกพรรคได้จำนวนมากซึ่งห้องดังกล่าวได้ถูกจัดเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ในวันที่ 8 ส.ค. เวลา 17.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ กรรมการบริหารพรรค พร้อมทั้ง ส.ส. ทั้งหมด จะมารวมตัวกันที่ห้องดังกล่าว เพื่อเตรียมรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ซึ่งในวันนั้นจะไม่มีการจัดงานเลี้ยงรื่นเริงสังสรรค์ เนื่องจากอยู่ในช่วงไว้อาลัยให้สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี และหลังจากนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเร่งทำงานให้ความช่วยเหลือผู้ที่ประสบปัญหาอุทกภัย และจะนำเสนอรายชื่อคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ได้รัฐบาลชุดใหม่ที่มีอำนาจเต็มเข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งรายชื่อครม.ทั้งหมดจะมีความชัดเจนในวันที่ 9 ส.ค.นี้
ส.ส. อีสานได้ 3 รมช.
ด้านความเคลื่อนไหวการจัดโผ “ครม. ยิ่งลักษณ์ 1” นั้น สำหรับกรณีที่ส.ส.ภาคอีสาน เสนอชื่อส.ส.จำนวน 6 รายในโควตาภาคให้น.ส.ยิ่งลักษณ์และแกนนำพรรคพิจารณา ประกอบด้วย นางบุญรื่น ศรีธเรศ ส.ส.กาฬสินธุ์ นายพรศักดิ์ เจริญประเสริฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายภูมิ สาระผล ส.ส.ขอนแก่น นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.ชัยภูมิ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่แกนนำพรรคผลักให้มาอยู่ในโควตาภาคอีสาน รวมถึงนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข ส.ส.เลย และนายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร ที่วิ่งเต้นผ่านทางนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาจนมีชื่อติดในโผสำเร็จ รวมทั้งหมด 8 ราย แต่ล่าสุดอาจเหลือ ส.ส.อีสาน แค่ 3 รายที่ได้รับการพิจารณาในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วย คือ นางบุญรื่น ศรีธเรศ นายภูมิ สาระผล แต่ยังไม่มีข้อสรุปว่าให้อยู่กระทรวงใด และนายพรศักดิ์ เจริญประเสริฐ ที่มีแนวโน้มจะได้เก้าอี้ รมช.เกษตรและสหกรณ์ส่วนที่เหลือหลุดจากโผ “ครม.ยิ่งลักษณ์ 1” แล้ว ยกเว้น พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ถูกโยกให้ไปเป็นโควตากลาง
จวก “พายัพ” ไร้บารมี
รายงานข่าวแจ้งว่าหลังมีกระแสข่าวรั่วออกมา ส.ส.อกหักต่างไม่พอใจและหลายคนยังพยายามวิ่งเต้นต่อ โดยสาเหตุหนึ่งที่ถูกนำมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักคือมองว่านายพายัพ ชินวัตร ประธานภาคอีสาน แทบไม่มีบทบาทและบารมีในการพิจารณาแต่งตั้งรัฐมนตรี ต่างจากภาคเหนือที่มีนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยและแกนนำสำคัญหลายรายช่วยดูแล เช่น นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ จึงทำให้มีแนวโน้มว่าจะได้โควตารัฐมนตรีและกระทรวงสำคัญตามเป้า ทั้งที่มีส.ส.น้อยกว่า อาทิ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ส.ส.เชียงใหม่ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล นายอิทธิเดช แก้วหลวง ส.ส.เชียงราย รวมถึงนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา ในตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง ซึ่งส.ส.ที่ไม่พอใจบางรายได้รวบรวม ส.ส.และเตรียมที่จะสะท้อนความเห็นต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์โดยตรง
เก้าอี้รมต.อยู่กับด-ว-ง
นายนิรันดร์ นาเมืองรักษ์ ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย กล่าวยอมรับว่าได้ยินข่าวว่าส.ส.อีสานหลายคนเคลื่อนไหวจริง เท่าที่ทราบมีการพูดคุยว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเนื่องจากอีสานเป็นภาคใหญ่ มีส.ส.มากถึง 104 คนแต่สัดส่วนเรื่องบริหาร ไม่ได้รับการดูแลทั้งที่เขาก็ไม่ได้หวังว่าจะได้กระทรวงหลัก ๆ แต่ รมช.ก็ควรจะให้ได้เป็นหน้าเป็นตาของคนอีสานบ้าง แต่อย่างไรก็ตามส่วนตัวไม่ได้สนใจเรื่องนี้เพราะคิดว่าเป็นผู้แทน ได้ก็ดีแล้ว จึงได้แค่ฟังและให้กำลังใจคนอยากเป็นพร้อมปลอบว่าอย่าไปใฝ่ฝันให้มากนัก เพราะของอย่างนี้บางทีก็อยู่กับดวง ซึ่งประกอบด้วย ด.เด็ก คือ เด็กของใคร ว.แหวน คือ วิ่งเต้นกับใคร และ ง.งู คือเงิน ถ้าสามอย่างครบก็ได้เป็นรัฐมนตรีแน่ ทั้งนี้ส่วนของ จ.ร้อยเอ็ด ที่มีข่าวว่านายศักดา คงเพชร จะเป็นตัวแทนของจังหวัดไปรับตำแหน่งรัฐมนตรีนั้นส่วนตัวมองว่าไม่เหมาะสม ก่อนอื่นถามว่าเป็นรัฐมนตรีแล้วจะทำประโยชน์อะไรให้ประชาชน ถ้าคิดแต่ว่าจะเอาตำแหน่งเฉย ๆ อย่าเป็นเสียดีกว่า
สื่อนอกชี้ปูเจองานหิน
ด้านสำนักข่าวเอเอฟพี ได้เผยแพร่บทวิเคราะห์การเมืองไทย เรื่อง “หนทางยากลำบากที่รออยู่ข้างหน้าสำหรับนายกฯ คนใหม่ของไทย” โดยระบุว่า สำหรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แม้จะเป็นหน้าใหม่ในทางการเมือง แต่ก็อาจจะฟันฝ่าอุปสรรคจนอยู่ในตำแหน่งได้ครบเทอม และยุติวงจรของการไร้เสถียรภาพในประเทศก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม ความอดทนอดกลั้นในทางการเมืองของเธอ ประกอบกับแนวทางในอันที่จะสร้างความปรองดอง หลังต้องเผชิญกับความวุ่นวายมานานหลายปี แต่ทั้งหมดนั้นกำลังถูกคุกคามจากความสัมพันธ์ในครอบครัวของเธอ
เสี่ยงเจอรัฐประหาร
ขณะที่นายไมเคิล มอนเตซาโน นักวิเคราะห์จากสถาบันเอเชียศึกษา มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ตั้งข้อสังเกตว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นผู้นำในกลุ่มการเมืองที่ไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชนอีกจำนวนมากในประเทศไทย ดังนั้น ไม่ช้าก็เร็ว อาจมีความพยายามที่จะโค่นอำนาจรัฐบาลของเธอโดยใช้วิธีการต่าง ๆ นานาก็เป็นได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรย่อมสร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พี่ชายของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งถูกโค่นลงจากอำนาจเพราะการรัฐประหารเมื่อปี 2549 โดยกองทัพก็ยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ซึ่งไม่ได้ต้องการที่จะก่อรัฐประหารขึ้นมาอีก แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้อยู่ เพราะประเทศไทยเคยเกิดการรัฐประหารมาแล้ว 18 ครั้ง นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2475
ด้านนายฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ แห่งคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า กองทัพอาจจับมือกับกลุ่มหรือสถาบันอื่น ๆ ขัดขวางการทำงานของรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ก็เป็นได้
สามีรับต้องปรับตัว
นายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ สำนักข่าวรอยเตอร์ และ สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี ของจีนว่า ตนและ น้องไปป์ (ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร) บุตรชาย วัย 9 ขวบ ต้องปรับตัวอย่างมากต่อบทบาทใหม่ ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงข้อสงสัยและคำครหาที่อาจเกิดขึ้น จึงได้ลาออกจากตำแหน่งผู้บริหารบริษัทเอกชน ที่ดำเนินการเกี่ยวกับการสื่อสารคมนาคม ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ตกลงกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า ชีวิตพวกเรามีความสุขดีอยู่แล้ว ได้ทำในสิ่งที่รัก เพราะฉะนั้นเราจะไม่ลงเล่นการเมือง แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป จำเป็นต้องยอมรับกับบทบาทใหม่ ซึ่งจะขอเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเฉพาะที่บ้านเท่านั้น ส่วนน้องไปป์บอกว่าอยากให้คุณแม่กลับบ้านเร็วขึ้น
ตั้งกฎ “ปู” ต้องถูกเสมอ
สามีของว่าที่นายกฯหญิงคนแรกของไทยยังย้อนอดีตให้ฟังว่า เขาตกหลุมรัก น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะความสวยของเธอ แต่หลังจากแต่งงานแล้วพบว่า ความอ่อนน้อมถ่อมตัว เป็นสิ่งที่ช่วยประสานความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว และเมื่อถูกถามว่าใครจะเป็นคนขอโทษก่อนเมื่อทะเลาะกัน เขาตอบว่า “ปกติแล้วผมจะเป็นฝ่ายกล่าวขอโทษ เพราะคุณยิ่งลักษณ์มีกฎ 2 ข้อคือ หนึ่งเธอต้องถูกเสมอ และสอง ถ้าเธอผิดให้กลับไปดูกฎข้อหนึ่งอีกครั้ง”
นายอนุสรณ์ กล่าวด้วยว่า ดูเหมือนชีวิตของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะโรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่เธอผ่านอุปสรรคหนัก ๆ หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นวิกฤติเศรษฐกิจ หรือวิกฤติทางการเมืองที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องเผชิญ มันเป็นสิ่งที่ท้าทาย แต่ครอบครัวของเราพร้อมรับมือกับมันและจะคอยสนับสนุน น.ส.ยิ่งลักษณ์เสมอ
“เทือก” รุกหามวลชน
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ประชุมพรรคมีมติให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรคและนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เป็นเลขาธิการพรรคคนใหม่ ว่า ตนมั่นใจในตัวนายอภิสิทธิ์ จะเป็นความหวังของประชาชน ที่มีอุดมการณ์เทิดทูนระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งถือเป็นจุดเด่น และตนจะสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ มากขึ้นไปกว่าเดิมอีก ตนมั่นใจว่า กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่จะทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี เข้มแข็งพอที่จะประคองพรรคให้เดินไปได้
เมื่อถามถึงกรณีที่ เคยระบุว่า จะเดินสายจะจัดตั้งมวลชนมาแข่งกับเสื้อแดง นาย สุเทพ กล่าวว่า ไม่ใช่ เพียงแต่จะเดินสายคุยกับคนกลุ่มต่าง ๆ ในบ้านเมืองให้เข้าใจสถานการณ์บ้านเมืองให้ชัดเจน และต้องการจุดประกายความคิดเพื่อให้เกิดพลังในการปกป้องสถาบันและบ้านเมือง ส่วนเรื่องโรงเรียนการเมืองที่พรรคจะทำ เป็นคนละส่วนกัน
เร่งทวงอำนาจรัฐ
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางมาสักการะ พระแม่ธรณีบีบมวยผม ที่เป็นสัญลักษณ์ของพรรค ว่า แนวทางการทำงานจะใช้ความจริง เรื่องไหนเป็นเรื่องดี เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ก็จะสนับสนุน แต่ถ้าเรื่องใดเป็นเรื่องทุจริต หรือทำร้ายประชาชน ก็จะตรวจสอบอย่างเข้มข้น บางครั้งอาจจะต้องต่อสู้กับบางกลุ่มบางฝ่ายที่มีความพยายามจะปลุกปั่นบิดเบือน ก็ต้องใช้ความอดทนและพยายามในการสื่อสารเพื่อให้ประชาชนรับข้อมูลที่ถูกต้อง พรรคจะเล่นการเมืองอย่างสร้างสรรค์ แต่จะไม่ยอมให้ใครทำร้ายประชาชนด้วยการ สร้างรอยแผลความบาดหมางเพิ่มเติมปัญหาของประเทศไทยอีก หรือสร้างความเข้าใจผิดให้ประชาชน ซึ่งวันที่ 9 ส.ค. นายอภิสิทธิ์ ได้เรียกประชุมกรรมการบริหารพรรค ซึ่งจะมอบทิศทางการทำงานต่อไป และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ ก็จะมีการกำหนดยุทธศาสตร์ในการผลักดันให้พรรคกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง
เด้ง “วิเชียร” พ้น ผบ.ตร.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากพรรคเพื่อไทยได้เข้ามาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ทำให้หลายฝ่ายจับตามองว่า ข้าราชการระดับสูงของหน่วยงานไหนบ้าง จะต้องถูกปรับย้ายออกจากตำแหน่ง ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวสำคัญที่อาจนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ซึ่งมี พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.อยู่ โดยมีรายงานข่าวว่า แกนนำพรรคเพื่อไทยมีความพยายามผลักดัน พล.ต.อ.วิเชียร ให้ไปดำรงตำแหน่งปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเปิดทางให้ พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร. เข้ามารับตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของ สตช. โดยจะมีระยะเวลา กับการทำงานในตำแหน่ง ผบ.ตร. 1 ปี เนื่องจาก พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ จะเกษียณอายุราชการในปี พ.ศ. 2555
“บิ๊กอ๊อฟ” จ่อคุม สตช.
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้ามีข่าวว่า แกนนำพรรคเพื่อไทยต้องการผลักดันให้ พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ เข้ามารับตำแหน่งในครม.ภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยมอบหมายให้ดูแลงานด้านความมั่นคงและสตช. แต่ รอง ผบ.ตร.ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่ชายของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องการรับตำแหน่ง ผบ.ตร. เพราะคิดว่าช่วงที่ผ่านมาตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม จากกรณีการแต่งตั้งตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดในสตช. ทั้งที่มีอาวุโสสูงสุด จึงต้องการทำงานในตำแหน่ง ผบ.ตร. เพื่อเป็นเกียรติประวัติของตนเอง
โยกจตุรงค์พ้นเก้าอี้
สำหรับตำแหน่งปลัดสำนักนายกฯ ปัจจุบันมีนายจตุรงค์ ปัญญาดิลก ดำรงตำแหน่ง โดยจะเกษียณอายุราชการในปี พ.ศ. 2557 หากจะผลักดัน พล.ต.อ.วิเชียร ให้เข้ามารับตำแหน่งปลัดสำนักนายกฯ รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย ต้องจัดหาตำแหน่งเทียบเท่ากับซี 11 ให้กับนายจตุรงค์ ซึ่งแนวโน้มน่าจะแต่งตั้งให้นายจตุรงค์รับตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี โดยมีกระแสข่าวว่าพล.ต.อ.วิเชียร ตกลงใจที่จะไปรับตำแหน่งฝ่ายบริหารที่สำนักนายกฯ แล้ว ด้วยเกรงว่า หากยังดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.อีกไป อาจต้องเผชิญกับแรงกดดันจากฝ่ายการเมือง เพราะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงผู้บริหารสูงสุดของสตช. ในช่วงที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
“บิ๊กน้อย” เด้งรับนโยบาย
ด้าน พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. กล่าวถึงบุคคลที่จะเข้าดำรงตำแหน่งรองนายกฯ ดูแลด้านความมั่นคง และสตช. ว่า ผบ.ตร. คงไม่สามารถกำหนดคุณสมบัติรองนายกได้ มีแต่ว่า สตช.หรือ ผบ.ตร.จะทำอะไร เคยเรียนแล้วว่า หน้าที่ของสตช. คือ เป็นกลไกของรัฐที่จะรักษาความสงบเรียบร้อย ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ตาม เรามีหน้าที่นี้ โดยใช้กฎหมายอย่างเสมอภาคและเป็นธรรม เมื่อถามว่า ตามโผของ ครม.มีอดีต ผบ.ตร.จะดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกฯด้านความมั่นคงด้วย พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวเพียงว่า หน้าที่หลักของ สตช.คือ ทำตามนโยบายของรัฐบาล ในการรักษาความสงบเรียบร้อย
หนุน “ยุทธศักดิ์” คุม กห.
นายนพดล กรรณิการ์ ผอ.สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ ม.อัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจเรื่อง “โผคณะรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ 1” ในสายตาของสาธารณชน ช่วงโค้งสุดท้ายใน 17 จังหวัด จำนวน 2,114 ตัวอย่าง โดยจากการเปรียบเทียบผลสำรวจสองครั้งที่ผ่านมา พบว่า นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ได้รับเสียงสนับสนุนในตำแหน่ง รมต.ด้านงานประชาสัมพันธ์ ร้อยละ 61.7 ในครั้งที่ 1 และร้อยละ 60.8 ในครั้งที่ 2 พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ได้รับเสียงสนับสนุนเพิ่มขึ้นในตำแหน่ง รมว.กลาโหม จากร้อยละ 54.8 มาอยู่ที่ร้อยละ 57.9 พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก ได้รับเสียงสนับสนุนร้อยละ 57.6 ในการดูแลกระทรวงยุติธรรม นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ได้รับเสียงสนับสนุนให้ดูแลกระทรวงมหาดไทย เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 49.6 มาอยู่ที่ร้อยละ 57.5
หนุน “ประชา” คุม สตช.
นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ได้รับเสียงสนับ สนุนให้ดูแลด้านเศรษฐกิจ เพิ่มสูงขึ้นจากร้อยละ 41.4 มาอยู่ที่ร้อยละ 57.3 พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ได้รับเสียงสนับสนุนเพิ่มจากร้อยละ 56.6 มาอยู่ที่ร้อยละ 57.1 ในการดูแลระบบงานตำรวจ นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ได้รับเสียงสนับสนุนเพิ่มขึ้นในการดูแลกระทรวงพลังงาน จากร้อยละ 46.6 มาอยู่ที่ร้อยละ 56.2 นายวิกรม คุ้มไพโรจน์ ได้รับเสียงสนับสนุนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 36.9 มาอยู่ที่ร้อยละ 50.2 ในการดูแลด้านต่างประเทศ และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ได้เสียงสนับสนุนร้อยละ 35.4 ในการดูแลกระทรวงสาธารณสุข
ค้านนายทุนเป็นรมต.
อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 72.7 ไม่เห็นด้วยที่จะให้กลุ่มนายทุนมาเป็นรัฐมนตรี และมีประชาชนเพียงร้อยละ 25.4 เห็นด้วยที่จะให้กลุ่มแกนนำคนเสื้อแดงเป็นรัฐมนตรี ขณะที่จำนวนมาก หรือร้อยละ 42.7 ไม่เห็นด้วย ทั้งนี้ ประชาชนร้อยละ 41.0 อยากให้โอกาสรัฐบาลชุดใหม่ ภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อยู่ทำงานจนครบวาระ ขณะที่ร้อยละ 13.2 ให้โอกาสไม่เกิน 6 เดือน ส่วนความคาดหวังต่อการทำหน้าที่ประธานสภาของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ พบว่า ร้อยละ 51.0 คาดหวังปานกลาง ร้อยละ 43.0 คาดหวังมากถึงมากที่สุด และร้อยละ 6.0 คาดหวังน้อยถึงไม่คาดหวังเลย
ถึงจุดการเมืองเปลี่ยน
ขณะที่ สวนดุสิตโพล ม.ราชภัฏสวน ดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ ต่อ “นายกรัฐมนตรีหญิง” คนแรกของไทย ในสายตาประชาชน จำนวน 1,336 คน พบว่า 47.66% เห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกฯหญิงคนแรกของประเทศไทย เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของการเมืองไทย 21.35% เป็นไปตามที่คาดไว้ เพราะเป็นผู้ที่พรรคเพื่อไทยวางตัวไว้ให้เป็นนายกฯ ตั้งแต่แรก 14.33% ไม่มั่นใจในตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์, เป็นเพียงนายกฯ เงาที่ไม่มีอำนาจในการบริหารอย่างแท้จริง 8.68% คงจะต้องพิสูจน์ตนเองอย่างเต็มที่และเร่งทำผลงานตามที่ได้ประกาศไว้กับประชาชนในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง 7.98% บ้านเมืองจะดีขึ้นหรือแย่ลงคงจะขึ้นอยู่กับการบริหารประเทศของนายกฯ คนใหม่
เรื่องเร่งด่วนต้องแก้
ขณะที่เรื่องเร่งด่วนที่ประชาชนอยากให้ทำ 46.87% เห็นว่า การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ราคาสินค้าแพง การเพิ่มค่าแรง 300 บาท ขึ้นเงินเดือน ป.ตรี 15,000 บาท 17.94% การแก้ปัญหายาเสพติด ผู้มีอิทธิพล ปัญหาอาชญากรรม 11.46% ความมั่นคงของประเทศ ปัญหาชายแดน 11.03% การพัฒนาการศึกษาของไทย การปฏิรูปการศึกษา 7.66% การสร้างความปรองดองของคนในชาติ 5.04% นโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลใหม่สัญญาไว้กับประชาชน ปัญหาน้ำท่วม การจราจร
เมื่อถามว่า ประชาชนจะให้เวลานายกฯ แสดงฝีมือในการบริหารประเทศเป็นเวลานานเท่าใด 52.38% ให้เวลามากกว่า 6 เดือน เพราะปัญหาต่าง ๆ ของประเทศในขณะนี้มีมาก 25.51% ให้เวลาภายใน 6 เดือน เพราะรัฐบาลน่าจะสร้างผลงานให้เห็นเป็นรูปธรรมได้ 19.16% ให้เวลาภายใน 3 เดือน 2.95% ให้เวลาภายใน 1 เดือน
ต้านจาบจ้วงสถาบัน
ที่บริเวณหน้าลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี จ.นครราชสีมา นายประทีป ณ นคร แกนนำกลุ่มนักรบเมืองย่า ได้นำสมาชิกในกลุ่มประมาณ 50 คน รวมตัวกัน อ่านแถลงการณ์โดยเรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. ให้ กกต. ลาออกเพราะถือว่า กกต.ชุดนี้ไม่มีความเหมาะสมในการทำหน้าที่อีกต่อไป ไม่สามารถทำให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ ยุติธรรมได้ และที่ร้ายแรงที่สุด กกต.ได้ปล่อยให้นายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้ต้องหาคดีจาบจ้วงสถาบันได้รับการรับรองให้เป็น ส.ส.
“ถือว่า กกต.ได้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบละเลยในการปฏิบัติหน้าที่ฉะนั้น ไม่สมควรที่จะทำหน้าที่ต่อไปและขอเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แสดงความจริงใจในการปกป้องสถาบัน โดยอย่าแต่งตั้งคนที่เคยพูดจาจาบจ้วงสถาบัน ให้เข้ามารับตำแหน่งใด ๆ ในคณะรัฐมนตรีชุดนี้ ถ้าทำได้กลุ่มนักรบเมืองย่าก็พร้อมให้กำลังใจและสนับสนุนให้บริหารบ้านเมือง แต่ถ้าทำไม่ได้พร้อมจะออกมาต่อต้านจนถึงที่สุดแม้จะแลกด้วยชีวิต เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ที่รักยิ่ง” นายประทีป กล่าว
เผาหุ่นกกต.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มนักรบเมืองย่า ได้ร่วมกันนำหุ่น กกต.และพวงหรีดที่มีข้อความไม่พอใจนายจตุพรมาจุดไฟเผา เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความไม่พอใจท่ามกลางประชาชนนักท่องเที่ยวที่มากราบสักการะขอพรอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีจำนวนมากที่ยืนดูด้วยความสนใจ
ทูลเกล้าฯโผครม. 9 ส.ค.
รายงานข่าวแจ้งว่าสำหรับความเคลื่อน ไหวการจัดโผ “ครม.ยิ่งลักษณ์ 1” หลังจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ และแกนนำวางปฏิทินคร่าว ๆ จะทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรีอย่างเร็วที่สุดไม่เกินเที่ยงของวันที่ 9 ส.ค. เพื่อให้มีรัฐบาลใหม่ทันวันที่ 12 ส.ค. และถึงแม้ว่าเวลาก่อนที่จะทูลเกล้าฯ โผ ครม.ยังมีโอกาสพลิกได้ตลอดเวลา แต่จากการหารือล่าสุดรายชื่อในโผ “ครม.ยิ่งลักษณ์ 1” ส่วนของกระทรวงหลักยังไม่เปลี่ยนไปจากที่ปรากฏเป็นข่าวมากนัก ยกเว้นบางกระทรวงที่สลับเพื่อความเหมาะสม โดยตำแหน่ง รมว.กลาโหม ยังคงมีแนวโน้มเป็น พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ส.ส.บัญชีรายชื่อ เช่นเดียวกับ รมว.คลัง ยังมีแนวโน้มเป็นนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รมว.คมนาคม แนวโน้มเป็น พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีตผู้ช่วย ผบ.ทอ. และเพื่อนร่วมเตรียมทหารรุ่น 10 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ
“เทียนทอง” นั่งรมช.มท.
สำหรับเก้าอี้ รมว.มหาดไทย แนวโน้มยังคงเป็นนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย มีนายฐานิสร์ เทียนทอง ส.ส.สระแก้ว เป็น รมช.มหาดไทย ส่วน รมว.พาณิชย์ แนวโน้มยังคงเป็นนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตเลขาธิการ ก.ล.ต. โดยมีนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ ส.ส.พิจิตร พรรคชาติไทยพัฒนา เป็น รมช.พาณิชย์ เช่นเดียวกับ รมว.พลังงาน แนวโน้มยังคงเป็น นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ขณะที่ รมว.ยุติธรรม แนวโน้มก็ยังคงเป็นพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ส.ส.บัญชีรายชื่อ รมว.ศึกษาธิการ แนวโน้มก็ยังเป็นพ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยคาดว่านางบุญรื่น ศรีธเรศ ส.ส.กาฬสินธุ์ และนายภูมิ สาระผล ส.ส.ขอนแก่น ไปนั่งในตำแหน่ง รมช.ศึกษาธิการด้วยกันทั้งคู่
สันติติดโผคุมก.ไอซีที
รายงานข่าวแจ้งว่า ทั้งนี้ผลจากการวิ่งเต้นของแกนนำหลายส่วน ล่าสุดเกิดความเปลี่ยนแปลงในหลายกระทรวง ดังนี้ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ล่าสุดมีแนวโน้มว่าจะเป็นนายสันติ พร้อมพัฒน์ ส.ส.เพชรบูรณ์ จะมารับตำแหน่ง รมว.ไอซีที โดยการผลักดันของนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ส่วน รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ คาดว่าจะเป็น น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กรุงเทพฯ กลุ่มคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ุ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ส่วนเก้าอี้ รมว.แรงงาน คาดว่าเป็นนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ คนสนิทนางเยาวภา ขณะที่กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ หลังไม่สามารถขอแลกกับกระทรวงอุตสาหกรรมกับพรรครวมชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินได้ จึงยังเป็นโควตาของพรรคเพื่อไทย ซึ่งคาดว่าจะเป็นนายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา จะมานั่งในเก้าอี้ รมว.วิทยาศาสตร์ฯ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยังปรากฏชื่อของนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข ส.ส.เลย เข้ามาแคนดิเดต รมว.อีกด้วย
ปลอดพลิกคุม “บัวแก้ว”
รายงานข่าวแจ้งว่า ด้านตำแหน่ง รมว.การต่างประเทศ อาจจะกลับมาเป็นนายปลอดประสพ สุรัสวดี ส.ส.บัญชีรายชื่อ หลังจากนายจุลพงศ์ โนนศรีชัย เอกอัครราชทูตไทยประจำนอร์เวย์ ติดเงื่อนไขบางประการทำให้ไม่สามารถมารับตำแหน่งได้ โดยที่ยังมีชื่อนายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ส.ส.อุดรธานี เป็นรมช.ต่างประเทศ นอกจากนี้ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข คุณหญิงสุดารัตน์ มีแนวโน้มจะผลักดันนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กรุงเทพฯ เข้ามารับตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข ได้สำเร็จ โดยจะมีนพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.ชัยภูมิ คนสนิทนายพายัพ ชินวัตร ประธานภาคอีสานเข้ามารับตำแหน่ง รมช.สาธารณสุข แต่อาจจะมีการสลับกันทำหน้าที่กับนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน ที่เบียดชื่อนายอิทธิเดช แก้วหลวง ส.ส.เชียงราย ออกไปจากโผ ครม.แล้วในตอนนี้ เช่นเดียวกับนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการพรรค ชื่อหลุดจากโผไปแล้วเช่นกัน
เด็กเจ๊แดงติดโผอื้อ
รายงานข่าวแจ้งว่า นอกจากนี้คาดว่านายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ส.ส.เชียงใหม่ คนสนิทนางเยาวภาจะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ส่วนนายบัณฑูร สุภัควณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ ก็มีชื่อกลับมาที่ตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แล้ววางตัวนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล กลับไปบริหารจัดการและคุมส.ส.ในสภาเช่นเดิม อย่างไรก็ตามในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลโควตา ประกอบด้วย รมว.เกษตรและสหกรณ์ แนวโน้มยังคงเป็นนายธีระ วงศ์สมุทร จากพรรคชาติไทยพัฒนา แล้วมีนายพรศักดิ์ เจริญประเสริฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็น รมช.เกษตรฯ ส่วนเก้าอี้ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา แนวโน้มยังคงเป็นนายชุมพล ศิลปอาชา จากพรรคชาติไทยพัฒนา รมว.อุตสาหกรรม แนวโน้มกลับไปของพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินซึ่งส่ง นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล เข้าประกวด ด้านพรรคพลังชล ได้เก้าอี้ รมว.วัฒนธรรม ซึ่งค่อนข้างชัดเจนว่ามีนางกุสุมล คุณปลื้ม เป็นรมว.
“เฉลิม” ลุ้นคุมสตช.
รายงานข่าวแจ้งว่ายังปรากฏความเคลื่อนไหวล่าสุดในส่วนของเก้าอี้รองนายกฯ คาดว่าจะประกอบด้วย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ที่จะควบด้วยเก้าอี้ รมว.มหาดไทย นายชุมพล ศิลปอาชา ที่จะควบด้วยตำแหน่ง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.บัญชีรายชื่อ คาดว่าจะได้รับมอบให้ดูแลตำรวจ ส่วน พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ อดีตผบ.ตร. ไม่มีชื่อในโผแล้ว และมีชื่อนายโอฬาร ไชยประวัติ กลับมาเป็นรองนายกฯ ดูแลด้านเศรษฐกิจ